ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 665

สรุปบท บทที่ 665 หลิวหานเยียนนึกถึงลูกชาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น

สรุปตอน บทที่ 665 หลิวหานเยียนนึกถึงลูกชาย – จากเรื่อง ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น โดย พระจันทร์ขี้เมา

ตอน บทที่ 665 หลิวหานเยียนนึกถึงลูกชาย ของนิยายการเกิดใหม่เรื่องดัง ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น โดยนักเขียน พระจันทร์ขี้เมา เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ในรถม้า หลิวหานเยียนอยู่ๆก็หายใจลำบาก หัวใจเต้นเร็ว

ติ้งเป่ยโหวเห็นสีหน้าของนางไม่ปกติ จึงรีบกอดนางไว้ในอ้อมอก:"เยียนเอ๋อร์ เจ้าไม่สบายตรงไหนหรือ?"

"เมื่อครู่ ตอนที่ลงจากรถม้าแล้วมองเห็นจวนอ๋องจวิน ข้าก็รู้สึกไม่สบายอย่างมาก"หลิวหานเยียนจับมือของติ้งเป่ยโหวไไว้แน่น:"เกรงว่าข้าพูดออกมาเจ้าคงจะไม่เชื่อ ข้ารู้สึกอยู่ตลอดว่าลูกของพวกเราต้องอยู่ในจวนอ๋องแน่ๆ"

"เป็นไปได้เยี่ยงไร!"

"ใช่ เป็นความรู้สึกที่แปลกมาก ข้าก็คิดอยู่เหมือนกันว่าเรื่องนี้เพ้อเจ้อยิ่งนัก เมื่อข้าเผชิญหน้ากับท่านอ๋องอันจวิน มักจะนึกถึงลูกของพวกเราเสมอ"

"ฮูหยิน เจ้าคิดมากไปแล้ว ท่านอ๋องอันจวินมีลูกอยู่สามคน คนโตสุดก็คือจวิ้นอ๋องน้อย ปีนี้อายุสิบแปดปี แค่อายุก็ไม่ถูกแล้ว"ติ้งเป่ยโหวกอดหลิวหานเยียนไว้แน่นด้วยความเอ็นดู

หลิวหานเยียนจับเสื้อของเขาไว้แน่น แววตาผิดหวังเล็กน้อย:"ข้าอาจจะคิดมากไปจริงๆ"

"คราวหน้าไว้ให้อาเสวี่ยดูเผื่อเจ้า"

"ไม่จำเป็นแล้ว ตอนนี้ข้าดีขึ้นมากแล้ว พลังวิญญาณอยู่ๆก็หายไป ร่างกายยังไม่ค่อยชินก็เท่านั้น"

"เยียนเอ๋อร์ ลำบากเจ้าจริงๆ ข้านี่มัน......"ติ้งเป่ยโหวเกลียดตัวเองเข้าไส้ เขายกมือตบเข้าที่หน้าของตัวเองอย่างหนัก

หลิวหานเยียนกดมือของเขาไว้ด้วยความปวดใจแล้วพูดว่า:"ท่านโหว ไม่ต้องโทษตัวเอง ใครจะไปคิดว่าบนโลกใบนี้จะมีผู้ที่หน้าตาคล้ายกันเยี่ยงนี้ อีกทั้งตัวข้าถูกท่านแม่ส่งไปที่ชนบทตั้งแต่เด็ก ครั้งแรกที่มองเห็นหลิ่วอวี่เยียน ข้าก็รู้สึกว่าเมื่อทั้งสองคนยืนต่อหน้ากัน ก็เหมือนกับกำลังส่องกระจกอยู่ จึงเข้าใจได้ว่าท่านโหวจะมองผิดว่านางเป็นข้า"

"จากทุกครั้งที่นางต่อต้านไม่ให้ข้าเข้าไปหานางที่เรือน ตอนนั้นข้าก็ควรที่จะสงสัยตัวตนของนางแล้วแท้ๆ ไม่งั้นละก็ ลูกของพวกเรา...... "

"ท่านโหว ปล่อยมันไปเถอะ เรื่องนี้ทำให้พวกเราต่างทุกข์ทรมานกันมาก ลืมมันไปเสีย พวกเราตอนนี้ต่างก็เป็นสุข"หลิวหานเยียนยังอยู่ในอ้อมอกของเขา ไม่อยากนึกถึงเรื่องในอดีต

......

