เพียงแต่หรงเยี่ยคิดไม่ถึงว่า การปิดบังครั้งนี้ จะทำให้ความสัมพันธ์ของเขาและไป๋ชิงหลิงนั้นถึงขั้นเย็นชาต่อกัน
ในอีกครึ่งเดือนถัดไป ไป๋ชิงหลิงตั้งอกตั้งใจรักษาอาการบาดเจ็บที่ขาของหรงเยี่ย
เมื่อเห็นว่าอาการบวมที่ขาของเขาค่อยๆลดลง เธอจึงยอมให้เขาลงไปเดินบนพื้นสองสามก้าว
ในช่วงเวลานี้ หรงเยี่ยไม่กล้าสอบถามเรื่องหรงจิ่งหลินกับองครักษ์เหยี่ยวดำ และไม่อนุญาตให้เสิ่นหรูเหลียนนำข่าวของหรงจิ่งหลินมารายงานเขา
แต่ทุกครั้งที่เขาเห็นสีหน้าของเสิ่นหรูเหลียน เขาก็รู้สึกว่าสถานการณ์ของหรงจิ่งหลินนั้นไม่ค่อยดีนัก.......
คำว่าไม่ค่อยดีนักนี้มีความเป็นไปได้ที่จะ.......
“จิ่งหลิน จิ่งหลิน จิ่งหลินอย่าไปจากแม่ อย่าไปนะ........” จู่ๆไป๋ชิงหลิงก็ฝันร้าย เรียกชื่อหรงจิ่งหลินซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หรงเยี่ยหันกลับมา กอดไป๋ชิงหลิงไว้ในอ้อนแขน และตบหลังเธอเบาๆ “พระชายา ตื่นได้แล้ว”
“จิ่งหลิน........” ไป๋ชิงหลิงลืมตาขึ้นทันที มือทั้งสองข้างของเธอจับชายเสื้อของหรงเยี่ยไว้แน่น ร้องไห้น้ำตาไหลอาบหน้าและพูดว่า “จิ่งหลินล่ะ จิ่งหลินไปไหน”
“พระชายา พวกเราอยู่ที่หุบเขาเซียนไหล”
ไป๋ชิงหลิงปล่อยชายเสื้อของเขา ลุกขึ้นนั่ง เปิดม่านข้างเตียงออก และดูไปรอบๆห้องเพื่อมองหาหรงจิ่งหลิน
“ข้าเห็นเขามา เขามาที่หุบเขาเซียนไหลเพียงลำพัง เขายืนอยู่ตรงนี้.......” ไป๋ชิงหลิงชี้ไปที่หน้าต่าง จากนั้นก็เดินไป เปิดหน้าต่างออก
ข้างนอกไม่มีอะไร นอกจากความมืด
ไป๋ชิงหลิงล้มนั่งลงกับพื้น เอามือกุมหน้าอก และพูดด้วยความตื่นตระหนกว่า “จิ่งหลินเคยมา เขาเคยมา เขามาเพื่อบอกลาข้า อาเยี่ย พวกเรากลับเมืองหลวงกันเถอะ”
หรงเยี่ยเดินเข้ามา กอดเธอไว้ในอ้อมแขน “พระชายา นั่นเป็นเพียงความฝัน”
“มันไม่ใช่ ไม่ใช่ จิ่งหลินมาบอกลาข้า เขาบอกว่าต่อไปคงไม่ได้อยู่ข้างๆข้าแล้ว ให้ข้าดูแลตัวเองและน้องชายในท้องให้ดีๆ นี่จะเป็นความฝันได้อย่างไร ต้องเกิดเรื่องขึ้นกับจิ่งหลิน.......”
หรงเยี่ยกอดเธอไว้แน่นในอ้อมแขนของเขา วางมือบนหัวของเธอแล้วลูบเบาๆ พร้อมกับว่า “ได้ พวกเราเดินทางกลับเมืองหลวงกัน ออกเดินทางตอนนี้เลย”
“อืม!” ไป๋ชิงหลิงพยักหน้า และในที่สุดก็ค่อยๆสงบสติอารมณ์ลง
ในระหว่างที่เดินทาง ไป๋ชิงหลิงกินไม่ได้นอนไม่หลับ
กินอะไรก็อาเจียน นอนลงก็ฝันว่าหรงจิ่งหลินกำลังจะตาย เพียงแค่ครึ่งเดือน ไป๋ชิงหลิงก็ซูบผอมลงมาก
ยี่สิบวันต่อมา พวกเขาก็มาถึงประตูทิศตะวันตกของเมืองเฉาจิง
ด้านนอกประตูเมืองได้แขวนผ้าไหมขาวดำไว้ ซึ่งบ่งบอกว่ามีบุคคลในราชวงศ์เสียชีวิต
ฮองเฮาอู่สิ้นพระชนม์ในวันที่รำลึกถึงฮองเฮาฉุ๋น เป็นเรื่องปกติที่ประตูเมืองจะแขวนผ้าไหมขาวดำ และไป๋ชิงหลิงก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
ก่อนหน้านั้นเธอตั้งตารอวันที่เธอจะกลับเมืองหลวง
เมื่อรถม้าเข้าใกล้พระราชวังขึ้นเรื่อยๆ ไป๋ชิงหลิงก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเรื่อยๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...