สรุปเนื้อหา บทที่ 732 พระชายาเสด็จไปเฟิงซาน – ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น โดย พระจันทร์ขี้เมา
บท บทที่ 732 พระชายาเสด็จไปเฟิงซาน ของ ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น ในหมวดนิยายการเกิดใหม่ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย พระจันทร์ขี้เมา อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
“เช่นนี้แล้วกัน ข้าจะส่งพวกเจ้ากลับไปที่จวนอ๋องก่อน” ไป๋ชิงหลิงกล่าวออกมา
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พระชายาก็ไม่จำเป็นต้องสนใจพวกข้า พระชายารีบกลับไปเถิด พวกข้าสามารถกลับไปที่จวนอ๋องด้วยตัวเองได้” อวิ๋นเซียงเข้าใจเรื่องราวเป็นอย่างดี เมื่อรู้ว่าขอร้องอย่างไรไป๋ชิงหลิงก็ไม่มีทางยอมปล่อย เช่นนั้นนางจึงไม่ขอ
“พระชายา ขึ้นรถมาก่อนเถิดขอรับ” อิงเหลียนกล่าวออกมา
“ตกลง พวกเจ้าจะต้องกลับไปที่จวนอ๋อง” ไป๋ชิงหลิงเน้นย้ำออกมาอีกครั้ง
อวิ๋นเซียงพยักหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไร
อวิ๋นเยว่กล่าวคำอำลากันทั้งน้ำตา จ้องมองรถม้าของไป๋ชิงหลิงที่กำลังแล่นหายเข้าไปในฝูงชน ผ่านไปพักใหญ่ถึงได้สติกลับคืนมา
“เหตุใดเจ้าจึงยอมแพ้ พระชายาใจอ่อนจะตาย หากขอร้องนางอีกเสียหน่อย นางจะต้องเห็นด้วยเป็นแน่” อวิ๋นเยว่กล่าวออกมา
อวิ๋นเซียงมองหน้านาง “เจ้ากับข้าต่างไม่เป็นวรยุทธ์ และในตอนที่เกิดอันตรายขึ้นมา เจ้ากับข้าก็ไม่อาจปกป้องพระชายาได้ และในตอนที่เกิดอันตราย ทหารองครักษ์เหยี่ยวดำก็ต้องแยกตัวออกมาเพื่อปกป้องพวกเรา พวกเราจึงเป็นได้เพียงแค่ตัวถ่วงของพระชายาเท่านั้น ไม่สู้พวกเรารีบกลับไปหาองค์รัชทายาท กราบทูลองค์รัชทายาทถึงเรื่องที่พระชายากำลังเสด็จไปยังเฟิงซาน”
“แต่พวกเขาไม่อาจเข้าไปในพระราชวังได้ เช่นนั้นจะกราบทูลท่านองค์รัชทายาทได้อย่างไร” อวิ๋นเยว่ถามออกมา
อวิ๋นเซียงหันกลับไปมององครักษ์จินอูสองสามคนที่ยืนอยู่หน้าประตูพระราชวัง
จินจื่อเสวียนจับตามองมาที่พวกนางโดยตลอด
มีรอยยิ้มอันเย้ายวนปรากฏออกมาจากดวงตาของเขา “พวกเจ้าอยากเข้าเฝ้าท่านองค์รัชทายาทอย่างนั้นหรือ?”
อวิ๋นเซียงไม่ได้สนใจเขา
จินจื่อเสวียนชำเลืองมองลูกน้องที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นเอนตัวเขาไปหาเขาและกระซิบออกมาข้างหู
หลังจากที่คนผู้นั้นได้ฟังคำพูดของจินจื่อเสวียน สายตาที่มองมายังอวิ๋นเซียงและอวิ๋นเยว่ก็เปลี่ยนไป มันแฝงไว้ด้วยความก้าวร้าวเล็กน้อย
......
