บทที่ 647 ความทะเยอทะยานของเหอเฟย – ตอนที่ต้องอ่านของ ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
ตอนนี้ของ ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น โดย พระจันทร์ขี้เมา ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายการเกิดใหม่ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 647 ความทะเยอทะยานของเหอเฟย จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
นางเอื้อมมือออกไปและรับองค์หญิงน้อยจากอ้อมแขนของจักรพรรดิเหยา “หม่อมฉันอายุขนาดนี้แล้ว การได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดินั้น ย่อมเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าไม่ได้รับความโปรดปรานหม่อมฉันก็พอใจกับการเป็นอยู่ตอนนี้ ความปรารถนาสูงสุดของหม่อมฉัน คือขอเพียงจักรพรรดิสุขภาพร่างกายแข็งแรง ให้หม่อมฉันและลูกๆทั้งสี่คนมีความเป็นอยู่ที่สุขสบาย นอกจากนี้ หม่อมฉันแค่อยากให้พวกเขาเติบโตอย่างแข็งแรง และไม่ได้ต้องการตำแหน่งฮองเฮา”
จักรพรรดิเหยาได้ยินสิ่งนี้ ก็รู้สึกรักและเอ็นดูผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้ามากยิ่งขึ้น
หลายปีที่ผ่านมานางพอใจและปรับตัวกับสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ ไม่แก่งแย่งชิงดี
เขาเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของนาง และเช็ดน้ำตาให้นางแล้วพูดว่า “ข้าจะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ แต่ข้าก็มีคำพูดสองสามคำที่อยากพูดกับเจ้า!”
เขาวางฝ่ามือลงบนใบหน้าของลูก และบีบสองสามครั้ง แล้วพูดว่า “ตำแหน่งที่สูงส่ง เช่นเดียวกับวังเย็น ข้าอยากมีคนที่รู้ใจ เจ้าทำใจได้หรือที่จะให้ข้าใช้ชีวิตอยู่ในวังเย็นเพียงลำพัง!”
เต๋อเฟยสะดุ้ง และตะลึงกับคำพูดของเขา
ที่นางไม่แก่งแย่งชิงดีไม่ได้แปลว่าไม่เคยรัก เพราะว่านางรักจึงอดใจไม่ได้และสุดท้ายไม่กล้าคาดหวัง แต่ตอนนี้ชายตรงหน้ากลับพูดจาที่ทรมานหัวใจเธอเช่นนี้ จึงได้ทลายกำแพงหัวใจของเต๋อเฟย
นาง.......ทำใจไม่ได้!
นางจ้องมองตาของเขา แล้วส่ายหัว
จักรพรรดิเหยายื่นมือออกไปคว้าแขนของนาง และกอดนางไว้ในอ้อมแขนของเขา
เต๋อเฟยอิงอยู่ในอ้อมกอดของเขา ทั้งสองต่างเข้าใจโดยไม่ได้ต้องพูดอะไร.......
เพราะเขารู้ว่า นางเต็มใจเป็นฮองเฮาของเขา!
ในวันนี้ จักรพรรดิเหยาก็ประทับที่ตำหนักของเต๋อเฟย อยู่กับเต๋อเฟยและเล่นกับลูกๆ เด็กๆก็เต็มใจที่จะเข้าใกล้เขา
จักรพรรดิเหยาไม่ได้มีความสุขเช่นนี้มาเป็นเวลานานแล้ว เขาดูเหมือนว่าจะมองเห็นหรงเยี่ยและหรงเฉิน จากลูกชายทั้งสองคนนี้.......
วันรุ่งขึ้น จักรพรรดิเสด็จออกจากตำหนักเต๋อเฟยและไปเข้าประชุมราชสำนัก
เรื่องนี้ แพร่กระจายไปทั่ววังหลังอย่างรวดเร็ว
หนึ่งในนั้น เหอเฟยผู้ที่ต้องการตำแหน่งฮองเฮามากที่สุด ก็รู้สึกถึงวิกฤตอย่างรุนแรง
พระชายาหราวกับอ๋องหราวกำลังเข้าวังเพื่อเข้าเฝ้า
เมื่อเหอเฟยเห็นท้องของพระชายาหราวที่ค่อยๆโตขึ้น นางก็รู้สึกโล่งอก “ดูเหมือนว่าอีกสองสามเดือนเจ้าก็จะคลอดแล้วสิ!”
หวู่ซือหลิงก้มหัวลงและลูบท้องเบาๆ แล้วพูดว่า “ใช่แล้ว หมอประจำจวนบอกว่าทารกในครรภ์แข็งแรงดี”
เหอเฟยพยักหน้า เหลือบมองอ๋องหราว แล้วพูดว่า “จักรพรรดิยังไม่ได้สถาปนาฮองเฮา ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ตอนนี้ตำแหน่งฮองเฮาว่าง ถ้าเจ้าให้กำเนิดบุตรชาย มีทายาทให้ตำหนักอ๋องหราว ก็ถือว่าเจ้าเหมาะสมกับตำแหน่งพระสนมเอก ถึงเวลานั้นก็มีข้อต่อรองในการชิงตำแหน่ง ถ้าข้าได้นั่งตำแหน่งนั้น เจ้าและอ๋องหราวก็ไม่ต้องลำบากเพื่อแข่งกับท่านอ๋องหรง ถ้าข้าเป็นฮองเฮา อ๋องหราวก็เป็นบุตรคนโต!”
