เห็นไป๋ชิงหลิงหันหลังกลับไป แม่นมซั่งเองก็แอบเช็ดน้ำตา กลืนน้ำลายพร้อมกล่าวออกมาว่า “พระชายาพูดถูก เป็นข้าที่กังวลมากเกินไป”
ไป๋ชิงหลิงหันกลับมาพร้อมรอยยิ้ม “แม่นมซั่ง เจ้าว่าการที่ข้าปฏิเสธคุณหนูรองแห่งตระกูลฉางมันเป็นเรื่องเห็นแก่ตัวเกินไปหรือไม่”
“พระชายา ท่านอย่าได้คิดเช่นนี้เป็นอันขาด ท่านอ๋องคงไม่อาจยอมรับมันได้”
“เจ้าวางใจ ข้าไม่เป็นไร ข้าแค่อยากใช้ช่วงเวลานี้ทำดีกับเขาให้มาก ๆ และไม่อยากให้ผู้หญิงคนอื่นเข้ามาทำลายความสัมผัสระหว่างข้ากับเขา”
นางไม่อยากให้หรงเยี่ยต้องมาเสียใจหรือลำบากเพราะนาง แต่นางก็ไม่อาจทนเห็นเขาไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าต่อตาของนางได้
ดังนั้นนางจึงเลือกวิธีการที่เห็นแก่ตัว
แต่นางก็ไม่รู้สึกเสียใจ!
แม่นมซั่งเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของตนเอง “พระชายา ทานขนมหวานเถิด ขนมพวกนี้มีแต่ของโปรดของท่าน และข้าก็ไปร่ำเรียนวิธีการทำขนมพวกนี้ขึ้นมาจากแม่นางชิงอีเป็นพิเศษ”
ไป๋ชิงหลิงสงบลง มองดูขนมที่นางกัดไปแล้วครึ่งชิ้น จากนั้นพูดออกมาว่า “แม่นมซั่งทำได้เหมือนกับที่ชิงอีทำไม่มีผิด”
แม่นมซั่งรู้ว่าตนเองได้สะกิดแผลในใจของไป๋ชิงหลิง นางจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อในทันที “พระชายาทานให้มาก ๆ ร่างกายจะได้แข็งแรง และส่งผลดีต่อเด็กในท้อง”
ไป๋ชิงหลิงไม่อยากให้แม่นมซั่งต้องกังวล เนื่องจากของหวานเหล่านี้ล้วนเป็นของโปรดของนาง ดังนั้นนางจึงทานเข้าไปถึงสองจานเล็ก
หลังจากแม่นมซั่งออกไปจากห้อง ไป๋ชิงหลิงก็ทำการปิดไฟและเข้านอน
เช้าวันรุ่งขึ้น ดวงอาทิตย์ยังไม่ทันพ้นขอบฟ้า นางก็ถูกเสียงดังจากด้านนอกปลุกขึ้นมา “หากจวนฉางต้องการความช่วยเหลือก็จำเป็นต้องรอให้ฟ้าสางก่อน อีกอย่างพระชายาของพวกเราหลังจากที่แท้งลูก ร่างกายของนางก็ไม่แข็งแรงมาโดยตลอด นางจำเป็นต้องพักผ่อน”
“แม่นมซั่ง เลิกวุ่นวายจะได้ไหม คุณหนูรองของพวกเราไข้ขึ้นสูง มีเลือดไหลออกมาไม่ยอมหยุด หมอในจวนต่างเข้ามาให้การรักษา ยาก็กินเข้าไปแล้ว แต่ก็ไม่เห็นอาการจะดีขึ้น แม่นางสามของพวกเราไม่สามารถรักษาได้อีกต่อไป พวกเราถึงได้มารบกวนพระชายาหรง!” แม่นมสิงกล่าวออกมา
แม่นมซั่งยังคงยืนกรานและปฏิเสธไม่ให้พวกนางเข้าไป
หลังจากรู้ว่าไป๋ชิงหลิงตั้งครรภ์ แม่นมซั่งก็ยิ่งกังวลเกี่ยวกับสภาพร่างกายของไป๋ชิงหลิง
แม่นมสิงเห็นเช่นนั้นก็ร้อนรนจนทนไม่ไหว ฉวยโอกาสตอนที่แม่นมซั่งเผลอยื่นคอออกมาตะโกนเสียงดังลั่น “พระชายาหรง พระชายาหรง พวกเราต้องการพบหมอ!”
“เจ้าทำอะไรของเจ้า รีบออกไปได้แล้ว” แม่นมซั่งรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก คว้าแขนของแม่นมสิงด้วยความโกรธและลากนางออกไปด้านนอก
ไป๋ชิงหลิงได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากด้านนอก เวลานี้นางได้ลุกขึ้นมาจากเตียงแล้ว สาวใช้ที่ค่อยเฝ้าปรนนิบัตินางตลอดทั้งคืนก็เข้ามาสวมเสื้อผ้าให้กับนาง
หลังจากนั้นไม่นานไป๋ชิงหลิงก็เปิดประตู เดินออกมาด้านนอกพร้อมกล่าวเรียก “แม่นมซั่ง!”
แม่นมซั่งที่กำลังดิ้นรนอยู่กับแม่นมสิงก็หันกลับมา “พระชายา เหตุใดท่านจึงลุกขึ้นมา? ฟ้ายังไม่สว่างเลย ข้าจะไล่นางออกไปเอง และก็ไม่รู้ว่าคนที่เฝ้าประตูอยู่ด้านนอกทำอะไรอยู่ เหตุใดถึงได้ปล่อยให้นางเข้ามารบกวนถึงด้านใน”
แม่นมซั่งยืนอยู่ข้างเดียวกันกับไป๋ชิงหลิง นางไม่มีความรู้สึกกับคนของจวนฉางเลยแม้แต่น้อย
แน่นอน นอกจากนายผู้เฒ่าฉาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...