ท้องฟ้าค่อย ๆ มืดลง
สายลมโบกพัด ฝนพรำลงมา ไม่มีวี่แววว่าจะหยุดลง
หรงเยี่ยเงยหน้ามองแสงจันทร์ยามค่ำคืนผ่านช่องหน้าต่าง ภาระงานต่าง ๆ ที่วางกองอยู่บนโต๊ะซึ่งอยู่ด้านหน้าของเขา ดูเหมือนมันจะไม่มีวันจบสิ้น
ภัยพิบัติจากหิมะทำให้ราษฎรชาวชิงโจวต้องทนทุกข์จากความหิวโหยและความหนาวเย็น ราชวงศ์ก่อนเป็นทุกข์กับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ในฐานะที่เขาเป็นองค์รัชทายาท เขาจำเป็นต้องอยู่หารือกับเหล่าขุนนางในเรื่องการแก้ปัญหาของภัยพิบัติเหล่านี้
แต่เขาก็เข้าใจดีว่าเสด็จพ่อของเขาต้องการขังเขาไว้ในพระราชวัง
หลานวานเออร์เดินถือแกงร้อนเข้ามาในพระราชวัง นางยิ้มพร้อมกับทำความเคารพต่อหรงเยี่ย “วานเออร์คารวะท่านองค์รัชทายาท”
หรงเยี่ยไม่ได้ตอบรับแต่อย่างใด แม้ตัวเขาจะอยู่ที่นี่ แต่หัวใจของเขาได้โบยบินออกไปตั้งนานแล้ว
หลานวานเออร์เข้าใจว่าหรงเยี่ยคิดอย่างไร นางจึงกล่าวออกมาอีกครั้ง “ท่านพี่องค์รัชทายาท”
หลังจากนางเรียกติดต่อกันอยู่หลายครั้ง หรงเยี่ยถึงจะได้สติกลับคืนมา
เขามองมาที่นางด้วยสายตาอันเฉียบคม ขมวดคิ้วและพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ “เหตุใดจึงยังไม่กลับไปตระกูลหลาน”
หลานวานเออร์ถือแกงร้อนที่ทำด้วยตัวเองก้าวออกไปด้านหน้า
“หยุดเดี๋ยวนี้” หรงเยี่ยตะคอกออกมา
เสียงดังกล่าวทำให้หลานวานเออร์ตกใจ ทำให้การเคลื่อนไหวของนางหยุดลงทันที “องค์รัชทายาท วานเออร์จะกลับตระกูลหลานในคืนนี้”
“เอามันไปให้เขา” สายตาของเขาจ้องมองไปที่อิงซา
อิงซาเดินเข้ามา ยื่นมือมารับอาหารจากมือของหลานวานเออร์ จากนั้นก็กลับไปยังที่ที่ตนเองยืนอยู่ในตอนแรก
หลานวานเออร์เห็นว่าเขาไม่มีวี่แววว่าจะกินอาหารของนาง นางจึงพูดออกมาด้วยความเสียใจ “ท่านพี่องค์รัชทายาท ก่อนหน้านี้ท่านไม่เคยปฏิบัติเช่นนี้กับข้า ท่านเช่นทำเช่นนี้กับข้า......”
“ก่อนหน้านี้เจ้าคือคุณหนูรองแห่งตระกูลหลาน แต่เวลานี้เจ้าเป็นใคร?” หรงเยี่ยวางสาส์นในมือของเขาลง เอนกายพิงไปด้านหลัง สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น มันเยือกเย็นเสียยิ่งกว่าหิมะที่ตกอยู่ด้านนอก “สิ่งที่ตระกูลหลานของพวกเจ้าต้องการ เป็นสิ่งที่จักรพรรดิมอบให้ ไม่ใช่สิ่งที่ข้าเป็นคนมอบให้”
“วานเออร์จะเป็นภรรยาที่ดีขององค์รัชทายาท จะไม่ทำให้จักรพรรดิผิดหวังเป็นแน่ และจะไม่ทำให้ท่านองค์รัชทายาทต้องมาลำบากใจเพราะข้า”
“ข้ามีภรรยาอยู่แล้ว”
ใบหน้าของหลานวานเออร์แข็งทื่อ พูดติดอ่างออกมา “แต่......นี่คือพระราชกฤษฎีกาของจักรพรรดิ......”
“เจ้าสามารถเป็นพระชายาองค์รัชทายาทได้ แต่หากไม่ได้รับบางสิ่งบางอย่างจากข้า เจ้าก็เป็นได้เพียงแค่พระชายาองค์รัชทายาทธรรมดาเท่านั้น” ของตกแต่ง!
นางเข้าใจดี นอกจากพระชายาองค์รัชทายาท สิ่งอื่นนางก็อย่าไปหวัง
แต่นางไม่ได้ต้องการที่จะเป็นแค่พระชายาองค์รัชทายาทเท่านั้น นางยังต้องการเป็นผู้หญิงของเขาด้วย......
