"ข้าน้อยอยู่!"ฉางซิงเว่ยตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม
หรงเยี่ยเหล่มองเขาจากหัวจรดเท้า ไม่ได้พูดอะไรจากนั้นก็เดินผ่านหน้าเขาไป กลับจวนอ๋องหรง
แต่เมื่อเขาพึ่งก้าวเข้าหอเป่าซินก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้อย่างกะทะหัน
ใช่แล้ว พระชายาของเขาเคยพูดถึงคนๆนี้กับเขา!
"ไป สืบเรื่องของฉางซิงเว่ย"หรงเยี่ยหันหน้าพูดกับอิงซา
อิงซาตอบกลับ:"ขอรับ!"
อิงซาจากไป หรงเยี่ยเข็นรถเข็นด้วยตัวเองเข้าสู่หอเป่าซิน ขณะนี้เอง ห้องของไป๋ชิงหลิงมีเสียงหัวเราะเฮฮาของหลวนอี๋และลูกๆส่งออกมา
"เสด็จน้ามีคนที่ชอบแล้ว เสด็จน้ามีคนที่ชอบแล้ว!"
"เซิงเอ๋อร์ เจ้าหยุดพูดได้แล้ว"
"ยังไงองค์หญิงก็ต้องผ่านช่วงนี้อยู่แล้ว ในอนาคตจะต้องให้กำเนิดลูกๆแก่สามีของตัวเอง เหมือนกับพระชายาของพวกเราที่ให้กำเนิดองค์หญิงน้อยที่สดใสน่ารักและซื่อจื่อน้อยที่เป็นเด็กดีรู้เหตุรู้ผล"
"แม่นมซั่ง!"
หรงเยี่ยที่ได้ยินเสียงในห้องก็ขมวดคิ้วหนักขึ้นเรื่อยๆ
เขาไปถึงชายคาห้อง ก็ได้ทิ้งรถเข็นแล้วเดินเข้าไปในห้อง
คนทั้งห้องก็มองไปที่เขาทันที
และไป๋ชงเซิงวิ่งจากอ้อมอกของแม่นมซั่งไปอยู่ตรงหน้าของหรงเยี่ยแล้วพูดว่า:"เสด็จพ่อ ข้าจะบอกข่าวดีมากๆเรื่องหนึ่งกับท่าน......"
"เซิงเอ๋อร์ ห้ามพูด!"หลวนอี๋เด้งตัวจากพื้นลุกขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยหน้าที่เขินแดง
"เสด็จน้ามีคนที่ชอบแล้วนะ"
"ข้า......เซิงเอ๋อร์......"หลวนอี๋ปิดหน้าตัวเองทันที เขินจนอยากจะเอาหน้ามุดดิน
เดิมทีนางคิดว่าจะได้ยินเสียงหยอกล้อของหรงเยี่ย แต่แล้วเมื่อนางเอามือออกแล้วมองไปทางหรงเยี่ย กลับเห็นว่าหรงเยี่ยมีสีหน้าที่ตึงเครียด
เขาสั่งสอนอย่างจริงจัง:"หลวนอี๋ เป็นแม่หญิงต้องรักนวลสงวนตัว เจ้าเอาไปทิ้งให้หมากินแล้วหรือ?"
หลวนอี๋ตัวนิ่ง มีความรู้สึกที่ถูกคนเยาะเย้ย จากเดิมจากสีหน้าเขินแดงกลับเปลี่ยนเป็นขาวซีดในทันที ริมฝีปากก็เริ่มสั่นขึ้นมา......
รอยยิ้มบนหน้าไป๋ชิงหลิงก็ค่อยๆหายไป หันหน้าไปมองยังหรงเยี่ย
นางคิดไม่ถึงว่าหรงเยี่ยจะตอบสนองมากเช่นนี้กับเรื่องของหลวนอี๋ นางลุกขึ้นเดินไปข้างหรงเยี่ย ดึงเสื้อของเขาแล้วพูดว่า:"หรงเยี่ย เจ้าทำอะไรทำไมถึงเคร่งเครียดเยี่ยงนี้ หลวนอี๋ก็ถึงช่วงอายุที่จะพูดคุยเรื่องแต่งงานแล้ว มีสิทธิ์ชอบใครสักคน"
หรงเยี่ยสลับไปจับมือเล็กๆของไป๋ชิงหลิงแล้วพูดว่า:"พระชายา เดี๋ยวข้าค่อยอธิบายกับเจ้าทีหลัง หลวนอี๋ ไม่ว่าเจ้าจะชอบใคร แต่เก่อนหน้านั้นคือ......เจ้าสามารถรับรองได้ว่าอีกฝ่ายก็ชอบเจ้าจากใจจริง เจ้าควรทราบดีถึงตัวตนตำแหน่งของตัวเอง อย่าได้ให้ผู้ที่แสวงหาผลประโยชน์หลอกใช้เอา"
"พี่เจ็ดมีความลำเอียงในเรื่องนี้"หลวนอี๋ไม่พอใจกับคำพูดพวกนี้ของหรงเยี่ย นางพูดด้วยความโกรธพร้อมกับขอบตาที่แดงขึ้น:"พี่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่ข้าชอบคือใครก็มาต่อว่าข้าเสียแล้ว"
"หลวนอี๋!"หรงเยี่ยสบถออกมาด้วยความโมโห
หลวนอี๋กลับไม่ยอมฟัง และเพราะคำพูดเหล่านี้ของหรงเยี่ยทำให้ไม่สบายใจอย่างยิ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...