หลวนอี๋ว่ากล่าวด้วยความโกรธ “ท่านดูตัวท่านสิ เพราะท่านไม่กินยาที่พี่สะใภ้เจ็ดให้ท่าน ถ้าท่านกินไปก่อนหน้านี้ ท่านจะยังจำเป็นต้องตัดขาหรือ ท่านดูตอนนี้สิยังต้องผ่าตัดอีกหรือ ข้าว่าตัดขาไปเลย และภายภาคหน้าก็ให้พี่สะใภ้แปดที่อ่อนโยนและมีน้ำใจดูแลท่านทุกวัน”
“หลวนอี๋!”อ๋องเฉินตกตะลึงเมื่อได้ยินคำว่า “การตัดขา”
เมื่อเขาตะโกนหลวนอี๋ คอของเขาก็แหบแห้ง
ตอนนี้เขากลัวแล้ว
สายตาที่มองที่ไป๋ชิงหลิงไม่ได้ขัดแย้งเหมือนเมื่อก่อน แต่ราวกับว่ามองไปที่ผู้ช่วยชีวิต
“พี่สะใภ้เจ็ด ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่น่าโยนยาที่ท่านให้ลงไปในบ่อปลา เพื่อเป็นอาหารปลาเลย ได้โปรดช่วยรักษาขาข้าด้วย ข้าไม่อยากเดินโดยไม่มีเท้า แบบนั้นมันน่าเกลียดเกินไป”อ๋องเฉินตาแดงพูดร้องขอ
ไป๋ชิงหลิงยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยสีหน้าเฉยเมย : “เจ้าโยนยาที่ข้าสั่งให้เจ้าลงไปในบ่อปลาจริง ๆ สินะ”
“ข้าขอโทษข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้ว พี่สะใภ้เจ็ดข้าขอโทษ” อ๋องเฉินร้องไห้พลางพูดไปด้วย “ข้าไม่กล้าอีกแล้ว ข้าขอให้เม่ยเอ๋อร์ทดสอบยาของข้า แต่เม่ยเอ๋อร์บอกว่านางไม่สามารถส่วนประกอบของยาได้ ประกอบกับความจริงที่ว่าท่านและเม่ยเอ๋อร์ตกลงมาจากชั้นสองของหอเป่าซิน ทำให้ข้าสงสัยเกี่ยวกับยาที่พี่สะใภ้เจ็ดจ่ายให้”
“ขอคำแนะนำจากหมอได้ แต่น้องแปดไม่เคยเชื่อข้าเลย ว่าข้าช่วยขาของเจ้าได้อย่างไร” ไป๋ชิงหลิงตอบด้วยใบหน้าที่เฉยเมย
ตอนนี้อ๋องเฉินอยากจะตบตัวเองสักสองทีจริง ๆ
ในตอนนั้นทำไมเขาถึงไม่ฟังคำพูดของเสด็จแม่ให้มากกว่านี้ และกินยาของพี่สะใภ้เจ็ดอย่างเชื่อฟัง
แต่เขาไม่อยากถูกตัดขาออกจริง ๆ
เขามองไปที่ฮองเฮาอู่อย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “เสด็จแม่ เสด็จแม่ ท่านต้องช่วยข้า ข้าจะไม่มีขาไม่ได้”
ฮองเฮาอู่ทนไม่ได้ที่จะเห็นเขาเช่นนี้ แต่เมื่อนึกถึงรูปลักษณ์ที่ก้าวร้าวของเขาเมื่อครู่ นางก็ระงับความอดกลั้นที่เพิ่มขึ้นในใจของนางอีกครั้ง เบือนหน้าและพูดว่า “ได้ยินมาว่าเจ้าพูดหยาบคายกับพี่สะใภ้เจ็ดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ข้าละอายใจที่จะขอให้พี่สะใภ้เจ็ดของเจ้ารักษาอาการบาดเจ็บที่ขา ดังนั้นก็ให้หมอหลวงจ้าวตัดทิ้งเถอะ”
“ไม่เอา ไม่เอา……” คราวนี้อ๋องเฉินตกใจกลัวมากจริง ๆ และกระโดดขึ้นจากเก้าอี้ด้วยความตื่นตระหนก
จักรพรรดิเหยาให้คนไปจับเขาไว้ทันที และพูดด้วยใบหน้าบูดบึ้ง “ไม่เชื่อฟังเสียจริง เสด็จย่าของเจ้าเป็นโรคเรื้อรัง พี่สะใภ้เจ็ดยังรักษาให้หาย แต่เจ้ากลับนำยาเหล่านั้นให้เป็นอาหารปลา เจ้าบ้านี่ ใครสอนให้เจ้าทำเช่นนี้”
“เสด็จพ่อ ลูกผิดไปแล้ว ลูกไม่กล้าอีกต่อไปแล้ว” อ๋องเฉินถูกตรึงไว้แน่น เขาไม่สามารถขยับมือและเท้าได้ เขาทำได้เพียงเงยศีรษะขึ้นเท่านั้น
เขาสำนึกผิดเสียใจ
!”
เสิ่นฉงถูกพาตัวเข้ามา จากนั้นคุกเข่าลงบนพื้นตัวสั่นและกล่าวว่า “กระหม่อมคารวะฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นหมื่นปี!”
จักรพรรดิเหยาขมวดคิ้ว จ้องมองที่เสิ่นฉงอย่างเฉียบขาด และตรัสว่า “การบาดเจ็บที่เท้าของอ๋องหรง เจ้าเป็นคนสั่งยาใช่หรือไม่?”
“พ่ะย่ะค่ะ เป็นกระหม่อมเอง “เสิ่นฉงหยิบใบสั่งยาออกม ายื่นให้ด้วยมือทั้งสองข้างและพูดว่า “ นี่คือใบสั่งยาและครีมที่กระหม่อมสั่งจ่ายพ่ะย่ะค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...