ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 650

สรุปบท บทที่ 650 แก่ก่อนวัย เต็มไปด้วยผมขาว: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น

อ่านสรุป บทที่ 650 แก่ก่อนวัย เต็มไปด้วยผมขาว จาก ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น โดย พระจันทร์ขี้เมา

บทที่ บทที่ 650 แก่ก่อนวัย เต็มไปด้วยผมขาว คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายการเกิดใหม่ ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย พระจันทร์ขี้เมา อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ติ้งเป่ยโหวโมโหและจับมือของหลิวหานเยียนไว้เอ่ย " ตอนนั้นคนที่ข้าจะแต่งด้วยคือเจ้า แต่ก่อนเจ้าก็เป็นฮูหยินของข้าแล้ว ไหนเลยจะมาบอกอีกว่าใครจะเป็นฮูหหยินของติ้งเป่ยโหวอย่างข้าอีก"

" แต่คนที่ขึ้นเกี้ยวไปหาเจ้าก็ไม่ใช่ข้านี่"

"ถ้าอย่างนั้น เจ้าเป็นคนให้กำเนิดชิงหลิงหรือไม่"

" ข้า..." ปากของหลิงหานเยียนถูกคำพูดของเขาอุดไว้

เพื่อพิสูจน์ว่านางยังรักเขา ติ้งเป่ยโหวได้ขุดคุ้ยอดีตออกมาอย่างชัดแจ้ง " ถ้าเจ้าไม่ชอบข้าแล้วตอนนั้นทำไมถึงไปเข้ากองทัพกับข้าล่ะ และที่เจ้าตั้งท้องลูกข้าแต่กลับปล่อยลูกไว้ แล้วที่ไม่ยอมแต่งงานอีกตลอดชีวิตมันเพื่อกระไร"

"ใครบอกว่าข้าจะไม่แต่งตลอดชีวิตล่ะ"

"ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็บอกข้ามาสิ เจ้าจะแต่งกับใคร"

หลิวหานเยียนรู้สึกว่าไม่สามารถทำความเข้าใจกับเขาได้เลย และไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก จึงหันหน้าไปทางอื่นไม่ได้พูดอะไร

ติ้งเป่ยโหวนั่งลงไปแล้วใช้มือสองข้างจับตัวนางไว้ กอดนางเข้ามาในอ้อมกอด " เยียนเอ๋อร์ ข้าคิดว่าเจ้าได้จากไปแล้วจริงๆ ใจข้าก็ได้ตายตามเจ้าไป ข้าถูกอวี่เยียนหลอกมาหลายปี และเกือบจะแขวนคอฆ่าตัวตายไปแล้ว เป็นเพราะว่าลูกสาวของเราทำให้ข้ามีความหวังในการมีชีวิต และทำให้ข้าได้พบเจ้าอีกครา"

เบ้าตาของหลิวหานเยียนก็แดงก่ำทันที นางค่อยๆ ยกมือขึ้นแล้วก็วางไว้บนหลังเขา กอดเขาไว้แน่น " ข้านั้นยังไม่แก่ร่างกายก็เหี่ยวเฉาไปแล้ว แต่เจ้ากลับยังคิดถึงข้า"

ติ้งเป่ยโหวปล่อยนาง แล้วก็ตั้งใจดูผมขาวเต็มศีรษะของนาง ยิ้มเอ่ย " ข้าก็แก่แล้ว เจ้าดูสิ หน้าข้าก็มีรอยย่น"

ตั้งแต่กลับมา ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่หลิวหานเยียนจ้องหน้าเขาอย่างตั้งใจ

ติ้งเป่ยโหวนั้นฝึกฝนอยู่ตลอด รักษาร่างกายอย่างดี ทั้งตัวก็ไม่มีไขมันเลย ต่อให้เขาจะอายุมากแต่ก็ไม่เห็นว่าเขาจะแก่ลงเลย แต่กลับดูเป็นคนมาดนิ่งมากกว่าตอนหนุ่มสักอีก

