" นี่เจ้า..."
" จุ้ " หรงเชิงกวาดสายตามองหลวนอี๋แวบหนึ่ง ทำเสียงจุเบาๆ ให้หลวนอี๋หยุดพูด
หลังจากที่เขารับเด็กเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแล้วก็ก้มหน้ามองเด็กน้อยเซิงเอ๋อร์ที่อ่อนโยน นี้เป็นการอุ้มเด็กครั้งแรกของเขา
แม้แต่จิ่งหลินเขาก็ไม่เคยอุ้มมาก่อน
เวลานี้ได้อุ้มเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ห้าหกขวบ ทำให้ใจของเขาเกิดความรู้สึกประหลาดขึ้นมา เห็นคิ้วของเซิงเอ๋อร์แล้วคิ้วของเขาเองก็เผยความเมตตาออกมาเล็กน้อยเช่นกัน
หลวนอี๋เบิกตากว้างด้วยความตะลึง เอ่ย " นี่เป็นลูกของพี่เจ็ดนะ"
" ข้ารู้" หรงเชินเองก็ไม่ได้โกรธ และตอบโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นมามอง
" น่ารักไหมล่ะ" หลวนอี๋เห็นว่าเขามองเด็กอย่างไม่กะพริบตาจึงถามด้วยความหยอกล้อ
หรงเชินพยักหน้า " ตอนนอนหลับแล้ว ดูน่ารัก แต่ว่า..."
หลวนอี๋รู้ว่าเขาจะพูดอะไรออกมาจึงตัดคำเขาด้วยความโมโห " นั่นมันเป็นเพราะเจ้าทำไม่ดีกับพี่สะใภ้เจ็ด ฉะนั้นนางจึงไม่มีความเป็นมิตรกับเจ้า"
ทันทีที่พูดถึงไป๋ชิงหลิง สีหน้าและความคิดของเขาก็หวนกลับมาอีกครั้ง เขาเงยหน้ามองไทเฮา ทันใดนั้น ประตูก็เปิดออก ลี่ว์อีเดินออกมาจากข้างในนั้น
ทุกคนหันหน้ามามองทางนาง
ลี่ว์อีหันมาหาไทเฮา องค์หญิงและหรงเชินแล้วก็ทำความเคารพ เอ่ย " ไทเฮา องค์หญิง ท่านอ๋องแปด การผ่าตัดของท่านอ๋องหรงผ่านไปด้วยดี แต่ว่ายังอยู่ในสภาวะสลบอยู่ น่าจะประมาณพรุ่งนี้ถึงจะฟื้นขึ้นมา พระชายาเองก็ได้เฝ้าท่านอ๋องหรงอย่างไม่คลาดสายตา"
" ถ้าอย่างนั้น เราก็แยกย้ายกันเถิด พรุ่งนี้ค่อยมาดูเขาอีกที เชินเอ๋อร์เจ้าก็กลับไปเถิด" ไทเฮาส่งสายตาให้อวี่อัน อวี่อันจึงเดินไปรับไป๋ชงเซิงจากมือของหรงเชิน แล้วก็พาเด็กน้อยไป๋ชงเซิงไปห้องพักของไทเฮา
หลวนอี๋เองก็ไม่กล้าเข้าไปรบกวน จึงเดินตามไทเฮากลับห้องไป
หรงเชินได้กลับไปจวนที่เขากับเสิ่นโหรวเม่ยพักอาศัยด้วยความรู้สึกที่หนักหน่วง
แต่ทันทีที่เขากลับถึงจวนก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของเสิ่นโหรวเม่ยดังออกมาจากข้างใน...
