ตอน บทที่ 604 เหยี่ยวดำติดตามเซิงเอ๋อร์ จาก ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 604 เหยี่ยวดำติดตามเซิงเอ๋อร์ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายการเกิดใหม่ ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น ที่เขียนโดย พระจันทร์ขี้เมา เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ในตอนนี้ไป๋ชงเซิงวางตะเกียบในมือของนางลง “ท่านปู่ ท่านไม่ต้องกลัวว่าท่านแม่จะถูกเสด็จพ่อกลั่นแกล้ง ยังมีข้าที่คอยจับตาดูเขาอยู่ หากเขากล้าทำอะไรไม่ดีต่อท่านแม่ หรือว่ากล้าพาผู้หญิงอื่นเข้ามาในจวน ข้าจะพาท่านแม่กลับมาหาท่านปู่ทันที”
ทันใดนั้นติ้งเป่ยโหวก็หัวเราะขึ้นมาดังลั่น “ฮ่าฮ่าฮ่า”
“เซิงเอ๋อร์มีความสุขมากจริง ๆ”
หรงจิ่งหลินหันกลับมายิ้มให้ติ้งเป่ยโหว เนื่องจากถูกอีกฝ่ายทำให้ยิ้ม “ท่านปู่ เซิงเอ๋อร์ไม่ได้พูดเล่น หากเสด็จพ่อแต่งงานกับผู้หญิงอื่นและแต่งตั้งนางเป็นพระชายา ข้ากับเซิงเอ๋อร์จะพาเสด็จแม่ออกจากจวนอ๋อง ให้เสด็จพ่ออยู่อย่างเดียวดาย”
“พวกเจ้าทั้งสองจริงจังและทำหน้าที่ได้ดีถึงเพียงนี้ ดูเหมือนว่าปู่จะคิดมากเกินไปเอง” เห็นเด็กทั้งสองรักและเป็นห่วงไป๋ชิงหลิงถึงเพียงนี้ ความกังวลในหัวใจของเขาหายไปในพริบตา
แม้เขารู้ว่าคำพูดของเด็กไม่อาจเชื่อถือได้ แต่เด็กทั้งสองมีความคิดที่จะปกป้องและรักแม่ของตนเองถึงเพียงนี้ นั่นก็พิสูจน์แล้วว่าไม่มีใครมาแทนที่ของไป๋ชิงหลิงได้
“วางใจเถอะ หากเสด็จพ่อทำผิดต่อท่านแม่ เซิงเอ๋อร์จะปล่อยสุนัขไปกันก้นของเขา!”
ติ้งเป่ยโหวหัวเราะออกมาอีกครั้ง
และไป๋ชิงหลิงก็ไม่สามารถห้ามอะไรนางได้
นางเหลือบตามองเหยี่ยวดำที่อยู่ด้านนอกประตู ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยพร้อมกล่าวออกมา “เซิงเอ๋อร์ เหยี่ยวดำตัวนั้นนำไปปล่อยเสียเถอะ เอาไว้ข้างกาย มันอาจจะไปทำร้ายผู้อื่น มันควรจะไปออกไปใช้ชีวิตอย่างอิสระด้วยตัวของมันเอง”
“ท่านแม่ ข้าบอกให้มันไปแล้ว แต่มันต่างหากที่ไม่ยอมไป”
“มันไม่ยอมไป?” ไป๋ชิงหลิงคิดว่าไป๋ชงเซิงเป็นคนรั้งมันเอาไว้เสียอีก
“ใช่ ตอนที่ข้านำมันออกมาจากกรง ข้าก็บอกมันไปแล้วว่าอยากไปไหนก็ไป หลังจากนี้ไม่จำเป็นต้องอยู่ในกรงอีกต่อไปแล้ว ไม่มีใครมาขังมันได้ทั้งนั้น!” ไป๋ชงเซิงวางตะเกียบลง เจ็บคราบน้ำมันบนปากของตนเอง “ท่านแม่ไม่ต้องสนใจมัน หากพวกเราไม่ให้มันกิน เดี๋ยวมันก็จากไปเอง”
ไป๋ชิงหลิงรู้สึกว่าที่ลูกของนางพูดออกมานั้นก็มีเหตุผล นางจึงไม่สนใจเหยี่ยวดำอีกต่อไป
หลังจากที่นางทานอาหารเข้าไปอีกสองสามคำ เด็กทั้งสองก็กลับเข้าไปในห้อง
แม่นมซั่งบอกให้สาวใช้เตรียมน้ำร้อนเอาไว้ให้เด็กทั้งสองอาบ ส่วนนางก็เดินกลับเข้าไปในห้องครัวเพื่อทำขนม จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องของไป๋ชิงหลิง
ไป๋ชิงหลิงจ้องมองขนมที่แม่นมซั่งทำขึ้นมาอย่างพิถีพิถันแล้วพูดว่า “แม่นม ขอบคุณสำหรับน้ำใจของท่าน แต่ข้าอิ่มแล้ว”
“พระชายา!” แม่นมซั่งวางขนมหวานลง “คนที่กำลังตั้งครรภ์ ไม่ว่าอย่างไรก็ควรดูแลสุขภาพของตนเองก่อน”
ไป๋ชิงหลิงผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองแม่นมซั่งโดยไม่รู้ตัว “แม่นมซั่ง ท่านรู้ได้อย่างไร?”