หลิวหานเยียนก็เขินจนหน้าแดงอย่างไม่รู้ตัว นางก้มหน้าลง กัดริมฝีปากเอ่ย " ข้าเกือบปฏิเสธจื่ออีแล้ว แต่ก่อนข้าตั้งใจว่าจะไม่กลับเมืองหลวงอีก และจะแก่ตายในหมู่บ้านชนเผ่าอูเซิน"

" โชคยังดีที่เจ้ากลับมา ลูกของเราก็เติบโตและยังได้ให้กำเนิดลูกสองคน ใช่แล้ว ข้าลืมไปเลยว่า เด็กน้อยสองคนนั้นยังรอเราอยู่ข้างนอก"

" อะไรนะ" หลิวหานเยียนร้องออกมาด้วยความตกใจ พร้อมกับทำกำปั้นทุบลงไปที่อกของเขาเบาๆ เอ่ย " เจ้ายังมีเวลามาพูดไร้สาระกับข้า แล้วปล่อยให้เด็กตากลมอยู่ข้างนอกหรือ"

" ข้าจะไปนำพวกเขาเข้ามาเดี๋ยวนี้แหละ" ติ้งเป่ยโหวลุกขึ้นด้วยอาการดีใจแล้วก็เดินออกจากห้องไป

หลังจากที่ไป๋ชิงหลิงได้หลับไปแล้ว หรงเยี่ยก็ไม่ให้พวกเขาสองคนอยู่ข้างกายไป๋ชิงหลิง เพราะกลัวว่าพวกเขาจะส่งเสียงดังรบกวนการนอนหลับของไป๋ชิงหลิง

จึงได้ไล่ติ้งเป่ยโหวออกจากลานชิงชิง เด็กสองคนก็เดินตามติ้งเป่ยโหวมาถึงหออวิ๋น

"ท่านพี่ เสด็จตาเข้าไปนานขนาดนี้แล้วก็ยังไม่ออกมา หรือว่าร่างกายของเสด็จยายจะไม่สบาย เราลองไปเชิญพี่สาวลี่ว์อีมาช่วยดูอาการให้เสด็จยายหน่อยไหม" ไป๋ชงเซิงพูดไปพลางลูบหูของเสวี่ยหลาง

และเสวี่ยหลางก็พยายามจะเกาะตัวนางหลายครั้ง

หรงจิ่งหลินเอ่ย " ถ้าหากว่าเสด็จยายมีปัญหา เสด็จตาต้องไปหาหมอมากฝีมือเป็นคนแรกแน่นอน อาจจะเป็นไปได้ว่าเสด็จยายกำลังนอนหลับพักผ่อน พี่สาวลี่ว์อีก็บอกแล้วไม่ใช่หรือว่า เสด็จยายเสียพลังวิญญาณทั้งหมดไปกับการรักษาเสด็จแม่ ฉะนั้นตอนนี้ท่านต้องอ่อนกำลังแน่นอน ถ้าเราได้เจอเสด็จยายก็ต้องทำตัวน่ารัก และพูดหวานๆ ด้วย ต้องเรียกนางว่าเสด็จยายบ่อยๆ ด้วย"

" เจ้าไม่ต้องมาสอนข้าหรอก ข้ารู้ว่าต้องทำยังไง นางต้องชอบข้าแน่นอน" ไป๋ชงเซิงเอ่ยตอบ

เด็กสองคนนั่งรอนานมาก ถึงได้ยินเสียงของเสวี่ยหลานเห่าไปทางประตู

ประตูถูกเปิดออก ติ้งเป่ยโหวก็เดินออกมาจากข้างใน เอ่ยพูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิดเล็กน้อย " องค์หญิง ซื่อจื่อ พวกเจ้ารอนานแล้วล่ะ"

" เสด็จตา ตอนนี้พวกเราเข้าไปได้หรือยัง" หรงจิ่งหลินเอ่ยขึ้นด้วยเสียงอ่อนหวาน

ติ้งเป่ยโหวคว้ามือเขาทั้งสองไว้ เอ่ย" ได้แล้ว ได้แล้ว เมื่อเข้าไปแล้วให้เรียกว่าเสด็จยายนะ เรียกยิ่งดังยิ่งดี และเรียกขานหลายๆ รอบจะดีมาก..."

