ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 579

ไป๋ชิงหลิงค่อยๆดึงสายตากลับมาแล้วพูดว่า:"กูหน่ายนาย เดิมทีอาการโรคขององค์หญิงคงที่แล้ว โดยเฉพาะหลังจากที่กลับมาที่จวนองค์หญิง ก็ไม่มีอาการไอเป็นเลือดอีก ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆต่อเนื่องกันอีกสักครึ่งปีนิดๆ อาการขององค์หญิงก็จะดีขึ้นอย่างมาก และถ้ากินยาเรื่อยๆตามกระบวนการรักษา โรคขององค์หญิงก็จะสามารถหายสนิทจากต้นตอได้ แต่ว่า......"

"เมื่อครู่ตอนที่หม่อมฉันเดินเข้าไปแล้วได้เห็นองค์หญิง องค์หญิงได้สูญเสียใจที่อยากมีชีวิตไปแล้ว นางอยากตาย บอกให้หม่อมฉันไม่ต้องให้ยากับนางแล้ว หม่อมฉันสงสัยว่า มีคนพูดอะไรที่ไม่สมควรพูดต่อหน้าองค์หญิง ทำให้จิตใจขององค์หญิงท้อแท้สิ้นหวัง จึงทำให้อาการของโรคหนักขึ้นอย่างกะทันหัน"

เหลียนซางที่กำลังกวาดพื้นอยู่ ตัวแข็งทื่อ แต่นางยังคงรักษาท่าทีให้เหมือนเดิม กวาดใบไม้ในลานบ้านต่อไป

องค์หญิงใหญ่กวาดตาจ้องไปที่เหลียนซาง:"องค์หญิงไม่มีใจที่จะอยู่ต่อแล้ว!"

"เพคะ!"ไป๋ชิงหลิงคิดว่าเรื่องของฉางซิงเว่ยจะปิดบังต่อองค์หญิงใหญ่ต่อไปไม่ได้แล้ว:"มีเรื่องหนึ่ง เจาเสวี่ยมิกล้าปิดบัง"

องค์หญิงกวาดตามองมาที่นาง

ไป๋ชิงหลิงพูดต่อว่า:"ครั้งแรกที่เจาเสวี่ยตรวจดูอาการขององค์หญิง องค์หญิงก็ไม่มีใจที่จะอยู่ต่อเช่นกัน ต่อมาองค์หญิงได้ยินว่าคู่หมั้นฉางซิงเว่ยเข้าเมืองรับราชการ และเพื่อที่จะให้องค์หญิงรักษาตัวให้หายดี เจาเสวี่ยจึงให้กำลังใจกับองค์หญิงมาโดยตลอด องค์หญิงเองก็ให้ความร่วมมือ เมื่อวานนี้องค์หญิงให้เจาเสวี่ยเป็นตัวแทนเขียนจดหมายให้คุณชายฉาง เดิมทียังดีใจร่าเริง แต่เจาเสวี่ยไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆวันนี้องค์หญิงจึงไม่ยอมเข้ารับการรักษา อาการโรคก็หนักขึ้น"

"ฉางซิงเว่ย!"องค์หญิงใหญ่มองไปที่ไป๋ชิงหลิงอีกครั้ง ในตอนที่พูดชื่อ"ฉางซิงเว่ย"ออกมานั้น มีความเยือกเย็นเพิ่มเข้ามา

ส่วนหลวนอี๋ที่ได้ยินชื่อคนนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร

นางกลัวตัวเองจะพูดอะไรผิดไป

"เพคะ องค์หญิงเคยบอกกับหม่อมฉันว่าคุณชายฉางเป็นจ้วงหยวนหลางในรุ่นก่อน รากฐานของตระกูลฉางอยู่ที่เมืองเหลียน บรรพบุรุษทำอาชีพการค้า ในเมืองเหลียนนับได้ว่าเป็นเศรษฐี และได้มีการหมั้นหมายกับองค์หญิงตั้งแต่ยังเด็ก"

"ยายแก่อิงกล้านักที่หักหลังหมิงหยางของข้า ทำกันอย่างนี้ได้เยี่ยงไร"องค์หญิงใหญ่ต่อว่าด้วยความโมโห