หัวใจของหลานวานเออร์พังทลายลงในทันที
“พี่ชาย ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ เพียงแต่ในตอนที่ข้าเดินเข้ามา ลมพัดค่อนข้างแรง พัดหิมะเข้าตาของเข้า” หลานวานเออร์กล่าวออกมาด้วยเสียงสะอื้น
หรงเยี่ยกล่าวออกมาอย่างเย็นชา “คุณหนูรองหลานกำลังเสียงใจอยู่หรือเปล่าถึงได้แสดงท่าทีเช่นนี้ให้กับเสด็จพ่อของข้าได้เห็น”
ใบหน้าของหลานวานเออร์ซีดลงในทันทีเมื่อความจริงในใจถูกเปิดเผย
จักรพรรดิเหยาโกรธเป็นอย่างมาก “องค์รัชทายาท เจ้าพูดเช่นนี้กับคุณหนูรองหลานได้อย่างไร นางคือคนที่จะมาเป็นพระชายาองค์รัชทายาทของเจ้าในอนาคต”
“ตามใจเสด็จพ่อ”
ใบหน้าของจักรพรรดิเหยากลายเป็นสีดำ “สุดท้ายแล้วเป็นเจตจำนงของข้า หรือความดื้อรั้นของผู้หญิงคนนั้นกันแน่ ด้วยภูมิหลังทางครอบครัวขอนาง นางจะโน้มน้าวใจราษฎรได้อย่างไร หากเจ้าบอกว่านางเป็นคนที่ให้กำเนิดลูกทั้งสองคนของเจ้า เมื่อคุณหนูรองหลานเข้ามา นางก็สามารถให้กำเนิดลูกให้เจ้าได้เช่นกัน”
“เสด็จพ่อกล่าวผิดแล้ว” สายตาของหรงเยี่ยเต็มไปด้วยความเยือกเย็น “ไม่ว่าจะมีผู้หญิงอยู่ในตำหนักตงมากมายเพียงใด แต่คนที่สามารถให้กำเนิดลูกให้กับข้าได้ก็มีเพียงแค่พระชายาหรงเท่านั้น”
“เจ้าคนเนรคุณ......” จักรพรรดิเหยาโกรธจนยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าเขา
หรงเยี่ยไม่สนใจ หันกลับไปมองที่หลานวานเออร์ “เสด็จพ่อมาได้ประจวบเหมาะพอดี ลูกมีเรื่องสำคัญที่อยากคุยกับท่าน เมื่อครู่คุณหนูรองหลานแนะนำให้พระชายาหรงขึ้นเป็นพระชายาองค์รัชทายาท ส่วนคุณหนูรองหลายยินดีที่จะเป็นพระชายารอง”
ใบหน้าของหลานวานเออร์ดูไม่ได้ในทันที ไม่มีรอยเลือดบนแก้มของนาง
นางไม่ได้เต็มใจที่จะเป็นพระยารองเสียหน่อ
“ผู้รับใช้ในพระราชวังของข้าต่างเป็นพยานได้ว่าเมื่อสักครู่คุณหนูรองหลานได้พูดว่าตนเองเต็มใจที่จะเป็นพระชายารอง และให้พระชายาหรงขึ้นเป็นพระชายาองค์รัชทายาทหรือไม่” หรงเยี่ยหันกลับไปถามขันทีที่อยู่ด้านหลังของเขาอีกครั้ง
เหล่าขุนนางรีบตอบกลับมาอย่างสั่นเทา “พ่ะย่ะค่ะ!”
เมื่อพวกเขาพูดจบ อิงซาก็กล่าวเสริมออกมา “พ่ะย่ะค่ะ!”
จักรพรรดิเหยากัดฟันแน่น แต่ไม่ว่าอย่างไรหรงเยี่ยก็เป็นลูกชายของเขา คำพูดนี้ก็ไม่ใช่คำพูดที่เขาพูดออกมาด้วยตัวเอง แต่เป็นสิ่งที่ออกมาจากปากของหลานวานเออร์ ดังนั้นเขาจึงต้องถามหลานวานเออร์เกี่ยวกับเรื่องนี้เสียก่อน
“คุณหนูรองหลาน เจ้าพูดนี้อย่างนั้นหรือ?”
หลานวานเออร์ก้าวมาด้านหน้า โน้มตัวพร้อมกล่าวว่า “กราบทูลฝ่าบาท ข้าพูดเช่นนั้นออกไปจริงๆ”
“เจ้าไม่อยากเป็นพระชายาองค์รัชทายาท?”
หลานวานเออร์เงยหน้าขึ้น ดวงตาของนางเปล่งประกายด้วยน้ำตา “พระชายาหรงกล่าวว่านางเองก็เป็นภรรยาขององค์รัชทายาท และก็เป็นผู้ที่มาก่อน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...