เขารีบเดินเร็วเข้าไปในห้อง ตอนเปิดประตูออกนั้นก็เห็นเสิ่นโหรวเม่ยนั่งอยู่ข้างหน้าเตียง จับแจกันดอกไม้ที่นางเอาดอกไม้ออกแล้วไว้ในมือ แล้วก็ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด
หรงเชินเห็นสภาพของนางแบบนี้หัวใจก็เหมือนถูกกระบี่แทงอีกครั้ง เจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก
เขาปิดประตูแล้วก็เดินไปหาเสิ่นโหรวเม่ย ชันเข่าลงแล้วเอ่ย " เม่ยเอ๋อร์ ทำไมเจ้านั่งที่พื้นล่ะ พื้นมันเย็น"
เสิ่นโหรวเม่ยผลักเขาออก เอ่ย " ข้ารู้ว่าเสด็จแม่ไม่ชอบข้า ท่านย่าเองก็ไม่ชอบข้า พวกเขาคิดว่าข้าทำทุกวิถีทางถึงได้แต่งกับอ๋องเฉิน แม้แต่พี่เจ็ดของเจ้าก็คิดอย่างนี้เหมือนกัน แต่ข้าคิดไม่ถึงเลยว่า ท่านย่าเกลียดข้ามาก ท่านย่าต้องการให้ข้าหย่ากับเจ้าใช่ไหม"
"อะไรนะ" สีหน้าของหรงเชินเปลี่ยนอย่างทันทีทันใด
ยังไม่รอให้หรงเชินเอ่ยปากพูด เสิ่นโหรวเม่ยก็ลุกขึ้นโซเซ ก้มหน้ามองเขาเอ่ย " ข้าไม่รู้ว่าในใจเจ้าคิดยังไง แต่ข้าจะไม่ให้เจ้าลำบากใจ ถ้าหากท่านย่า..."
" เม่ยเอ๋อร์" หรงเชินตะโกนเรียกขึ้นมา ขัดคำพูดของนาง จากนั้นก็ลุกขึ้นมา สบตากับนางโดยตรง เอ่ย " เจ้ารู้หรือว่าท่านย่าได้พูดอะไรกับข้า"
ความรู้สึกแย่ที่ได้รับตอนอยู่ต่อหน้าไทเฮา ตอนนี้ได้อยู่ต่อหน้าหรงเชิน ทำให้ความอดกลั้นทั้งหมดของนางทะลักออกมาทันที
นางยกมือทั้งสองข้างแล้วก็ผลักเขาออกไป เอ่ย " ข้าคิดว่าเสด็จแม่ไม่อยู่แล้ว ชีวิตของเราสองคนจะสุขสบายมากกว่าเดิม แต่ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าข้าจะอยู่ลำบากกว่าเก่า พี่เจ็ดไม่เห็นคุณค่าในตัวข้า ผู้หญิงอย่างไป๋เจาเสวี่ยก็คอยเล่นงานข้าตลอด แม้แม่เด็กคนนั้นที่อยู่ข้างกายนางก็ยังทำตาขาวใส่ข้า ตอนนี้แม้แต่ท่านย่าที่ข้าเคารพนับถือก็..."
