ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 630

หลวนอี๋ค่อย ๆ เดินไปทางไป๋ชงเซิง และเหยี่ยวดำตัวนั้นก็ค่อย ๆ เดินไปหาไป๋ชงเซิง แม้ไป๋ชงเซิงจะบอกว่ามันจะไม่ทำร้ายตนเอง แต่หลวนอี๋ก็ยังหวาดกลัวนกสีดำตัวนั้นอยู่ดี

มันดูเหมือนนกอินทรี แต่เมื่อลองดูให้ดีก็ไม่เหมือน

ปากของมันเหมือนกับนกอินทรี หัวของมันเหมือนนกค้างคาว ส่วนปีกของมันก็ใหญ่กว่านกอินทรีทั่วไป

จู่ ๆ ก็มีนกประหลาดตัวหนึ่งบินเข้ามาในพระราชวัง สาวน้อยอย่างนางจะไม่ตกใจได้อย่างไร

ไป๋ชงเซิงเห็นมันเดินเข้ามา นางก็โยนชิ้นเนื้อให้กับมันโดยตรง

เหยี่ยวดำบินเข้าไปที่ชิ้นเนื้ออย่างแม่นยำ หยุดอยู่ตรงนั้นแล้วก็กินมันเข้าไปอย่างมีความสุข

หลวนอี๋เห็นว่ามันหยุดลงแล้ว นางก็แอบถอนหายใจเงียบ ๆ “เหตุใดท่านพี่เจ็ดถึงได้หานกที่แปลกประหลาดแบบนี้ให้เจ้า”

นางอยากจะบอกว่านกตัวนี้อัปลักษณ์เป็นอย่างมาก

หรงจิ่งหลินกล่าวว่า “เสด็จน้า มันไม่ใช่นักธรรมดา มันคือเหยี่ยวเทพสงคราม ท่านพ่อเคยเลี้ยงพวกมันไว้ทางตอนใต้ฝูงหนึ่ง ไม่ว่าจะใช้พวกมันเพื่อต่อสู้หรือหาข้อมูลก็ได้ทั้งนั้น ท่านลองดูที่ปีกคู่นั้นของมัน เมื่อเทียบกับแล้วมันใหญ่กว่าร่างกายของมันเสียอีก มันถึงสามารถบินได้ไกลเป็นพันลี้ในเวลาเพียงแค่หนึ่งวัน!”

ความอยากรู้อยากเห็นของหลวนอี๋ถูกกระตุ้นด้วยคำพูดของหรงจิ่งหลิน “พวกเจ้าบอกว่าเสด็จพ่อของพวกเจ้าเคยเลี้ยงนกประเภทนี้มาก่อนอย่างนั้นหรือ”

“ใช่ มันมีชื่อว่าเหยี่ยวเค้าแมว” หรงจิ่งหลินอธิบายให้หลวนอี๋ฟัง “มันเป็นพันธุ์ที่หายาก ตอนนี้แค่ตัวเดียวก็หายากเป็นอย่างมาก เสด็จพ่อเคยบอกข้า ก่อนหน้านี้ในยุคของสงคราม ทุกประเทศต่างเลี้ยงเหยี่ยวสงครามนี้ไว้ทั้งนั้น”

“เหตุใดก่อนหน้านี้เจ้าถึงไม่เคยบอกกับข้าว่ามันล้ำค่าถึงเพียงนี้!” ไป๋ชงเซิงหันมาถาม

หากนางรู้ว่าเหยี่ยวตัวนี้ล้ำค่าขนาดนี้ นางคงดีกับมันตั้งแต่แรก

หรงจิ่งหลินกล่าวออกมา “ข้าเองก็เพิ่งรู้เหมือนกัน หลังจากเห็นเหยี่ยวดำตัวนี้ ข้าจึงไปถามเสด็จพ่อ ถึงได้รู้ว่ามันเป็นของหายา”

ไป๋ชงเซิงได้หยิบน่องไก่ขนาดใหญ่ในชามโยนให้กับเหยี่ยวดำ

หรงจิ่งหลินชำเลืองมอง “มันชอบกินเนื้อสดมากกว่า อาหารที่มันชอบใกล้เคียงกับอาหารของอีกา”

“กินซากศพคนตาย!” หลวนอี๋รู้สึกตกใจอีกครั้ง

หรงจิ่งหลินพยักหน้า “ใช่อยู่ว่ามันกิน แต่มันชอบปลาสดมากกว่า”

“อื้อ อื้อ!” เหยี่ยวดำเงยหน้าขึ้น ส่งเสียงร้องให้กับหรงจิ่งหลินสองสามครั้ง จากนั้นก็ก้มหน้าจิกน่องไก่ขนาดใหญ่

“แต่เหยี่ยวเค้าแมวที่กินเนื้อนั้นเหมาะกับการต่อสู้ ไม่เหมาะกับการเลี้ยงดู”

“เช่นนั้นข้าจะมอบอาหารสุกให้กับมัน” พูดจบไป๋ชงเซิงก็โยนเนื้อให้มันอีกหนึ่งชิ้น

หลวนอี๋เริ่มได้สติกลับคืนมาจากความตกใจ จากนั้นก็ลองโยนชิ้นเนื้อให้กับเหยี่ยวดำ แต่เหยี่ยวดำกลับไม่แม้แต่ชายตามอง

นางขมวดคิ้ว “เหตุใดมันถึงไม่กินของจากข้า?”

“เสด็จพ่อบอกว่า หากมันได้เจ้านายแล้ว มันจะปฏิเสธอาหารจากคนทั้งโลก ส่วนใหญ่แล้วหากพวกมันไม่ตายด้วยการต่อสู้ พวกมันก็จะตายเพราะอดอาหาร” หรงจิ่งหลินมองไปที่เหยี่ยวดำด้วยแววตาของความเศร้าโศก “หากเจ้านายของพวกมันตายในสนามรบ พวกมันเองก็ต้องหิวจนตาย เนื่องจากพวกมันกินแต่ของที่เจ้านายเป็นคนมอบให้ หรือไม่ก็ศพที่ถูกสังหารโดยเจ้านายของพวกมัน”

ไป๋ชงเซิงและหลวนอี๋ตกใจจนดวงตาเบิกกว้าง

“และฝูงเหยี่ยวดำที่เสด็จพ่อเลี้ยงเอาไว้ มันก็ตายไปเพราะเหตุผลนี้!”

“เสด็จพ่อยังไม่ตาย” ไป๋ชงเซิงกะพริบตาด้วยสีหน้าสงสัย “”เช่นนั้นพวกมันจะหิวตายได้อย่างไร”

“เสด็จพ่อเล่าว่า เวลานั้นเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส หมดสติไปหลานเดือน หลังจากตื่นขึ้นมาเขาก็พบว่าเหยี่ยวเค้าแมวเหล่านั้นตายอยู่ด้านนอกของกระโจม หลังจากนั้นเสด็จพ่อก็ไม่คิดจะเลี้ยงพวกมันอีกเลย คิดไปคิดมา เสด็จพ่อคงเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ข้าสามารถสัมผัสได้จากคำพูดของเขา” หรงจิ่งหลินพูดจบก็ก้มหน้าทานอาหารของตนเองต่อไป

ไป๋ชงเซิงและหลวนอี๋เองก็เงียบ แยกย้ายกันทานอาหารของตนเอง

ในตอนนั้น สี่ซ่านก็เดินเข้ามารายงานว่า “องค์หญิง คุณชายฉางส่งจดหมายมาอีกแล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น