ติ้งเป่ยโหวดีใจเหมือนเด็กน้อย พึมพำไปพร้อมกับจับมือเด็กสองคนไว้ เด็กสองคนจ้องหน้าแล้วยิ้มให้กัน

เมื่อเข้าไปในห้อง เด็กทั้งสองก็ร้องออกมาพร้อมกันว่า " เสด็จยาย"

ผ่านไปไม่กี่วัน ไป๋ชิงหลิงก็สามารถเดินเองได้แล้ว

แต่เป็นเพราะนางนอนติดเตียงหลายวัน ทำให้ตอนที่ลุกขึ้นเดินนั้น อาจจะล้มลงไปได้ หรงเยี่ยเห็นแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้ จึงรีบเข้าไปกอดนางไว้แน่น เอ่ย " เจ้าจะเดินไหวไหม ไม่ไหวก็นอนพักต่อเถิด"

" ข้าก็แค่นอนนานเกินไป ถ้าหากข้านอนต่ออีก ครั้งหน้าก็จะเป็นแบบนี้เหมือนกัน เจ้าประคองข้าไว้ ข้าจะค่อยๆ เดิน สักพักข้าก็จะชินกับมันแล้ว"

" เจ้ามั่นใจหรือ"

" ข้ามั่นใจ" ไป๋ชิงหลิงพยักหน้า แล้วก็พิงไปบนอ้อมกอดของเขาเอ่ย " เจ้าวางใจเถิด ข้าไม่กล้าวู่วามอีกแล้ว"

" มันก็ใช่สิ" หรงเยี่ยขานตอบ จากนั้นก็วางมือลงไปบนเอวของนาง ประคองเหมือนกอดนางไว้ พานางเดินไปรอบๆ ห้อง

กำลังของไป๋ชิงหลิงก็ค่อยๆ ฟื้นกลับมา เดินไปไม่กี่รอบนางก็สามารถเดินได้ด้วยตัวเอง

ลี่ว์อีเดินเข้ามา เอ่ย " ท่านอ๋อง พระชายา ท่านโหวกับฮูหยินมาหาแล้วเพค่ะ"

ไป๋ชิงหลิงเงยหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วสีหน้าของนางก็ค้างคาไว้แบบนั้น

ฮูหยินที่พูดออกมาจากปากของลี่ว์อีนั้นก็คือฮูหยินสิบสองที่ไม่เคยโผล่หน้าออกมา หลิวหานเยียน

มารดาแท้ๆ ของไป๋ชิงหลิง

ไม่รู้ด้วยเหตุอันใด ใจของไป๋ชิงหลิงนั้นรู้สึกเร่าร้อนและกังวลเล็กน้อย

ผ่านไปแวบเดียว ติ้งเป่ยโหวก็จูงมือหลิวหานเยียนเดินเข้ามาในห้อง มืออีกข้างหนึ่งของหลิวหานเยียนจับมือของไป๋ชงเซิงไว้

ไป๋ชิงหลิงกวาดตามองไป๋ชงเซิงแวบหนึ่ง แล้วก็เงยหน้าขึ้นมองผู้หญิงที่เต็มไปด้วยผมหงอกขาว ใบหน้าของนางเหมือนกับหลิ่วอวี่เยียนที่เป็นฮูหยินติ้งเป่ยโหวที่ล่วงหลับไปแล้วนั้นทุกประการ...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น