" พอได้แล้ว" หรงเชินเห็นนางใส่ร้ายครอบครัวของตัวเอง ในใจก็เกิดความโกรธสายหนึ่งขึ้นมา ตะคอกใส่เสิ่นโหรวเม่ยทันที
ท่าทีของหรงเชินทำให้เสิ่นโหรวเม่ยถึงกับสะดุ้งตกใจ
นางทำตาโพลงใส่หรงเชิน เอ่ย " นี่เจ้า...เจ้ากล้าตะคอกใส่ข้าหรือ เมื่อก่อนเจ้าไม่เคยทำแบบนี้กับข้า เจ้าเคยบอกข้าว่าจะรักข้าตลอดไป ข้ายอมทิ้งครอบครัว แล้วมาอยู่กับเจ้า เจ้าจะทำแบบนี้กับข้าหรือ"
"เจ้าได้ทิ้งครอบครัวของเจ้า หรือว่าเจ้าต้องการให้ข้าทิ้งครอบครัวข้าด้วย ให้ข้าทิ้งท่านย่า แล้วเป็นศัตรูกับท่านหรือ เสิ่นโหรวเม่ย ข้าไม่เคยให้เจ้าละทิ้งคนในครอบครัว และไม่จำเป็นต้องให้เจ้าทำแบบนี้เพื่อข้า " หรงเชินแย้งกลับนางด้วยแววตาที่แดงระเรื่อ
ในความทรงจำของเสิ่นโหรวเม่ยนั้น หรงเชินเป็นคนที่ทำตามนางทุกอย่าง และไม่เคยกล้าขึ้นเสียงกับตัวเองมาก่อน
แต่หรงเชินในตอนนี้ ทำให้นางรู้สึกห่างเหินและปวดใจ
นางรับตัวตนของหรงเชินในตอนนี้ไม่ได้ เหมือนกับว่าเขาได้หลุดจากเงื้อมมือของนาง ทำให้นางรู้สึกกังวลใจ
นางปิดหน้าแล้วก็ร้องไห้ด้วยความรู้สึกน้อยใจ " เป็นความผิดของข้าเอง ข้าผิดเอง แต่เดิมข้าก็ไม่ควรจะเลือกแต่งกับเจ้า ต่อให้ต้องออกบวชชีก็ตาม อย่างน้อยพ่อแม่ข้าก็ยังอยู่ ก็ไม่ถึงกับต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้"
"นี่เจ้า..." เมื่อหรงเชินได้ยินอย่างนี้ก็รู้สึกเย็นไปทั้งกระดูก
เขาคิดว่าหลังจากที่แต่งกับนางแล้ว ทุกเรื่องก็ตามใจนางตลอด แต่ตอนนี้ นางกลับลืมเรื่องที่เขาได้ทุ่มเทไปหมดสิ้น แท้จริงแล้วในใจนางนั้น เขาเป็นคนที่ไม่เอาไหนเลยหรือ
"เจ้าเสียใจหรือ" หรงเชินกำมือแน่นแล้วเอ่ยถาม
เสิ่นโหรงเม่ยเงยหน้าที่เต็มไปด้วยรอยน้ำตาขึ้น จ้องมองเขา " ใช่ ข้าเสียใจ ข้าเสียใจกับเรื่องทั้งหมด"
"เสิ่นโหรวเม่ย เจ้ารู้หรือไม่ว่าหลังจากที่เจ้าออกไปนั้น ท่านย่าได้พูดอะไรกับข้า"
" จะพูดอะไรได้ล่ะ พวกเขาก็คงบอกว่าข้าไม่ดี และข้าเป็นคนสอนให้เจ้าเลวไปด้วย"
" ไม่ใช่ " หรงเชินทำหน้าแดง เค้นเสียงบอก " ตั้งแต่เริ่มจนจบ ท่านย่าไม่ได้พูดถึงเจ้าเลยแม้แต่คำเดียว"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...
อ่านถึงตรงนี้แล้วยอมรับเลยว่าเหนื่อยแทนไป่ชิงหลิงจริงๆ...มีเรื่องตลอด...ช่วงดีๆแทบจะไม่มีเลย..แอดขาาาาตามอ่านจนจะทันแล้วนะคะลงต่อเถอะค่ะเข้ามาส่องทุกวันว่าขยับจาก 460ไปบ้างรึยังพรีสสสสส😽😽😽...
เจอแล้ว..เจอแล้ว..เป็นเรื่องที่อยากอ่านมากๆอีกเรื่องนึง..กรี๊ดลั่นรถจนลูกผัวตกอกตกใจ55555....แอดขาาา..อัพต่อไปเรื่อยๆนะคะจะตามอ่านให้ทันแน่นอนค่ะ😄🤗😊...
ตอนนี้ชื่อหรงฉี่กับอ๋องต้วนสลับกันอยู่นะอย่าทำให้สับสนสิคะ...
บท 433 แล้วมีต่อใช่มั้ยคะ...
อ่านแล้ว ยังไม่จบ แต่สถานะทำไมเสร็จสิ้นแล้ว น่าจะยังอีกหลายตอน ทำไมไม่มีการลงต่อคะ...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...