แม่นมซั่งมองมาที่ท้องของนาง จากนั้นกล่าวออกมาว่า “ระดูของพระชายามาช้ากว่าปกติหลายวัน แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมาไม่ตรงกำหนด แต่มันก็ไม่เคยเว้นช่วงนานถึงเพียงนี้ และจากอาหารค่ำในวันนี้ ข้าเห็นว่าพระชายาหลีกเลี่ยงของเย็น ข้าจึงเดาว่าท่านอาจจะตั้งครรภ์ และหากพระชายาตั้งครรภ์จริงก็สามารถบอกกับแม่นมซั่งได้ ไม่ว่าพระชายาอยากทานสิ่งใด ข้าก็จะหามาให้ท่านทั้งนั้น”
“ในเมื่อแม่นมซั่งรู้แล้วว่าข้าตั้งครรภ์ เช่นนั้นข้าก็ไม่มีความจำเป็นที่จะปิดบังท่าน ข้าเองก็ไม่ได้อยากจะมีลูกไปมากกว่านี้ แต่หมอเทวดาซูบอกกับข้าว่า ในร่างกายของจิ่งหลินมีพิษของทารกอยู่ จำเป็นต้องใช้ยาถอนพิษที่ทำจากเลือดจากสายสะดือของทารกสิบเดือน เวลาของจิ่งหลินเหลือเพียงแค่หนึ่งปีเท่านั้น และตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่แปดถึงเก้าเดือน”
พูดถึงตรงนี้ น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างของไป๋ชิงหลิง นางจับมือของแม่นมซั่งพร้อมกับกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย “แม่นม ข้าเห็นจิ่งหลินผอมลงทุกวัน ข้ารู้สึกทุกข์ทรมานและไม่สบายใจเป็นอย่างมาก ท่านจะต้องช่วยข้าเก็บความลับนี้ไว้”
“พระชายา!” แม่นมซั่งนับถือความกล้าหาญของไป๋ชิงหลิงเป็นอย่างมาก แต่ก็กลัวว่าไป๋ชิงหลิงจะเจอกับเรื่องเลวร้าย
นางนำมือขึ้นมากุมไว้บนหลังมือของไป๋ชิงหลิงพร้อมกล่าวว่า “ในเมื่อนี่เป็นสิ่งที่พระชายาเลือก เช่นนั้นข้าก็จะเก็บความลับนี้เอาไว้แม้ว่าต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม เพียงแต่......ท้องของท่านจะโจขึ้นทุกวัน เกรงว่าคงจะปิดเรื่องนี้เอาไว้ได้อีกไม่นาน”
“ให้มันผ่านสามเดือนนี้ไปก่อน หมอเทวดาซูบอกว่า ช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดก็คือสามเดือนแรก หากสามารถข้ามผ่านมันไปได้ การตั้งครรภ์ครั้งนี้ของข้าก็จะปลอดภัย”
“แล้วเมื่อไหร่จะคลอดงั้นหรือ?” แม่นมซั่งถามออกมา
ไป๋ชิงหลิงจ้องมองแววตาทั้งสองข้างของแม่นมซั่ง จากนั้นตอบออกมาด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น “เร็วที่สุดเมื่อเด็กปลอดภัย”
“เช่นนั้นจะทำอย่างไรกับท่านอ๋อง?”
ไป๋ชิงหลิงดึงมือของตนเองกลับมาจากมือของแม่นมซั่ง หันหลังไปเช็ดน้ำตาพร้อมกล่าวว่า “เรื่องนี้มันยังไม่ถึงเวลาไม่ใช่หรือ มันก็แค่ช่วงเวลาคลอดนั้นอันตรายกว่าคนทั่วไป แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นอันตรายถึงชีวิตเสียหน่อย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...