ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 461

สรุปบท บทที่ 461 เสียงร้องไห้ของเซิงเอ๋อร์: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น

ตอน บทที่ 461 เสียงร้องไห้ของเซิงเอ๋อร์ จาก ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 461 เสียงร้องไห้ของเซิงเอ๋อร์ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายการเกิดใหม่ ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น ที่เขียนโดย พระจันทร์ขี้เมา เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

เสียงร้องของเธอ ฉีกหัวใจของเธอจนแตกสลาย

ทำให้ทุกคนที่อยู่ในวัง ก้มหน้าลง และแอบเช็ดน้ำตา

ในขณะนี้ ลี่ว์อีก็วิ่งเข้ามา และตะโกนว่า “คุณหนูเล็ก”

ไป๋ชงเซิงหันกลับมาอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นร่างของลี่ว์อี เธอก็วิ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว

ลี่ว์อีนั่งยองๆลง และอุ้มไป๋ชงเซิงขึ้นมา

ไป๋ชงเซิงกอดคอของลี่ว์อีและพูดว่า “พี่ลี่ว์อี ท่านแม่รอพี่อยู่ข้างใน พี่รีบไปช่วยนางเร็วๆ”

“เร็ว เดี๋ยวจะสายเกินไป” อีถิงผิงถือเครื่องมือมากมายเดินเข้ามาในวัง เมื่อก้าวเข้าไปในวังก็รีบเตือนลี่ว์อี

ไป๋หมิงฮุ่ยก็เดินตามหลังเธอไปด้วย

ลี่ว์อีเกลี้ยกล่อมเบาๆว่า “คุณหนูเล็ก ข้าเข้าไปดูอาหารก่อน ท่านอย่ากังวล พวกเราจะไม่ปล่อยให้ท่านหญิงเป็นอะไร”

“ได้” ไป๋ชิงหลิงพยักหน้าติดต่อกัน

ลี่ว์อีปล่อยเธอลง แล้วทำความเคารพต่อหน้าจักรพรรดิเหยาพร้อมกับอีผิงถิง

จักรพรรดิเหยาโบกมือ ให้พวกเธอเข้าไปข้างในเพื่อรักษาไป๋ชิงหลิง

เมื่อเข้าไป ก็ใช้เวลาเป็นวัน

ไป๋ชงเซิงยืนอยู่ที่ข้างประตูของห้องโถงด้านข้าง จ้องมองเข้าไปข้างในโดยไม่กินไม่ดื่ม

ใครแตะตัวเธอ เธอก็ผลักคนนั้นออก

รวมถึงหรงเยี่ยด้วย

เมื่อฟ้ามืดลง ลี่ว์อีก็ออกมาจากด้านใน แล้วพูดว่า “จักรพรรดิ ไทเฮา ท่านอ๋องหรง พระชายาฟื้นแล้ว พระชายาต้องการคุยกับท่านอ๋องหรง”

หรงเยี่ยยืนขึ้นลากรถเข็น ถือไม้เท้าและเดินผ่านไป๋ชงเซิง เข้าไปในห้องโถงด้านข้าง

ในห้องฟุ้งเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงสีหน้าซีดราวกับกระดาษขาว

หรงเยี่ยเดินตรงเข้าไป นั่งลงบนเตียง กุมมือของไป๋ชิงหลิงไว้ และเรียกว่า “พระชายา!”

“พวกเราหย่าร้างกันเถอะ!”

ร่างกายของหรงเยี่ยแข็งทื่อ พร้อมสีหน้าตกตะลึง

ไป๋ชิงหลิงดึงมือของเธอ ออกจากมือของเขา มองดูงานแกะสลักบนเตียงด้วยสายตาว่างเปล่า และพูดว่า “ข้าไม่ได้ด่วนตัดสินใจเพราะปากไว และไม่ใช่เพราะอารมณ์ชั่ววูบ พวกเราใช้ชีวิตลำบากมาขนาดนี้ และทำให้เด็กทั้งสองต้องลำบากด้วย แบกรับชีวิตของเสด็จแม่ และให้หลวนอี้รับโทษแทน พวกเรา.......ไม่สามารถย้อนกลับไปได้อีกแล้วจริงๆ”

หรงเยี่ยขมวดคิ้วแน่น ไม่พูดอะไร

เธอหันไปมองเขา ยกมือขึ้นลูบที่คิ้วของเขา “ปล่อยข้ากับเซิงเอ๋อร์ไปถอะ อย่ารั้งพวกเราไว้เลย”

“ข้าจะไปกับเจ้า!” หรงเยี่ยกุมมือของเธอไว้แน่น “เจ้าอยากพาเซิงเอ๋อร์ไปที่ใด ข้าจะไปกับเจ้า”

แต่มันก็ทำให้ไป๋ชิงหลิงรู้สึกว่า ตำหนักอ๋องที่กว้างใหญ่นั้นกลับรู้สึกเหงา

“ท่านแม่ ข้าไม่ได้เจอท่านพ่อมาสักพักแล้ว” ไป๋ชงเซิงเงยหน้าพูด หลังจากก้าวเข้าไปในตำหนักอ๋อง

ไป๋ชิงหลิงไม่ตอบสนองต่อคำพูดของเซิงเอ๋อร์

เมื่อเธอและเซิงเอ๋อร์กลับถึงหอเป่าซิน ก็เห็นอิงเหลียนกับอิงซาสวมชุดลำลองยืนอยู่ที่ประตูลานบ้าน

ทั้งสองเห็นไป๋ชิงหลิงกลับตำหนัก ก็เดินเข้ามา ทำความเคารพและพูดว่า “ข้าน้อยถวายบังคมพระชายา!”

ไป่ชิงหลิงขมวดคิ้วและมองดูทั้งสองคน “พวกเจ้าเข้ามาตำหนักอ๋องได้อย่างไร?”

อิงซาพูดว่า “พระชายา องครักษ์เหยี่ยวดำไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเมืองหลวง พวกข้าถูกท่านอ๋องไล่ออกจากค่ายองครักษ์เหยี่ยวดำ มาเป็นทหารคุ้มกันของตำหนักอ๋อง คอยปกป้องพระชายา!”

“อิงอู๋ล่ะ?” จู่ๆเธอก็สงสัยและถามถึงองครักษ์เหยี่ยวดำคนนั้น

อิงเหลียนขมวดคิ้ว สีหน้าดูแย่และพูดว่า “ตายแล้ว!”

“ตายแล้ว?”

“ใช่ หยางสวี่อี้ใช้แม่นางชิงอีเป็นตัวล่ออิงอู๋ เดิมทีอิงอู๋สามารถป้องกันตัวได้ แต่เขาอยากช่วยแม่นางชิงอี จึงถูกแทงหกแผล!” อิงเหลียนอธิบายว่า “พระชายา อิงอู๋ไม่ได้ฆ่าแม่นางชิงอี”

ไป๋ชิงหลิงเจ็บที่หน้าอก เธอเอามือกุมที่หน้าอก “นายท่านของพวกเจ้าล่ะ?”

อิงซาหรี่ตาลง และตอบด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “นายท่านนำองครักษ์เหยี่ยวดำออกจากเมืองเฉาจิง แต่ไม่รู้ว่าไปที่ใด.......”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น