เสิ่นโหรวเม่ยเหลือบตาขึ้นมองไทเฮาแต่กลับจ้องถูกสายตาอาฆาตของไทเฮาพอดี
นางรีบเก็บสายตากลับมา ทำความเคารพพร้อมกับเอ่ย " เพค่ะ"
หลังจากที่เสิ่นโหรวเม่ยออกไปแล้ว อวี่อันก็เดินตามออกไปแล้วก็เฝ้าประตูไว้
จริงๆ แล้วตั้งใจจะแอบฟังเสียงไม่สบอารมณ์ของเสิ่นโหรวเม่ยที่เดินออกจากจวนไป
สวี่อันมองตามหลังของเสิ่นโหรวเม่ย ทำตาหรี่แฝงด้วยความเคร่งขรึม
ในห้อง ไทเฮาให้หรงเชินคุกเข่าต่อไป ส่วนตัวเองก็ริมชาอย่างใจเย็น แล้วก็หันกลับมาเอ่ยอย่างเชื่องช้า " เชินเอ๋อร์ ปีนี้เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว"
หรงเชินคิดว่าการที่เหลือตัวเองไว้นั้นก็เพื่อจะติเตียนเรื่องที่เสิ่นโหรวเม่ยผิดพลาดไป แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะถามอายุของเขา
เขาลูบหัวของตัวเอง เอ่ย " เรียนท่านย่า ปีนี้เชินเอ๋อร์อายุ 16 แล้ว"
" ที่แท้เจ้าก็อายุ 16 แล้วหรือเนี่ย แสดงว่าหลวนอี๋ก็อายุ15 สินะ เจ้ารู้ไหมว่านางชอบผู้ชายแบบไหน ช่วงที่ผ่านมาผู้ชายที่ข้าเลือกให้นางนั้นไม่ถูกใจนางเลยสักคนเดียว เจ้าและพี่เจ็ดล้วนแล้วเป็นคนที่นาง..." เมื่อพูดถึงที่นี่ไทเฮาก็หยุดพูดไปแวบหนึ่ง ถอนหายใจแล้วพูดต่อ " ถือได้ว่าเป็นสายเลือดตระกูลอู๋โดยตรง ถือได้ว่าเป็นเลือดที่บริสุทธิ์ที่สุด เจ้าในฐานะพี่ชายก็ควรใส่ใจหลวนอี๋บ้าง ให้สังเกตว่านางชอบผู้ชายแบบไหนแล้วก็ช่วยนางผ่านด่านนี้ด้วย"
อืม...
หรงเชินรู้สึกซาบซึ้งใจมาก
ที่แท้ก็เรื่องนี้เองดอกหรือ เขาทั้งรู้สึกผิดและละอายใจ เอ่ย " ท่านย่า หลานจะจำคำพูดของท่านไว้อย่างดี จะคอยใส่ใจหลวนอี๋มากขึ้น"
" ไม่ต้องพูดอย่างเดียวล่ะ เวลาเลือกคนให้ดูที่อุปนิสัยของเขาก่อน แล้วค่อยไปดูที่ฐานะทางตระกูล ถ้าเจ้ามีคนที่เหมาะสมหรือว่ามีเพื่อนที่นิสัยดีก็ให้พามาให้ข้าดูก่อน ผ่านด่านข้าไปแล้วค่อยไปตัดสินใจเอง หลวนอี๋จะได้ไม่ต้องแต่งผิดคน"
" พ่ะย่ะค่ะ หลานจำใส่ใจแล้ว" หรงเชินยิ้มตอบ
ไทเฮาเอ่ย " ลุกขึ้นมาได้ แล้วก็หาเก้าอี้มาตัวหนึ่ง มานั่งคุยกับย่าหน่อย"
" ให้หลานคุกเข่าอย่างนี้เถิด หลานรู้สึกผิดต่อท่านย่าเป็นอย่างมาก"
ไทเฮาเม้นปากแล้วก็ส่ายหัว " เจ้านี่ ตั้งแต่เด็กก็เป็นคนหูเบา แต่ก็เป็นคนดื้อรังเหมือนกัน เรื่องที่ไม่ชอบและคนที่ไม่ชอบ เจ้าก็จะไม่มีวันชอบ เจ้าไม่ได้ทำผิดต่อข้า เจ้าทำผิดต่อพี่เจ็ดของเจ้าต่างหาก"
" ข้า..."
" ช่างมันเถอะ ข้าไม่ได้ด่าว่าเจ้า แต่ก็ไม่อยากให้พวกเจ้าฆ่าแกงกันเองในหมู่พี่น้อง" ไทเฮาไม่ได้พูดถึงเรื่องของผู้หญิงเลย
นางจะพูดถึงแต่ความสนิทสนม และไม่พูดถึงเรื่องความรัก
หรงเชิงกัดริมฝีปากแล้วก็พยักหน้าเอ่ย " พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมควรถามที่มาที่ไปของเรื่องก่อน ไม่ควรวู่วามโดยภาระการ ทำร้ายพี่เจ็ด พี่เจ็ดไม่ใช่จะฆ่าตัวตายเพราะพี่สะใภ้บอกว่าจะหย่า แต่เป็นเพราะหลาน..."
ยิ่งพูดเสียงของเขาก็ยิ่งเบาลง
แต่เขาก็รวบรวมความกล้าแล้วก็พูดต่อ" เป็นเพราะข้าพูดถึงเรื่องการตายของเสด็จแม่ จริงๆ แล้วพี่เจ็ดไม่ได้สนใจข้าเลย แต่เมื่อข้าบอกว่าการตายของเสด็จแม่ต้องมีคนรับผิดชอบ พี่เจ็ดก็ชักกระบี่ออกมาแทงตัวเองไปดาบหนึ่ง แล้วก็บอกว่าเขาใช้ชีวิตแทนการตายของเสด็จแม่ ถ้าข้าไม่ได้พูดเรื่องนี้ พี่เจ็ดก็คงไม่แทงตัวเอง ตอนที่ข้าเห็นกระบี่แทงผ่านร่างของเขาข้าก็รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำไปแล้ว"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...