จัวซี่เหมยจากไปแล้ว ในตอนที่นางจากไป จิ้นฮวาและชิงจู๋ก็อยู่ด้านนอก การโต้แย้งระหว่างนางกับหลิวหานเยียนมันผ่านทางช่องของหน้าต่าง จึงไม่มีใครรู้ว่าจัวซี่เหมยและหลิวหานเยียนนั้นพูดคุยอะไรกัน
ส่วนทางด้านของไป๋ชิงหลิง นางได้รับหรงจิ่งหลินและไป๋ชงเซิงเป็นอันเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองแต่งตามงานเฉลิมฉลอง ในมือถือขนมที่ชื่นชอบ และเดินตามอยู่ด้านข้างของไป๋ชิงหลิง
แม่นมซั่งกล่าวออกมาว่า “องค์หญิงน้อยแต่งกายได้ดูร่าเริงยิ่งนัก หากฮูหยินโหวเห็นเข้าจะต้องชื่นชอบเป็นอย่างมาก ส่วนซื่อจื่อน้อยเองก็เช่นกัน นี่เป็นครั้งแรกเลยที่แม่นมได้เห็นซื่อจื่อน้อยสวมชุดสีแดง”
ใบหน้าของหรงจิ่งหลินกลายเป็นสีแดง ลูบไปที่เสื้อผ้าของตนเอง เบือนหน้าหนีพร้อมกับกล่าวว่า “เซิงเอ๋อร์เองก็ชอบมัน”
ไป๋ชิงหลิงได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะออกมาเบา ๆ วางมือลงบนศีรษะของหรงจิ่งหลิน จู่ ๆ ก็หยุดฝีเท้าของนาง นั่งยอง ๆ ลงตรงหน้าของหรงจิ่งหลิน มือทั้งสองข้างจับที่ข้อศอกของหรงจิ่งหลิน
“จิ่งหลิน ใช้เวลาอยู่กับเสด็จย่าให้มาก ๆ แล้วเซิงเอ๋อร์เองก็ด้วย วันนี้เจ้าต้องเป็นเด็กดี เสด็จย่าของพวกเจ้าชื่นชอบในตัวของพวกเจ้ามาก”
นางต้องการให้นี่เป็นงานแต่งที่น่าจดจำของหลิวหานเยียน
อยากให้นางมีความสุข อยากให้นาง......รอจนจื่ออีกลับมา
หรงจิ่งหลินเห็นแสงในแววตาของไป๋ชิงหลิง เขาถามออกมาด้วยความรู้สึกอันอ่อนไหว “เสด็จแม่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ บอกกับลูกได้หรือไม่ เสด็จแม่ได้โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว”
ในตอนที่ไป๋ชงเซิงได้ยินคำพูดของหรงจิ่งหลิน นางหันมามองไป๋ชิงหลิงโดยไม่รู้ตัว เวลานี้ดวงตาทั้งสองข้างของไป๋ชิงหลิงกลายเป็นสีแดง มีลักษณะบวมขึ้นเล็กน้อย ราวกับว่าเพิ่งจะร้องไห้ไปไม่นาน
นางขมวดคิ้วขึ้นมาทันใด เดินเข้ามาใกล้ไป๋ชิงหลิง มือเล็ก ๆ ของนางจับลงบนแขนของไป๋ชิงหลิงพร้อมกับกล่าวว่า “ท่านแม่ ท่านเป็นอะไรอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่เป็นไร บอกพวกเจ้าก็ไม่เป็นอะไร” ไป๋ชิงหลิงลูบบนใบหน้าของลูกทั้งสอง จากนั้นนางก็เล่าเรื่องราวของหลิวหานเยียนออกมาให้กับลูกของนางฟัง
หลังจากเด็กทั้งสองได้รับรู้เรื่องราว พวกเขาก็เงียบไปชั่วขณะ
ไป๋ชิงหลิงกอดเด็กทั้งสองไว้ในอ้อมแขน ลูบหลังของพวกเขาเบา ๆ พร้อมกับกล่าวออกมาว่า “ไม่ต้องร้อง แม้ว่ามันจะเศร้าเพียงใดก็ต้องยิ้มออกมา ทำให้นางเป็นเจ้าสาวที่มีความสุขมากที่สุด เข้าใจไหม?”
