หลวนอี๋เข้าประกบกับนางทันที กอดแขนของไป๋ชิงหลิงแล้วพูดว่า:"พี่สะใภ้เจ็ด ข้า......"
นางหยุดพูดลง กัดริมฝีปาก รวบรวมความกล้าแล้วพูดออกมาว่า:"ข้าชอบผู้ชายคนหนึ่งเข้าซะแล้ว เสด็จพ่อก็พอใจมาก แต่ข้า......ข้าพึ่งเคยชอบใครครั้งแรก ในใจรู้สึกไม่สบายเลย รู้สึก......เขาเหมือนกับคนที่เดินออกมาจากในภาพวาด"
"เจ้ามีคนที่ชอบแล้วหรือ?"ไป๋ชิงหลิงพูดเสียงดังออกมาด้วยความตกใจ
การถามของนางทำให้หลวนอี๋หน้าแดงเข้าไปอีก
นางปล่อยแขนของไป๋ชิงหลิงโดยจิตใต้สำนึก หันหลังไปแลัวพูดกับไป๋ชิงหลิงว่า:"โอ๊ย พี่สะใภ้เจ็ด พี่ทำไม......พี่ทำไมต้องเอะอะด้วย ข้าอายุเท่านี้แล้วจะมีคนที่ชอบหน่อยไม่ได้หรือ ตอนพี่อายุเท่านี้ก็คลอดลูกสองคนให้กับพี่เจ็ดของข้าแล้วด้วยซ้ำ"
ไป๋ชิงหลิงก้มหน้าแอบยิ้ม จากนั้นก็หัวเราะออกมา
หลวนอี๋หันกลับมาจ้องนางด้วยความโมโห:"พี่สะใภ้เจ็ด พี่ยังจะหัวเราะอีก"
"พี่สะใภ้เจ็ดเองก็พึ่งเคยเห็นหลวนอี๋เป็นเช่นนี้ แค่คิดว่าหลวนอี๋ในตอนนี้น่ารักมาก จ้าจ้า ไม่หัวเราะเจ้าละ"ไป๋ชิงหลิงตบหลังนางเบาๆ หยุดหัวเราะ แต่บนหน้ายังคงมีรอยยิ้มอยู่
หลวนอี๋หันหน้ามองไปที่นาง จึงได้นำมือไปเกาะที่แขนของนางอีกครั้งแล้วพูดว่า:"พี่สะใภ้เจ็ด"
"จ้า เจ้าบอกข้าสิว่าเจ้าไม่สบายใจเรื่องอะไร ชายผู้นั้นที่ทำให้องค์หญิงหลงใหลคือใครเอ่ย?"
"อืม......ข้ายังไม่บอกพี่"หลวนอี๋คิดว่ารอพระราชโองการออกมาก่อนค่อยบอกก็ไม่สาย
ไป๋ชิงหลิงเห็นว่านางไม่ยอมบอกก็ไม่ได้ถามจี้:"เจ้ารู้สึกระแวงใช่หรือไม่ กลัวผู้ชายคนนี้ไม่ชอบเจ้า?"
หลวนอี๋ตาโตแล้วพยักหน้า
"แล้วองค์หญิงเคยคิดที่จะลองถามหาความรู้สึกในใจของอีกฝ่ายหรือไม่"นางคิดว่าการแต่งงานที่ถูกผูกมัดโดยพระราชโองการ ไม่ดีงามเท่ากับสองฝ่ายรักกัน
แต่ไป๋ชิงหลิงกลับลืมคิดปัญหาข้อหนึ่งไป
สมัยโบราณคือการแต่งงานแบบคลุมถุงชน เหล่าลูกสาวมีสิทธิ์ตัดสินใจเองซะที่ไหนกัน
ถ้าหลวนอี๋อยู่ๆก็ไปถามคำถามที่ว่า"เจ้าชอบข้าหรือไม่" จะทำให้ผู้ชายคิดว่าเป็นองค์หญิงแต่ทำไมถึงทำตัวเหลาะแหละ
ด้วยเหตุนี้ ตอนที่ไป๋ชิงหลิงบอกคำแนะนำเช่นนั้นไป ทำให้หลวนอี๋มองไปที่นางด้วยสีหน้าที่ลำบากใจ
ไป๋ชิงหลิงก็เข้าใจทันที
"สมองของข้านี่ละก็ จะให้องค์หญิงอย่างเจ้าไปถามคำถามนี้กับเขาได้เยี่ยงไร หรือไม่......ก็ให้เสด็จพ่อไปสืบกับเขาดู"
หลวนอี๋ตาเป็นประกาย:"ใช่แล้ว ต้องพี่สะใภ้เจ็ดจริงๆที่มีแนวทางให้"
"เสด็จพ่อก็พอใจในตัวเขาไม่ใช่หรือ คิดว่าเจ้าคงไม่ต้องคิดมากเรื่องนี้หรอก ข้าคิดว่าเสด็จพ่อไม่มีทางบังคับเจ้าไปให้ฝ่ายนั้นแน่นอน ยังไงก็ต้องถามความคิดเห็นของฝ่ายชายก่อน เจ้ารอต่อไปเถอะ"ไป๋ชิงหลิงพูดปลอบใจ
ก้อนหินที่กดทับหัวใจของหลวนอี๋ก็ลงตกทันที
"พี่สะใภ้เจ็ด พี่ดีต่อข้ามากจริงๆ"หลวนอี๋กอดแขนของไป๋ชิงหลิง รอบนี้ถึงกับเอาหัวถูไถที่หัวไหล่ของนางไปหลายที
ทั้งสองคนพูดคุยสนุกสนานกันในรถม้า ไม่นานจึงกลับถึงจวนอ๋องหรง
ส่วนทางด้านหรงเยี่ย ก็ได้พูดคุยกับจักรพรรดิเหยาเกี่ยวกับเรื่องธุระการเมืองมาทั้งวัน หลังจากจักรพรรดิเหยาบอกให้เหล่าเสนาบดีกลับกันแล้ว ก็ได้หยิบภาพวาดชายหนุ่มคนหนึ่งออกมาวางไว้หน้าหรงเยี่ย
หรงเยี่ยมองไปหนึ่งที ก็ได้ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า:"เจ้าหน้าขาว!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...