ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 325

สรุปบท บทที่ 325 อ๋องเฉินโกรธจัด: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น

ตอน บทที่ 325 อ๋องเฉินโกรธจัด จาก ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 325 อ๋องเฉินโกรธจัด คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายการเกิดใหม่ ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น ที่เขียนโดย พระจันทร์ขี้เมา เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

“เจ้าผิด แต่คนที่เจ้าต้องขอโทษไม่ใช่ข้า แต่เป็นนาง” ไป๋ชิงหลิงผลักไป๋หมิงฮุ่ยไปข้างหน้า

ไป๋หมิงฮุ่ยตกใจ นางหดคอกลับแล้วพูดว่า “ไม่จำเป็นเลย พระชายา”

“หมิงฮุ่ย จำสิ่งที่ข้าพูดในวันนี้ไว้ ในภายภาคหน้าหากมีใครก็ตามที่กล้าทุบตีเจ้า เจ้าจงมาหาข้าที่จวนอ๋องหรง ข้าจะยืนหยัดเพื่อเจ้า” ไป๋ชิงหลิงพูดด้วยใบหน้าจริงจัง

การแสดงออกของเสิ่นโหรวเม่ยแย่มาก แต่นางไม่ได้แสดงอะไรบนใบหน้าของนาง นางหันไปหาไป๋หมิงฮุ่ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคับข้องใจแล้วพูดว่า “ข้าขอโทษ เมื่อครู่ข้าแค่...”

“พอแล้ว!” อ๋องเฉินคำรามพร้อมเขวี้ยงยาลงไป “พี่สะใภ้เจ็ดท่านไม่จำเป็นต้องทำให้เม่ยเอ๋อร์อับอายเช่นนี้ นางลงมือแล้วอย่างไร นางเป็นพระชายาที่สง่างาม ถึงขั้นต้องคำนับและขอโทษสามัญชน นี่ท่านกำลังดูถูกข้าใช่ไหม?”

ยาที่เขาเขวี้ยงแตกกระจายทันที ขวดกระเบื้องแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ยาที่อยู่ภายในกระจายไปทั่วพื้น

ไป๋ชิงหลิงเหลือบมองยาบนพื้น ใบหน้านางทั้งมืดมนและหวาดกลัว “อ๋องเฉิน ท่านรู้หรือไม่ว่ายาที่ท่านทำทิ้งมีค่าเท่าไร?”

อ๋องเฉินมองดูยาที่เขาเขวี้ยงแตกแล้วอยากตบตัวเองอย่างแรง

เมื่อครู่เขาทำอะไร?

“หนึ่งตำลึงเงิน” ไป๋ชิงหลิงกัดฟันและพูดอย่างเย็นชา “ในสายตาของอ๋องเฉิน เงินเพียงหนึ่งตำลึงอาจไม่มีค่าอะไร คงต้องขอให้อ๋องเฉินออกไปดูนอกเมือง ทุกที่ยังมีขอทานผู้ขาดแคลน”

“ข้า...”

“ออกไป” ไป๋ชิงหลิงไม่ต้องการเห็นทั้งสองคนอีก นางเสียอารมณ์เดิมของนางจึงขับไล่แขกอย่างเรียบง่ายและหยาบคาย

อ๋องเฉินกลืนน้ำลาย รู้สึกว่าเขาสร้างปัญหาแล้ว แต่เขาก็ไม่สามารถยอมประนีประนอมได้

เขาจับมือเสิ่นโหรวเม่ยแล้วพูดว่า “ไปก็ไป ข้ายังไม่เชื่อว่าขาของข้าจะไม่ดีขึ้นหากไม่มียาของท่าน”

“ไปกันเถอะเม่ยเอ๋อร์” อ๋องเฉินเดินกะเผลกพร้อมดึงเสิ่นโหรวเม่ยออกจากห้องตรวจโรค

หลังจากพวกเขาจากไป ไป๋หมิงฮุ่ยก็คุกเข่าลงอย่างไม่สบายใจ...

จู่ๆ ไป๋ชิงหลิงก็มองลงมาที่นางแล้วพูดว่า “หมิงฮุ่ยลุกขึ้น”

“พระชายา ข้าเป็นคนลากท่านลงมา อันที่จริงการตบครั้งนี้ไม่ได้เจ็บปวดมากนัก” ไป๋หมิงฮุ่ยร่ำไห้อย่างเงียบๆ ทั้งยังพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น

ไป๋ชิงหลิงคว้าแขนดึงนางขึ้นจากพื้น กดนางลงบนเก้าอี้ตรงหน้าแล้วพูดว่า “เจ้าได้ยินทุกอย่างที่ข้าพูดเมื่อครู่”

