“เจ้าผิด แต่คนที่เจ้าต้องขอโทษไม่ใช่ข้า แต่เป็นนาง” ไป๋ชิงหลิงผลักไป๋หมิงฮุ่ยไปข้างหน้า
ไป๋หมิงฮุ่ยตกใจ นางหดคอกลับแล้วพูดว่า “ไม่จำเป็นเลย พระชายา”
“หมิงฮุ่ย จำสิ่งที่ข้าพูดในวันนี้ไว้ ในภายภาคหน้าหากมีใครก็ตามที่กล้าทุบตีเจ้า เจ้าจงมาหาข้าที่จวนอ๋องหรง ข้าจะยืนหยัดเพื่อเจ้า” ไป๋ชิงหลิงพูดด้วยใบหน้าจริงจัง
การแสดงออกของเสิ่นโหรวเม่ยแย่มาก แต่นางไม่ได้แสดงอะไรบนใบหน้าของนาง นางหันไปหาไป๋หมิงฮุ่ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคับข้องใจแล้วพูดว่า “ข้าขอโทษ เมื่อครู่ข้าแค่...”
“พอแล้ว!” อ๋องเฉินคำรามพร้อมเขวี้ยงยาลงไป “พี่สะใภ้เจ็ดท่านไม่จำเป็นต้องทำให้เม่ยเอ๋อร์อับอายเช่นนี้ นางลงมือแล้วอย่างไร นางเป็นพระชายาที่สง่างาม ถึงขั้นต้องคำนับและขอโทษสามัญชน นี่ท่านกำลังดูถูกข้าใช่ไหม?”
ยาที่เขาเขวี้ยงแตกกระจายทันที ขวดกระเบื้องแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ยาที่อยู่ภายในกระจายไปทั่วพื้น
ไป๋ชิงหลิงเหลือบมองยาบนพื้น ใบหน้านางทั้งมืดมนและหวาดกลัว “อ๋องเฉิน ท่านรู้หรือไม่ว่ายาที่ท่านทำทิ้งมีค่าเท่าไร?”
อ๋องเฉินมองดูยาที่เขาเขวี้ยงแตกแล้วอยากตบตัวเองอย่างแรง
เมื่อครู่เขาทำอะไร?
“หนึ่งตำลึงเงิน” ไป๋ชิงหลิงกัดฟันและพูดอย่างเย็นชา “ในสายตาของอ๋องเฉิน เงินเพียงหนึ่งตำลึงอาจไม่มีค่าอะไร คงต้องขอให้อ๋องเฉินออกไปดูนอกเมือง ทุกที่ยังมีขอทานผู้ขาดแคลน”
“ข้า...”
“ออกไป” ไป๋ชิงหลิงไม่ต้องการเห็นทั้งสองคนอีก นางเสียอารมณ์เดิมของนางจึงขับไล่แขกอย่างเรียบง่ายและหยาบคาย
อ๋องเฉินกลืนน้ำลาย รู้สึกว่าเขาสร้างปัญหาแล้ว แต่เขาก็ไม่สามารถยอมประนีประนอมได้
เขาจับมือเสิ่นโหรวเม่ยแล้วพูดว่า “ไปก็ไป ข้ายังไม่เชื่อว่าขาของข้าจะไม่ดีขึ้นหากไม่มียาของท่าน”
“ไปกันเถอะเม่ยเอ๋อร์” อ๋องเฉินเดินกะเผลกพร้อมดึงเสิ่นโหรวเม่ยออกจากห้องตรวจโรค
หลังจากพวกเขาจากไป ไป๋หมิงฮุ่ยก็คุกเข่าลงอย่างไม่สบายใจ...
จู่ๆ ไป๋ชิงหลิงก็มองลงมาที่นางแล้วพูดว่า “หมิงฮุ่ยลุกขึ้น”
“พระชายา ข้าเป็นคนลากท่านลงมา อันที่จริงการตบครั้งนี้ไม่ได้เจ็บปวดมากนัก” ไป๋หมิงฮุ่ยร่ำไห้อย่างเงียบๆ ทั้งยังพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น
ไป๋ชิงหลิงคว้าแขนดึงนางขึ้นจากพื้น กดนางลงบนเก้าอี้ตรงหน้าแล้วพูดว่า “เจ้าได้ยินทุกอย่างที่ข้าพูดเมื่อครู่”
“เพคะ!” ไป๋หมิงฮุ่ยตอบรับหลายครั้ง
ไป๋ชิงหลิงจัดผมของนางให้เรียบแล้วพูดว่า “เช่นนั้นจงจำไว้ในใจ ในโรงหมอฮุ่ยหมินไม่มีท่านอ๋องหรือพระชายา มีแต่ผู้ป่วย หน้าที่ของเจ้าคือใช้สิ่งที่เจ้าเรียนรู้มาช่วยเหลือผู้ป่วยที่ต้องการการรักษา ไม่ใช่มาเสียเวลากับการชมเชยผู้สูงศักดิ์เหล่านั้น”
ไป๋หมิงฮุ่ยสงบลงหลังจากได้ยินเช่นนี้ “ข้าเข้าใจแล้วเพคะ”
“เก็บยา” ไป๋ชิงหลิงดึงมือออก เหลือบมองยาที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น ก่อนจะหันหลังออกจากห้องตรวจโรค แล้วไปที่ห้องเก็บยาเพื่อจัดยา
เมื่อนางออกมาอีกครั้ง หรงเยี่ยก็กำลังรอนางอยู่นอกห้องเก็บยา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...