ทางด้านอ๋องเฉินก็มีความคืบหน้าเล็กน้อย เขาและอิงซาเดินเข้าสู่จวนติ้งเป่ยโหว

"พี่เจ็ด นี่เป็นรายชื่อที่พี่สั่งให้ข้าไปหามา ข้าแบ่งคนที่ดูดีหน่อยไปไว้ทางซ้ายของใบรายชื่อ คนที่ดูไม่ได้เลยแบ่งไว้ทางขวาของใบรายชื่อ ส่วนอีกเล่มได้จดคนที่หลังมีปานกำเนิดหรือแผลเป็นพิเศษอื่นๆ"หรงเฉินนำรายชื่อวางไว้ตรงหน้าหรงเยี่ย

หรงเยี่ยกวาดตามองผ่านๆก็ได้มองเห็นอิงซา

บนมือของอิงซาถือภาพวาดที่กองกันมาอย่างหนา ก่อนเขาจะจากไปได้นำภาพวาดที่แบ่งประเภทเรียบร้อยแล้ววางไว้หน้าหรงเยี่ยแล้วพูดว่า:"ท่านอ๋อง พระชายา นี่เป็นภาพวาดของคนที่หน้าตาคล้ายคลึงกับภาพวาดของท่านอ๋องที่ข้าน้อยหามาได้ และได้เขียนข้อมูลส่วนตัวของอีกฝ่ายไว้บนภาพวาด"

ไป๋ชิงหลิงยื่นมือรับภาพวาดฉบับหนึ่งจากมืออิงซา หันไปพูดกับหรงเยี่ยว่า:"เจ้าวาดภาพอะไรไปหรือ"

"พระชายา สิบภาพนี้เป็นภาพที่ท่านอ๋องวาดขอรับ"อิงซาหาภาพวาดที่หรงเยี่ยวาดออกมา

เมื่อไป๋ชิงหลิงเห็นภาพวาดเสมือนในภาพวาดฉบับแรก ไม่รู้ว่าควรร้องไห้หรือหัวเราะดี:"นี่เป็นรูปลักษณ์ของข้ามิใช่หรือ?"

รูปลักษณ์ของนาง แต่การแต่งกายเป็นชาย ดังนั้นคนในภาพวาดจึงดูหล่อเหลามีสง่า ให้ความรู้สึกเป็นคุณชายตระกูลใหญ่โตเอามากๆ

หรงเยี่ยยักคิ้ว พูดว่า:"ข้อมูลที่ฮูหยินให้มาน้อยเกินไป นางแค่บอกกับข้าว่าลูกของนางหายไป ยายเหวินเป็นคนเก็บไป ข้าเองก็ทำได้เพียงวาดภาพโดยอิงตามรูปลักษณ์ของท่านโหวกับฮูหยินบวกกับเจ้าและลูกทั้งสองออกมาได้สิบคน คนๆนี้ยังมีชีวิตอยู่ บางทีอาจจะเติบโตมาเหมือนกับหนึ่งในภาพวาดเหล่านี้ก็เป็นได้?"

ไป๋ชิงหลิงได้ยินเช่นนี้ก็ถึงกับตะลึง:"ใช่สิ ทำไมเจ้าฉลาดเยี่ยงนี้!"

นางขยับตัวเข้าไปชิด พิงเข้าที่ตัวของเขา ยิ้มอ่อนๆ

หรงเยี่ยจึงยื่นมือออก โอบกอดนางไว้ จูบแก้มของไป๋ชิงหลิงต่อหน้าหรงเฉินและคนอื่นๆที่อยู่ในเรือน......

