เหลียนซางก็คุกเข่าลงตรงหน้าขององค์หญิงใหญ่
องค์หญิงใหญ่จ้องไปที่นางด้วยแววตาที่เย็นชา ถามว่า:"เจ้าเข้าไปพูดอะไรกับองค์หญิง?"
"องค์หญิงเองเพคะ องค์หญิงบอกให้หม่อมฉันไปสืบเรื่องของคุณชายฉาง แต่พอหม่อมฉันไปที่ตระกูลฉาง ยังไม่ทันได้พบฮูหยินอาวุโสของตระกูลฉาง คนของตระกูลฉางก็ได้ไล่หม่อมฉันออกมาแล้ว บอกว่า......ฮูหยินอาวุโสตระกูลอิงได้ถอนหมั้นขององค์หญิงและคุณชายฉางกับฮูหยินอาวุโสตระกูลฉางไปตั้งแต่หลายเดือนก่อนแล้ว"
"เจ้าบอกกับองค์หญิงไปหมดเลยหรือ!"องค์หญิงสีหน้าดุร้ายขึ้นมาทันที
ถึงแม้นางจะไม่เข้าใจความชอบของหมิงหยางที่มีต่อฉางซิงเว่ย แต่จากการอธิบายของไป๋ซิงหลิงก็สามารถมองออกว่าหมิงหยางของนางชอบคุณชายฉางคนนี้
เหลียนซางคำนับพร้อมกับพูดว่า:"หม่อมฉันไม่กล้าปิดบังต่อเจ้านายแม้แต่น้อย"
"เจ้ามันโง่เสียจริง!"องค์หญิงใหญ่เตะเข้าที่อกของเหลียนซางอีกครั้ง
เหลียนซางล้มลงกับพื้นอย่างหนัก
องค์หญิงใหญ่เดินลงบันได เหยียบลงที่ขาซ้ายของเหลียนซาง น้ำเสียงดุดัน:"ในเมื่อเจ้าเป็นนางกำนัลใกล้ตัวขององค์หญิง เช่นนั้นเจ้าน่าจะรู้ว่าทำไมองค์หญิงถึงติดโรคนี้ได้"
"ไม่ หม่อมฉัน......"เหลียนซางตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวด
ไม้เท้าขององค์หญิงใหญ่ตีเข้าที่ขาของเหลียนซาง
เหลียนซางเจ็บจนตัวสั่น:"องค์หญิงเคยแอบไปพบด้วยตัวเอง ฮูหยินอาวุโสรู้สึกองค์หญิงทำให้เสียหน้า จึงกักบริเวณขององค์หญิงไว้ที่จวน ห้ามออกไปไหน องค์หญิง......ต้องเป็นเพราะองค์หญิงไม่ได้ออกจากจวนไปไหน ถึงทำให้ซึมเศร้าแล้วเกิดเป็นโรค"
"เจ้าโกหก!"ไป๋ชิงหลิงออกเสียงอีกรอบ
เหลียนซางหันไปมองที่นาง น้ำตาคลอ:"หม่อมฉันพูดความจริงทุกคำเพคะ องค์หญิงอาศัยอยู่ที่จวนอิงได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ นายท่านสามก็ได้แต่งกับอนุภรรยาอีกสองคน หนึ่งในอี๋เหนียงเป็นคนจากทางบ้านแม่ของฮูหยินอาวุโสด้วยกันเอง หลายปีก่อนได้คลอดลูกชายหนึ่งคนและลูกสาวหนึ่งคนออกมา นายท่านสามและฮูหยินอาวุโสใส่ใจดูแลอี๋เหนียงคนนี้มาก ถึงกับมองว่าเป็นลูกของภรรยาเอกเลย!"
"หลายปีมานี้องค์หญิงอดทนคล้อยตาม หม่อมฉันบอกให้องค์หญิงเข้าเมืองมาหาองค์หญิงใหญ่เพื่อความเป็นธรรม องค์หญิงจึงพูดว่าไม่ต้องลำบอกองค์หญิงใหญ่ ตอนที่เขียนจดหมายให้องค์หญิงใหญ่ก็เขียนแต่เรื่องดีเว้นเรื่องทุกข์ แท้จริงแล้วหลายปีมานี้องค์หญิงใช้ชีวิตได้ไม่ค่อยดีเลย"
"ทำกันอย่างนี้ได้เยี่ยงไร"องค์หญิงใหญ่กริ้วโกรธจนโยนไม้เท้าตัวเองทิ้ง ตะโกนออกด้วยสีหน้าที่แดงเดือด
เพราะความโกรธที่คับแค้นใจทำให้องค์หญิงใหญ่ล้มลงกับพื้น
ซูเหมยรีบเข้าไปพยุงองค์หญิงใหญ่ ร้องออกมาด้วยความกังวลว่า:"องค์หญิง"
ไป๋ชิงหลิงก็รีบเดินเข้าไปหา พูดว่า:"กูหน่ายนายอย่าได้ใช้อารมณ์มากนัก หากท่านล้มลง ไม่มีใครเรียกความเป็นธรรมให้องค์หญิงได้อีกแล้ว"
องค์หญิงใหญ่หายใจเข้าออกลึกๆ:"ยา เอายามาให้ข้า ข้ายังตายไม่ได้ มิฉะนั้นจะไม่รู้ว่าคนพวกนั้นจะรังแกหมิงยางเยี่ยงไร"
ยาต่างๆอยู่ข้างตัวซูเหมย ซูเหมยหยิบยาที่ไป๋ชิงหลิงให้กับองค์หญิงใหญ่จากกระเป๋าเสื้อออกมาให้องค์หญิงใหญ่ทาน
จากนั้นก็สั่งคนไปเอาน้ำมา หลังจากที่องค์หญิงใหญ่ทานยา อารมณ์ก็ผ่อนคลายลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...