“อาเสวี่ย มันเป็นแค่ความฝัน ความฝันเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามเสมอ แม่ทัพเสิ่นส่งข่าวดีมาเมื่อกี้นี้ พ่อ เขาถอนตัวแม่ทัพหลานแล้วเรียกพวกเรากลับเมืองหลวง”
“เรียกเรากลับเมืองหลวง” ไป๋ชิงหลิงมองเขาทั้งน้ำตา: “เขาจะไม่ฆ่าข้าแล้วเหรอ? แล้วยังไม่ต้องการชีวิตของเจ้าแล้วเหรอ?”
“อืม!” หรงเยี่ยยื่นมือออกมาเพื่อโอบไว้รอบร่างกายของนาง วางฝ่ามือไว้บนหลังและตบนางเบา ๆ “เราจะกลับไปเมืองหลวงเพื่อกลับไปรวมตัวกับลูกๆ อีกครั้ง”
“งั้นเราก็รีบออกเดินทางกันทันที ข้าแทบรอไม่ไหวแล้ว” ด้วยเหตุผลบางอย่าง ไป๋ชิงหลิงรู้สึกว่าความฝันนี้เหมือนจริงมาก เหมือนกับเด็กที่ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากนาง ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
นางต้องกลับไปเห็นจิ่งหลินด้วยตาของนางเองก่อนจึงจะมั่นใจได้
"ร่างกายของเจ้ายังต้องได้รับการบำรุงอีกสองสามวัน!"
“ไม่จำเป็น” ไป๋ชิงหลิงเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วพูดว่า “ข้ารู้จักร่างกายข้าดี ข้าบำรุงมันมาสองวันแล้ว และท้องของข้าก็ไม่เจ็บอีกต่อไป ข้ายังกินได้ตั้งเยอะ ในเมื่อจักรพรรดิเรียกเรากลับเมืองหลวงแล้ว ก็อย่าให้เสด็จพ่อกับเสด็จย่ารอนานเกินไป ลูกๆเองก็คงจะคิดถึงพวกเราแล้ว”
หรงเยี่ยมองเข้าไปในดวงตาของนาง รู้สึกกดดันและไม่สบายใจ
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอรู้ว่าร่างกายของจิ่งหลินถึงขีดจำกัดแล้ว?
นางรักลูกมากจนต้องทนดูลูกเจ็บปวดไม่ไหวแน่ เมื่อถึงตอนนั้นแล้วนางจะทำอย่างไร?
หรงเยี่ยรู้สึกเสียใจเล็กน้อย ย้อนกลับไปเมื่อตอนนั้น เขาบังคับให้จิ่งหลินอยู่และให้ความหวังครั้งที่สองกับผู้หญิงคนนี้ แต่กลับกลายเป็นหอกที่โจมตีหนักกว่าเดิม
เขารู้ดีว่าร่างกายของหรงจิ่งหลินเมื่อถูกวางยาพิษจะต้องตายอย่างแน่นอน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ยาที่หมอเทวดาซูใช้กับร่างกายของจิ่งหลินเป็นเพียงการยืดอายุของเขาเท่านั้น
หมอเทวดาซูบอกเขาซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าพิษตกค้างเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด!
“อาเสวี่ย เจ้าอยู่รักษาตัวที่นี่ก่อนเถอะ”
“ไม่!” ไป๋ชิงหลิงสะบัดมือหรงเยี่ออกอย่างฉุนเฉียวเล็กน้อย จ้องมองเขาด้วยตาแดงก่ำแล้วพูดว่า “ยาของจิ่งหลินใกล้จะหมดแล้ว ออกเดินืางกันคืนนี้เลย แล้วเราจะถึงเมืองหลวงภายในครึ่งเดือน ยาของหลินนั้นมีใช้พอดี หากไปช้านแม้เพียงนิดเดียว ยาก็จะหมด หรงเยี่ย เจ้าคิดอะไรอยู่ แม่นมซั่งบอกข้าแล้วว่า ตอนนั้นเจ้ากินยาพิษเพื่อทดสอบยาให้จิ่งหลิน เจ้าก็รักเขามาก เจ้าไม่อยากกลับไปหาเด็ก ๆ ให้เร็วกว่านี้เหรอ?”
หรงเยี่ยกำหมัดแน่นและพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า "ทั้งสองคนอยู่ในวังได้เป็นอย่างดี ข้ากังวลเพียงเรื่องสุขภาพของพระชายาเท่านั้น"
"ข้าบอกว่าข้าสบายดี" ไป๋ชิงหลิงก็ไม่อยากโต้เถียงกับหรงเยี่ย แต่ฝันร้ายนั้นทำให้ไป๋ชิงหลิงกระสับกระส่าย
นางรู้สึกอยู่เสมอว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นในวัง และจิ่งหลินก็เรียกหานาง
นางกลัวว่าถ้ากลับไปช้า นางจะพลาดอะไรบางอย่างไป
หร่งเยี่ยพูดด้วยใบหน้าบูดบึ้งและยืนขึ้นพร้อมกับไม้เท้าแล้วพูดว่า "พระชายา ข้าทำงานอย่างหนักเพื่อช่วยชีวิตเจ้า ไม่ใช่เพื่อปล่อยให้เจ้าทำลายร่างกายตัวเอง ในเมื่อเจ้าต้องการเก็บทารกในครรภ์ไว้ เจ้าต้องรักตัวเองก่อน ไม่เช่นนั้น เจ้าจะปกป้องใครไม่ได้เลย”
"เจ้า..." ไป๋ชิงหลิงจ้องมองเขาด้วยความประหลาดใจ "ข้าแค่อยากจะรีบกลับไปเร็วๆนี่"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...