ไป๋ชิงหลิงมองไปที่เหลียนซางอีกครั้ง:"องค์หญิงยังพูดถึงอีกว่า เมื่อคราวก่อนที่ก่อนจะเป็นโรค เป็นเหลียนซางที่เป็นนางกำนัลใกล้ชิดของตัวเอง ที่เป็นคนช่วยส่งจดหมายให้กับจ้วงหยวนหลางตระกูลฉางคนนั้น อีกทั้ง ก่อนที่นางจะเป็นโรคมีช่วงสองเดือนที่เก็บตัวอยู่ในเรือนไม่ออกไปไหน แต่กลับติดโรคร้ายนี้เข้า ถ้าหากอิงตามโครงสร้างร่างกายและสภาพแวดล้อมที่พักอาศัยขององค์หญิงตามที่หม่อมฉันทราบละก็ สภาพร่างกายขององค์หญิงไม่มีทางติดโรคนี้ด้วยตัวเองแน่นอน!"

เมื่อเชื้อวัณโรคเข้าสู่ร่างกายมีเพียงคนร้อยละห้าถึงร้อยละสิบเท่านั้นที่จะติดเป็นโรค และคนพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ผู้ที่ขาดสารอาหาร ผู้ที่ใช้ชีวิตไม่เป็นระเบียบ และผู้ที่ใช้แรงงานหนักในระยะยาว......

เป็นถึงลูกสาวภรรยาเอกของจวนอิง ไม่ได้ทำงานหนักใดๆทั้งสิ้น เป็นไปได้เยี่ยงไรที่จะขาดสารอาหาร เหน็ดเหนื่อยอยู่ตลอด

อีกทั้ง ก่อนที่อิงหมิงหยางจะเป็นโรค ร่างกายก็แข็งแรงมาตลอด

และในตอนที่องค์หญิงใหญ่ได้ยินคำอธิบายของนาง แววตาก็เยือกเย็นขึ้นเรื่อยๆ:"แล้วมีสาเหตุอะไรอีกที่ทำให้หมิงหยางติดเป็นวัณโรค!"

"องค์หญิงเคยสัมผัสโดยตรงกับผู้เป็นวัณโรค หรือใช้เครื่องมือเครื่องใช้ร่วมกันกับผู้เป็นวัณโรค!"

สาวใช้จึงรีบคุกเข่าลงต่อหน้าองค์หญิงใหญ่ทันที

ซูเหมยต่อว่า:"ใครให้เจ้าพูด!"

"เมื่อคืนหม่อมฉันเห็นพี่หญิงคนนี้เข้าไปที่ห้องขององค์หญิงนานถึงหกสิบนาทีถึงได้ออกมา หลังจากนั้นไม่นานอาการขององค์หญิงก็สาหัสขึ้น"

"นางเข้าไปที่ห้องขององค์หญิง ทำไมเจ้าไม่พูด?"ซูเหมยต่อว่า

สาวใช้คนนั้นพูดว่า:"หม่อมฉันคิดว่าพี่หญิงคนนี้เป็นนางกำนัลใกล้ชิดขององค์หญิง จึงไม่ได้คิดมาก แต่เมื่อครู่ได้ยินคำอธิบายของพระชายาหรง หม่อมฉันจึงรู้สึกว่าพี่หญิงคนนี้น่าสงสัย ก่อนที่พี่หญิงคนนี้จะเข้าห้ององค์หญิง หม่อมฉันยังได้รับใช้องค์หญิงเสวยอาหารอยู่เพคะ ตอนที่องค์หญิงเสวยอาหารสภาพจิตใจยังคงดีมาก ไม่มีอาการไอที่รุนแรง อีกทั้งยังมีความอยากอาหารที่ดีมากด้วย"

เหลียนซางจ้องไปที่สาวใช้คนนั้น

ซูเหมยมองไปที่เหลียนซางด้วยแววตาที่โกรธ:"องค์หญิงใหญ่ออกคำสั่งแล้ว เจ้าห้ามเข้าใกล้ตัวองค์หญิง ห้ามเข้าไปในห้ององค์หญิง เจ้ามีอะไรจะพูดอีกหรือไม่"

"หม่อมฉัน......ก็แค่อยากอยู่เคียงข้างองค์หญิง"เหลียนซางดิ้นรน

ซูเหมยเดินไปข้างหน้า ดึงคอเสื้อข้างหลังของเหลียนซางไว้ จากนั้นก็ยกนางขึ้นมา และเตะเข้าที่ข้อพับเข่าของเหลียนซาง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น