ไป๋ชิงหลิงกอดเขา ความเจ็บปวดที่ท้องท้องทำให้นางหน้าซีดไปชั่วครู่ นางพูดอย่างอ่อนแรง “หรงเยี่ย ตอนนี้ข้าปวดมาก”
“ข้ารู้” หรงเยี่ยหันศีรษะ พูดสั่ง “ไปตามหมอเทวดาซู ”
หลังจากพูดจบ อิงเหลียนก็ลากหมอเทวดาซูเข้าไปในห้อง
หมอเทวดาซูถูกอิงเหลียนลากมา อิงเหลียนรู้สึกว่าเขาช้าเกินไปจริง ๆ
เขาถูกผลักต่อหน้าหรงเยี่ย หมอเทวดาซูก็ดุเขาสองสามคำ วางกล่องยาลงและถามว่า “พระชายา ทรงเป็นอะไรหรือขอรับ?”
“ปวดท้อง!”ไป๋ชิงหลิงเอนตัวเข้าไปในอ้อมแขนของหรงเยี่ย และพูดอย่างอ่อนแรง “เอายาบรรเทาปวดให้ข้าก่อน”
“ข้าน้อยจะเอายาพระชายาเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ” หมอเทวดาซูจัดยาให้กับไป๋ชิงหลิง
หรงเยี่ยมองคนที่อยู่ในอ้อมแขน “พระชายาเสวยอะไรไม่ได้ หมอหลวงซูจะหาวิธีให้นางเสวยหน่อย มิฉะนั้นนางจะหิวตายเอาได้”
“พระชายายังกินเสวยอะไรไม่ได้อีกหรือพ่ะย่ะค่ะ?” หมอเทวดาซูมองดูไป๋ชิงหลิงด้วยความตกใจ ถึงตระหนักได้ว่าเพิ่งอาหารข้างหรงเยี่ยไม่ได้ถูกแตะ
ไป๋ชิงหลิงพยักหน้า
หมอเทวดาซูเตรียมยาให้นางก่อน และหลังจากที่ไป๋ชิงหลิงรับประทานแล้ว หมอเทวดาซูก็หยิบบางอย่างออกมา และยื่นให้นาง “พระชายา ท่านลองดมดูพ่ะย่ะค่ะ”
“นี่คืออะไร?”
“นี่คือยาบ้วยที่ข้าน้อยทำเอง สามารถแช่ในน้ำดื่มได้ ท่านลองดมกลิ่นก่อน” หมอเทวดาซูเปิดขวดยาบ๊วยเปรี้ยวและส่งให้นาง
หรงเยี่ยเอื้อมมือไปหยิบมันก่อน และหยิบไปที่หน้าไป๋ชิงหลิง
กลิ่นบ๊วยเปรี้ยวพุ่งออกมาจากขวด นี่เป็นกลิ่นโปรดของไป๋ชิงหลิง
หรงเยี่ยจ้องมองนางอย่างตั้งใจและถามว่า “เป็นยังไงบ้าง?”
“อืม หวานอมเปรี้ยวดี ไป๋ชิงหลิงเอนศีรษะพิงไหล่หรงเยี่ย แล้วพยักหน้าเล็กน้อย
หรงเยี่ยหันศีรษะและถามว่า “ชงให้พระชายาแก้วหนึ่ง”
“พระชายาทรงพระประชวร และยังไม่สามารถเสวยอาหารที่ระคายเคืองได้ได้ แต่พระชายาต้องเสวยบ้าง ไม่เช่นนั้นยาที่ข้าใช้จะยังไม่สามารถรักษาพระอาการประชวรของพระชายาได้” หมอเทวดาซูกล่าว
หรงเยี่ยก้มหัวลงและพูดว่า “เช่นนั้นข้าจะป้อนเจ้าเอง!”
เขาจิบโจ๊กพุทราแดง จากนั้นก้มศีรษะลง และประทับริมฝีปากบางของนาง……
หมอเทวดาซูที่เห็นฉากนี้ ก็รีบลุกขึ้น และเดินไปที่ด้านหลังหรงเยี่ย
หรงเยี่ยป้อนโจ๊กทั้งหมด เพื่อป้องกันไม่ให้นางคิดฟุ้งซ่านและคายอาหารออกมา หลังจากป้อนอาหารเข้าปากแล้ว ลิ้นยาวเข้าไปในปากของนาง และพัวพันกันอย่างดุเดือด
ไป๋ชิงหลิงรู้สึกว่าหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป นางจะต้องตายในอ้อมแขนของเขาอย่างแน่นอน
ทุกครั้งที่เขาจูบ นางล้วนถูกครอบงำ ลิ้นยาวของเขาม้วนเข้าไปในปากของนาง ทำให้นางแทบหายใจไม่ออก
ยิ่งไปกว่านั้นในห้องมีคนรับใช้อยู่หลายคน นางหน้ายาง และไม่สามารถป้อนอาหารแบบปากต่อปากได้ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นางผลักเขาเบา ๆ มองชายคนนั้นด้วยดวงตาที่เปียกชื้น “ข้าทำเอง”
“ไม่ได้” เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งที่เขาทำก่อนหน้านี้ล้มเหลว เขายังคงป้อนอาหารนางในลักษณะเดียวกับเมื่อครู่ต่อไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...