เดิมทีเป็นถึงโอรสแห่งสวรรค์ที่น่าภาคภูมิใจ แต่ในตอนนี้เขากลับเป็นเพียงแค่ขยะในสายตาของที่ทุกคน
เมื่อเห็นเธอร้องไห้ อ๋องหรงก็รู้สึกกระวนกระวายใจ
เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเธอและพูดว่า "ข้าใช่ว่าข้าไม่เชื่อ พระชายา ข้าทำเจ้าน้อยใจแล้ว!"
“ข้าไม่ได้น้อยใจ” เธอคว้าฝ่ามือของเขาและกุมไว้แน่น“ข้าแค่ไม่สบายใจ ตอนนั้นข้าควรจะไปให้ไกลกว่านี้ ไปยังแคว้นเพื่อนบ้านหรือไปที่ที่ไกลกว่านั้น ไกลจนท่านไม่พบข้า บางทีเรื่องราวในตอนนี้มันอาจจะแตกต่างออกไป ขาของท่านก็คงจะไม่เป็นอะไร”
“เจ้าพูดอะไรของเจ้า” สีหน้าของท่านอ๋องหรงหนักอึ้ง เขาจับข้อมือของเธอและดึงเธอมาตรงหน้า เขาก้มลงกอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา “ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดิน ขอเพียงแค่เป็นเจ้า ข้าก็พร้อมที่จะไปตามหา หากข้าไม่เจอเจ้าข้าก็จะไม่มีวันยอมแพ้ บางที...ถึงตอนนั้นข้าอาจจะไม่ใช่แค่เสียขาทั้งสองข้าง แต่เป็นชีวิตต่างหาก!”
“ท่าน...” เธอซบอยู่ในอ้อมแขนของเขาและสะอื้นไห้อย่างเจ็บปวด
อ๋องหรงตบหลังเธอเบาๆอย่างอ่อนโยน "ทำไมพระชายาของข้าถึงได้ขี้แยเช่นนี้"
"ท่านอย่าขัดบรรยากาศสิ" เธอเช็ดน้ำตาจากหางตา กอดคอเขาแน่นด้วยมือของเธอแล้วพูดว่า "ข้าอยากให้ท่านหายดี ขาของท่านจะต้องกลับมาใช้งานได้ ท่านต้องเชื่อข้า"
"ข้าเชื่อเจ้า"
เขาลูบผมยาวของเธอจนเลื่อนมาถึงเอว เขากระชับกอดให้แน่นขึ้น
ในใจเขารู้ดีว่ามันจะยากมากที่ขาทั้งสองข้างของเขาจะกลับมายืนได้อีกครั้ง
หากหรงเวินหยูลงมือ ไม่ตายก็พิการ
กระบวนท่าที่เขานั่นนั่นนับเป็นททาไม้ตาย
เธอผลักเขาออกเบาๆ ก้มศีรษะลงเพื่อจัดการกับใบหน้าเธอให้เรียบร้อย เธอพูดขึ้นว่า "ข้าจะไปทำเครื่องเสวย"
"พระชายา ให้สาวใช้ไปทำเถอะขอรับ" อิงซากล่าว
“ไม่ต้องหรอก ข้าอยากลงห้องพระเครื่องต้นด้วยตนเอง” ไป๋ชิงหลิงเงยหน้าขึ้นแล้วพูด
อ๋องหรงขมวดคิ้วเล็กน้อยและถามว่า "เจ้าจะไปทำอะไรที่ห้องพระเครื่องต้น"
เธอลูบหลังมือของเขาแล้วพูดว่า "ข้าอยากทำอาหารอร่อยๆ ให้ท่านด้วยตัวเอง มีอะไรที่ท่านอยากกินเป็นพิเศษไหม ข้าขอให้ชิงอี้สอนข้าได้ นางทำอาหารเก่งมาก"
"เจ้าทำอะไรมาข้าก็ชอบหมดนั่นแหละ"
"ถ้างั้น ข้าจะไปทำมาให้" ไป๋ชิงหลิงลุกขึ้นช้าๆ เงยหน้าขึ้นมองอิงซาแล้วพูดว่า "เจ้าดูท่านอ๋องให้ดี อย่าให้พระองค์ทำอะไรซี้ซั้ว หากเขาบอกให้เจ้าช่วยประคองให้เขายืนขึ้น เจ้าก็ไม่ต้องไปสนใจ นี่คือภารกิจที่ข้ามอบให้เจ้า"
"ขอรับ พระชายา"
ท่านอ๋องหรงยิ้มต่ำ "พระชายาสั่งให้คนของข้ามาดูแลข้า พระชายาลืมไปรึเปล่าว่าองครักษ์อินทรีดำไม่เคยทรยศเจ้านายของตนเอง"
“สามีภรรยาเป็นหนึ่งเดียว ของของท่านก็เป็นของของข้า ต่อให้คุณเลี้ยงหมาป่าหิมะ ข้าคนนี้ก็มีสิทธิ์ออกคำสั่ง!” เธอเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับยิ้มจาง ๆ ที่มุมปาก ลักยิ้มสองข้างปรากฎขึ้นบนแก้มทั้งสองข้างทันที
ทันทีที่อ๋องหรงได้ยินประโยคนี้ เขาก็หัวเราะไม่หยุด
อารมณ์ของไป๋ชิงหลิงก็ผ่อนคลายลงมากเช่นกัน เธอเตือนท่านอ๋องหรงอย่างดุร้ายอีกครั้ง "ท่านห้ามยืนหากไม่ได้รับอนุญาตจากข้า"
“ขอรับ พระชายา!” เขาตอบอย่างเอาใจ
ไป๋ชิงหลิงเดินออกจากพระที่นั่งถิงเซียงอย่างพอใจและตรงไปที่ห้องพระเครื่องต้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...