“เพคะ!” ไป๋หมิงฮุ่ยตอบรับหลายครั้ง

ไป๋ชิงหลิงจัดผมของนางให้เรียบแล้วพูดว่า “เช่นนั้นจงจำไว้ในใจ ในโรงหมอฮุ่ยหมินไม่มีท่านอ๋องหรือพระชายา มีแต่ผู้ป่วย หน้าที่ของเจ้าคือใช้สิ่งที่เจ้าเรียนรู้มาช่วยเหลือผู้ป่วยที่ต้องการการรักษา ไม่ใช่มาเสียเวลากับการชมเชยผู้สูงศักดิ์เหล่านั้น”

ไป๋หมิงฮุ่ยสงบลงหลังจากได้ยินเช่นนี้ “ข้าเข้าใจแล้วเพคะ”

“เก็บยา” ไป๋ชิงหลิงดึงมือออก เหลือบมองยาที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น ก่อนจะหันหลังออกจากห้องตรวจโรค แล้วไปที่ห้องเก็บยาเพื่อจัดยา

เมื่อนางออกมาอีกครั้ง หรงเยี่ยก็กำลังรอนางอยู่นอกห้องเก็บยา

หรงเยี่ยถอนหายใจเบาๆ “เสด็จแม่ ลูกมาที่นี่เพื่อสารภาพผิดต่อเสด็จแม่แทนเจาเสวี่ย”

“สารภาพผิด สารภาพผิดอะไรกัน?” ฮองเฮาอู่งุนงง

หรงเยี่ยมองยาบนโต๊ะแล้วพูดว่า “เจาเสวี่ยเปิดโรงหมอฮุ่ยหมินอยู่ด้านนอกก็เพื่อช่วยเหลือคนยากไร้ ในคืนนี้น้องแปดและพระชายาเฉินมาหาหมอเพื่อรักษาขา เดิมทียาถูกจัดจนเสร็จสิ้นแล้ว ขาดเพียงแค่การฝังเข็ม เมื่อไม่นานมานี้เจาเสวี่ยได้พาหมอฝึกหัดเข้ามา นางสั่งให้หมอฝึกหัดถอนเข็มให้น้องแปด แต่พระชายาเฉินไม่พอใจที่ชายาข้าเรียกหมอมือใหม่เข้ามา จากนั้นนางจึงตบหน้าหมอฝึกหัดต่อหน้าชายาข้า”

“อะไรนะ!!” สีหน้าฮองเฮาอู่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

“เสด็จแม่เพียงแค่ถอนเข็มออกเท่านั้น ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยโดยถอนเข้ม มันไม่เจ็บเลย แต่พระชายาเฉินทุบตีคนเพราะเรื่องนี้ ชายาข้าไม่พอใจและขอให้นางขอโทษหมอหญิง ข้าได้ยินพวกเขาเอะอะเสียงดังออกจากห้องตรวจโรคแต่ก็ปล่อยให้นางแก้ปัญหาเอง แต่น้องแปดกลับเข้าไปยุ่งกับเรื่องของผู้หญิง ทั้งยังทำลายยาที่เจาเสวี่ยจัดทิ้งทันที”

“เจ้าแปดทำลายยาที่เจาเสวี่ยจัดให้” สีหน้าฮองเฮาอู่ค่อยๆ มืดลง ดวงตานางมืดลงเล็กน้อย “เสิ่นโหรวเม่ยทำร้ายคนอื่นก่อน”

“ข้าจะไม่กล่าวถึงเรื่องนี้อีก แต่หลังจากน้องแปดจากไป เจาเสวี่ยยังคิดถึงเรื่องเท้าของน้องแปด นางจึงจัดยาอีกครั้ง ข้าเกรงว่าน้องแปดจะไม่ยอมกินยาที่เจาเสวี่ยจัดให้ดังนั้นข้าจึงเข้าวังแล้วถวายแก่เสด็จแม่ ข้าคิดว่าน้องแปดและน้องสะใภ้แปดคงฟังเสด็จแม่” หรงเยี่ยลูบเป่าลี่ว์ที่เข้าวังมากับตน

ใครจะไปรู้ว่าหลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูด แมวในอ้อมแขนเขาก็แอบดูหมิ่นเขาว่าช่างกลับกลอกและร้ายกาจ!

..........

เชิงอรรถ

[1] เล่นตีคลี เรียกอีกอย่างว่ากีฬาขี่ม้าโปโล เป็นกีฬาที่เล่นกันในกษัตริย์หรือผู้คนชั้นสูงเท่านั้น ซึ่งคนที่จะเล่นกีฬาชนิดใดจะต้องเป็นเชื้อพระวงศ์ หรือชนชั้นสูง กีฬาชนิดนี้จึงจัดว่าเป็นกีฬาที่ไว้ใช้สำหรับเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างกลุ่มชนชั้นสูงเท่านั้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น