เมื่อหวู่ซือหลิงได้ยินสิ่งนี้ ก็แอบยิ้มอย่างขมขื่น จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองอ๋องหราวและพูดว่า “เสด็จแม่ พระชายาท่านอ๋องหรงตั้งครรภ์อีกแล้วหรือ”
“เพล้ง!” ถ้วยที่ถืออยู่ในมือของเหอเฟย ก็ร่วงลงบนพื้น
จากนั้นนางก็เงยหน้าขึ้นมองหวู่ซือหลิงด้วยสีหน้าตกตะลึง “ผู้หญิงคนนั้นเกือบเสียชีวิตในการแท้งลูกครั้งก่อน ได้ยินมาว่าตัดมดลูกออกไปแล้วครึ่งหนึ่ง นางยังสามารถตั้งครรภ์ได้หรือ?”
“นางตั้งครรภ์จริงๆ รถม้าจวนฉางชนรถม้าที่พระชายาท่านอ๋องหรงนั่งจนพลิกคว่ำ พระชายาท่านอ๋องหรงมีเลือดออกบริเวณท้องน้อย มีสัญญาณของการแท้งลูก เสด็จพ่อได้ส่งหมอหลายคนออกจากวัง ท่านอ๋องหรงก็ได้สั่งปิดถนนเส้นนั้น เมื่อวานที่นั่นยังคึกคักมาก ว่ากันว่าพระชายาท่านอ๋องหรงเกือบเสียชีวิต”
“สรุปนางตายไหม?” เหอเฟยเอ่ยปากถาม
“ถ้างั้นก็หาโอกาส ให้เจ้าเด็กคนนั้นไปเจอกับยมทูต ข้าไม่มีเวลาขนาดนั้น เมื่อวานตอนเที่ยงเสด็จพ่อของพวกเจ้าไปที่ตำหนักเต๋อเฟย และประทับที่นั่น เช้านี้จึงจากไปเพื่อไปประชุมราชสำนัก ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้ไปประทับที่ตำหนักเต๋อเฟย หมายความว่าอย่างไร เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ ตอนนี้คือโอกาส!” เหอเฟยยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห
อ๋องหราวรีบเดินเข้าไปปลอบ “เสด็จแม่ ลูกรู้แล้วว่าต้องทำอย่างไร ท่านวางใจ ข้าจะช่วยให้ท่านได้ตำแหน่งนั้น เติมเต็มความปรารถนาอันยาวนานของท่าน”
“ซิวเอ๋อร์เข้าใจแม่ดีที่สุด” เหอเฟยคว้าแขนของอ๋องหราว “เมื่อข้าได้เป็นฮองเฮา ข้าจะสั่งสอนเหล่านางสนมที่ดูถูกผู้อื่นให้สาสมอย่างแน่นอน เพื่อกอบกู้หน้าให้กับพวกเจ้า”
หวู่ซือหลิงแอบหัวเราะ
ท้ายที่สุดแล้วตัวเองก็อยากเป็นฮองเฮา
ไม่เห็นต้องพูดอ้อมค้อม!
หลังออกมาจากตำหนักของเหอเฟย อ๋องหราวและหวู่ซือหลิงก็ออกจากวัง บนรถม้า อ๋องหราวกอดหวู่ซือหลิงและพูดว่า “สิ่งที่เสด็จแม่พูด เจ้าจำได้ทั้งหมดแล้วใช่ไหม?”
หวู่ซือหลิงเงยหน้าขึ้นมองชายตรงหน้าเธอ พยักหน้าเบาๆ และพูดเบาๆว่า “ท่านอ๋อง ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร ท่านวางใจเถอะ ข้าจะทำให้เสด็จแม่ได้สิ่งที่ปรารถนาแน่นอน”
“ไม่ใช่แค่ความปรารถนาของนาง ขอเพียงเสด็จแม่กลายเป็นผู้หญิงที่มีเกียรติที่สุด เจ้าเองก็จะกลายเป็นคนที่มีเกียรติสูงศักดิ์คนถัดไป ร่วมมือกับข้าเพื่อปกครองบ้านเมือง”
หวู่ซือหลิงรู้สึกอบอุ่นใจ และพูดว่า “ใกล้ถึงวันเทศกาลโคมไฟแล้ว ถึงตอนนั้นเสด็จพ่อต้องจัดงานเลี้ยงฉลองที่ยิ่งใหญ่แน่นอน ในวันนั้นพระราชวังจะมีชีวิตชีวาและครื้นเครงมาก พร้อมด้วยผู้คนที่เข้าๆออกๆเป็นจำนวนมาก”
“อืม ผู้คนเยอะมาก คนเยอะก็สามารถทำอะไรได้หลายอย่าง”
“และมีโอกาสมากที่จะมีอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น!” หวู่ซือหลิงพูดจาทุกครั้งด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเสมอ
ใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มอยู่เสมอ แต่ดวงตานั้นเต็มไปด้วยเล่ห์กลและอุบาย........
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...