แน่นอนว่าไป๋ชิงหลิงขัดขืน นางดันตัวออก พูดด้วยใบหน้าที่แดงเขินว่า:"หยุดเลย"

"แค่กๆ!"หรงเฉินหันไปทางอื่น ไอออกเสียงเบาๆ"

ทหารองครักษ์เหยี่ยวดำชินกับเรื่องแบบนี้ แม้แต่แม่นมซั่งก็เห็นเป็นเรื่องปกติไปแล้ว

ตอนนี้เองหรงจิ่งหลินหยิบภาพวาดขึ้นมาหนึ่งภาพแล้วพูดว่า:"ภาพนี้ก็คืออาจวิ้นอ๋องน้อยไม่ใช่หรือ!"

ครั้งแรกที่พบกับนาง นางคิดว่ารูปลักษณ์ของจวิ้นอ๋องน้อยช่างหล่อเหลาและสวยงาม ผิวพรรณขาวเป็นประกาย

จุดนี้ แม่ของนางหลิวหานเยียนก็เป็นเหมือนกัน

ครั้งแรกที่นางพบกับหลิวหานเยียน ก็รู้สึกว่าผิวพรรณของหลิวหานเยียนขาวดั่งหิมะ ถึงแม้จะผมขาวทั้งหัว แต่ก็ไม่ทำให้รูปลักษณ์ของนางดูแย่ลง กลับมีเสน่ห์มากขึ้น

เมื่อเทียบแบบนี้แล้ว ใจของไป๋ชิงหลิงก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมา

"ข้าจะไปจวนอ๋องจวิน"ไป๋ชิงหลิงพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน

หรงเยี่ยสีหน้าเปลี่ยนไปแล้วหันมามองนาง

เขาไม่ได้ห้ามนางทันทีเหมือนเมื่อก่อน เพราะเขารู้ดีว่านางไม่มีทางไปที่จวนของคนที่นางไม่ชอบโดยไม่มีสาเหตุ

"เจ้าอยากเข้าจวนตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตัวเจ้าเองหรือ?"หรงเยี่ยถาม

"เมื่อครู่เจ้าก็พูดแล้ว ขอแค่มีความเกี่ยวข้องเพียงเล็กน้อย ก็ต้องตรวจสอบให้ละเอียด พวกเราลองตั้งสมมติฐานดู......"

"เดิมทีพระชายาอันจวินก็ไม่ถูกใจกับท่านแม่ของข้าอยู่แล้ว ปีนั้นเอง หลังจากที่ยายเหวินอุ้มเด็กสองคนไป ไม่มีใครกล้ารับประกันว่าระหว่างทางที่นางไปจวนติ้งเป่ยโหวได้เจอกับเรื่องอะไรบ้าง ถ้าหากมีใครตั้งใจแย่งเด็กไปล่ะ?"

"และคนที่ตั้งใจทำเรื่องนี้ มีใจที่จะปกปิดวันเดือนปีเกิดของเด็กก็มีความเป็นไปได้อยู่ รูปลักษณ์ของน้องหยวน ถ้าเจ้าบอกว่าเขาอายุเพียงสิบห้าปี ก็คงมีคนเชื่อแน่นอน เขาไม่ได้ดูแก่เลย"

หรงเยี่ยขมวดคิ้วขึ้นมาทันที

เขาทราบดีว่าเรื่องนี้คงหยุดไป๋ชิงหลิงไม่ได้แล้ว

"เจ้าสามารถเข้าไปที่จวนอ๋องจวินได้ แต่ต้องให้ข้าไปด้วย"

"ได้เพคะ!"ไป๋ชิงหลิงตอบกลับอย่างรวดเร็ว จากนั้นนางก็หันหลังพูดกับอิงซาว่า:"รีบเก็บภาพวาดเร็วเข้า และยังไม่ต้องบอกเรื่องนี้ให้กับท่านโหวและฮูหยิน รอข้ากับท่านอ๋องสืบหาเรื่องนี้ให้ชัดเจนก่อนค่อยว่ากัน"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น