หงเหนียงเดินมาข้างหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมพูดด้วยท่าทางลำบากใจ “พระชายา ในที่สุดท่านก็มาแล้ว ท่านดูสิ...”
“ท่านมาทันเวลาพอดี” พระชายาอันจวินซึ่งนั่งอยู่บนเบาะวางถ้วยชาในมือลง ยืนขึ้นแล้วเดินเข้ามาหาไป๋ชิงหลิงด้วยความไม่พอใจ
จากนั้นนางก็ยกถ้วยชาในมือขึ้นกระแทกไปทางไป๋ชิงหลิง
หมอหญิงและหงเหนียงในโรงหมอร้องอุทานทันที “พระชายา!”
ยามถ้วยชากำลังจะโดนหน้าไป๋ชิงหลิงก็มีมือหนึ่งผ่านออกมาจากข้างหลังนางอย่างรวดเร็ว คว้าสิ่งอันตรายซึ่งกำลังลอยเข้าหาไป๋ชิงหลิงแล้วกระแทกลงกับพื้นอย่างแรง
เกิดเสียง “เพล้ง”
พระชายาอันจวินขว้างเครื่องลายครามของไป๋ชิงหลิง และมันกลับมาตกอยู่แทบเท้าของพระชายาอันจวิน
พระชายาอันจวินผงะและรีบถอยห่างไป
ขณะที่หวู่ซือหลิงซึ่งยืนอยู่ข้างกายนางรีบเข้าไปพยุงพระชายาอันจวินพร้อมร้องด้วยใบหน้ากังวล “เสด็จอาสะใภ้”
แต่ทันทีที่พระชายาอันจวินยืนหยัดได้ ไป๋ชิงหลิงก็เดินไปหานางอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยกมือขึ้นตบพระชายาอันจวินอย่างดุเดือด
เสียงตบดังขึ้นทันที พระชายาอันจวินส่งเสียงร้องลั่น “กรี๊ด!”
หวู่ซือหลิงจ้องมองอย่างตะลึงงัน นางเติมเชื้อเพลิงให้กับเรื่องนี้โดยไม่ต้องคิดมาก “น้องเจ็ด เจ้าตีเสด็จอาสะใภ้เช่นนี้ได้อย่างไร ไม่ว่าอย่างไรนางก็ยังเป็นผู้อาวุโสของเรานะ”
“ผู้อาวุโส?” ไป๋ชิงหลิงมองห้องที่ยุ่งเหยิง โรงหมอฮุ่ยหมินเกิดจากความพยายามอันแสนอุตสาหะของนาง แต่คนผู้นี้กลับกระทำการโดยประมาทจากการถือว่าตนว่าเป็นผู้อาวุโส
คิดว่านางจะไม่มีอารมณ์ได้จริงหรือ?
“เสด็จอาสะใภ้ช่างไร้เหตุผล ควรค่าแก่การเคารพของอนุชนรุ่นหลังตรงไหน ลูกชายของท่านถูกม้ากระทืบ ข้าใช้เวลาร่วมห้าชั่วยามเพื่อพาเขากลับจากประตูนรก แต่ท่านกลับต้องการทำลายชีวิตเขาและทุบโรงหมอของข้า” ไป๋ชิงหลิงตำหนิอย่างโกรธเกรี้ยว
พระชายาอันจวินคิดถึงลูกชายของนางอย่างกระวนกระวายใจ มากจนเสียการตัดสินใจ ควบคู่ไปกับคำพูดของหวู่ซือหลิง นางรู้สึกว่าอยู่ในโรงหมอฮุ่ยหมิน ลูกชายของนางมีแต่จะอันตรายมากขึ้น...
“โรงหมอที่เลี้ยงฆาตกรจะสามารถช่วยลูกข้าได้อย่างไร? ข้าไม่เชื่อ วันนี้ข้าต้องการเปิดโปงใบหน้าอันดำมืดและอัปลักษณ์ของโรงหมอนี้ต่อสาธารณะ” ดวงตาแดงก่ำของพระชายาอันจวินหันไปทางประตูมองผู้คนที่แออัดราวสายน้ำด้านนอกแล้วกล่าวว่า “ทุกคนลืมตาดูสิว่ามีฆาตกรอยู่ในโรงหมอแห่งนี้ มันคือหมอหญิงที่ได้รับการสั่งสอนโดยหญิงผู้นี้ หมอหญิงที่อยู่ภายใต้มือของนางสังหารบิดามารดาผู้ให้กำเนิดรวมทั้งพี่ชายเพื่อเรียนรู้ทักษะทางการแพทย์”
เมื่อทุกคนได้ยินคำนั้น พวกเขาต่างอ้าปากค้าง
อิงเหลียนกัดฟัน ได้แต่กำหมัดแน่นด้วยความโกรธ
ไป๋ชิงหลิงดุด้วยความโกรธด้วยใบหน้าบูดบึ้ง “ในเมื่อเสด็จอาสะใภ้เชื่ออย่างสุดใจว่าข้าต้องการทำร้ายจวิ้นอ๋องน้อย เสด็จอาสะใภ้จึงกล่าวเพียงแค่นั้น ท่านก็จงลองดูว่าจวิ้นอ๋องน้อยจะสามารถก้าวออกจากโรงหมอนี้อย่างมีชีวิตได้หรือไม่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...