ใบหน้าเล็ก ๆ ของหรงจิ่งหลินซบอยู่บนไหล่ของนาง พยักหน้าเบา ๆ “หากไม่ใช่เพราะจิ่งหลิน เสด็จย่าก็คงไม่กลายเป็นเช่นนี้ เสด็จแม่ ลูกขอโทษ ท่านเพิ่งจะมีแม่ได้ไม่นาน แต่จิ่งหลินกลับทำให้ท่านต้องกลายเป็นคนไร้แม่อีกครั้ง”
ไป๋ชิงหลิงสำลักอยู่ในลำคอ ความเข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ ของหรงจิ่งหลินทำให้นางทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก
“จิ่งหลินเองก็เป็นคนที่แม่ไม่อาจเสียไปได้เช่นกัน ดังนั้นเจ้าจะต้องใช้ชีวิตอยู่ต่อไปให้ดี รอให้น้องชายหรือน้องสาวของเจ้าคลอดออกมา นี่ถึงจะเป็นสิ่งปลอบใจที่ดีที่สุดสำหรับเสด็จย่า” ไป๋ชิงหลิงกล่าวออกมา
หรงจิ่งหลินกล่าวออกมาว่า “เสด็จแม่ ข้าจะกินยาอย่างเชื่อฟัง และจะไม่วิ่งเล่นซุกซนจนทำให้เกิดอันตราย หรือเปิดโอกาสให้ใครมาทำร้ายข้า ข้าจะดูแลตัวเองเป็นอย่างดี จะไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นอีก เสด็จแม่ไม่ต้องเป็นห่วง”
หลังจากพูดประโยคนี้จบ หรงจิ่งหลินก็รู้สึกผิดเล็กน้อย
เนื่องจากไม่กี่วันก่อนหน้านี้นางยังตามเซิงเอ๋อร์แอบเข้าไปในจวนอ๋องจวิน
“ท่านแม่ ท่านวางใจ วันนี้ข้าจะต้องทำให้เสด็จย่าแต่งงานกับเสด็จปู่อย่างมีความสุข ทำให้นางชุ่มชื่นหัวใจเป็นแน่” ไป๋ชงเซิงพูดจบก็นำมือขึ้นมาลูบใบหน้าแม่ของนาง
การหยอกล้อเช่นนี้ทำให้ไป๋ชิงหลิงยิ้มออกมา และเหล่าลูกน้องที่อยู่รอบ ๆ เองก็ยิ้มออกมาด้วย
นางค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน จากนั้นกล่าวออกมาว่า “เล่าเรื่องราวของพวกเราในหุบเขาเซียนไหลให้เสด็จย่าของเจ้าฟังให้มาก ๆ”
นางหวังว่าเด็กสองคนนี้จะสามารถทำให้หลิวหานเยียนเห็นโอกาสในการมีชีวิต และหวังว่านางจะไม่ยอมแพ้หรือล้มเลิกในการที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
เวลานี้นางฝากความหวังทั้งหมดไว้กับจื่ออี
ขอแค่จื่ออีกลับมาโดยเร็ว เท่านั้นก็จะช่วยชีวิตแม่เอาไว้ได้
แต่ในตอนนี้เอง ซังจวี๋ก็เดินออกมาจากถนนอีกเส้นทางหนึ่ง
นางสวมชุดสีชมพูที่เปื้อนเลือด ใบหน้าของนางมีน้ำเลือดติดอยู่จำนวนมาก และพุ่งเข้ามาหาไป๋ชิงหลิงในสภาพเช่นนั้น
ไป๋ชิงหลิงตะลึงงัน ยืนแข็งทื่ออยู่ที่เดิม
แม่นมซั่งเห็นร่างกายที่เต็มไปด้วยเลือดของนางจึงตะโกนออกมาว่า “ซังจวี๋ เหตุใดร่างกายของเจ้าถึงได้เปื้อนเลือดเช่นนี้”
“พระชายาองค์รัชทายาท ฮูหยิน......ฮูหยิน......นาง......”
ซังจวี๋ชี้ไปทางห้องรับรองส่วนหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ฮูหยินนางอยู่ด้านหน้า นางกำลังฆ่าคน!”
ร่างกายของไป๋ชิงหลิงแข็งทื่อ ถอยหลังกลับไปสองสามก้าว แม่นมซั่งที่ยืนอยู่ด้านหลังก็เข้าไปพยุงในทันใด ตะโกนออกมาด้วยใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยความเป็นห่วง “พระชายาองค์รัชทายาท!”
ไป๋ชิงหลิงรู้สึกเวียนหัวอย่างรุนแรง นางยกมือขึ้นมาแตะหน้าผากของตนเองแล้วกล่าวว่า “เป็นไป......เป็นไปได้อย่างไร......ชิงจู๋ ชิงจู๋อยู่ที่ไหน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...