ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 747

หมอหลวงต้านเดินมาอย่างรีบเร่งพร้อมกับถือกล่องยามาด้วย ทันทีที่เห็นเลือดไหลดั่งสายน้ำบนผ้าพันแผลของหรงเยี่ยนั้น หมอหลวงต้านก็ถึงกับขมวดคิ้ว

เขาวางกล่องยาลง แล้วก็หยิบกรรไกรออกมา จากนั้นก็ตัดผ้าและแผ่นไม้ที่พันรอบขาของหรงเยี่ยออก

เลือดไหลออกมาจากปากของแผล บนบาดแผลนั้นยังมียาสมานแผลทาไว้อยู่ ทำให้แผลของหรงเยี่ยแลดูน่ากลัวมาก

เมื่อจิ่งหลินได้เห็นภาพนี้ ทำให้ใจเกิดอึดอัดขึ้นมา เบ้าตาค่อยๆเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา " ทำไมต้องปล่อยให้หมอหลวงจ้าวและหมอหลวงฮั่วคุกเข่าอยู่ข้างนอกด้วย"

หลานวานเออร์สบตาเขาแวบหนึ่งจากนั้นก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดน้ำตาที่เกาะอยู่ปรายตา เอ่ยตอบ " พวกเขาไม่เพียงแต่รักษาเสด็จพ่อเจ้าไม่ได้เท่านั้น แต่ยังทำให้เสด็จพ่อเจ้าบาดเจ็บสาหัสมากกว่าเดิม เจ้าเห็นบาดแผลบนขาของเสด็จพ่อเจ้าหรือไม่ นั่นคือแผลที่หมอหลวงจ้าวใช้มีผ่าเพิ่ม"

" ให้หมอหลวงจ้าวและหมอหลวงฮั่วเข้ามาเดี๋ยวนี้" จิ่งหลินทำหน้าเคร่งขรึม

คนข้างกายนั้นต่างไม่เชื่อใจหมอหลวงจ้าวและหมอหลวงฮั่ว แต่จิ่งหลินเชื่อใจพวกเขา

แต่หลานวานเออร์กลับไม่ได้จริงจังกับคำพูดของเขา " อาหลิน เสด็จพ่อเจ้าบาดเจ็บขนาดนี้แล้ว ข้ามิอาจมอบไว้ในมือของหมอหลวงจ้าวและหมอหลวงฮั่วอีกแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น ข้ายังจะขอให้เสด็จปู่เจ้าเอาโทษพวกเขาสองคนด้วย"

"นี่เจ้า..." หรงจิ่งหลินจ้องมองหน้านางอย่างเหลือเชื่อ " ท่านแม่ใหญ่ไม่รู้ดอกหรือว่า หมอหลวงฮั่วนั้นเป็นใคร"

หลานวานเออร์งงไปแวบหนึ่ง พยักหน้าเอ่ย " ก็เป็นหมอที่อาวุโสที่สุดในสำนักหมอหลวงไม่ใช่หรือ"

" ในเมื่อเป็นหมอหลวงที่อาวุโสที่สุดก็แสดงว่ามีประสบการณ์มากพอที่จะรักษาขาของเสด็จพ่อ ดูท่าแล้วขาของเสด็จพ่ออาการหนักมาก จะชักช้าไม่ได้อีกแล้ว หมอหลวงจ้าวและหมอหลวงฮั่วนั้นเคยเรียนวิชาการรักษาที่ทันสมัยกับนางสนมไป๋ด้วย พวกเขาจัดการกับบาดแผลประเภทนี้ได้ถนัดที่สุด" หรงจิ่งหลินพูดอย่างเคร่งขรึม

หลานวานเออร์ขมวดคิ้วที่หนึ่ง เอ่ย " อาหลิน พวกเราไม่ต้องโต้เถียงกันแล้ว ตอนนี้หมอหลวงต้านก็รักษาได้ดีแล้ว ให้หมอหลวงต้านรักษาต่อไปเถิด ถ้าหากพรุ่งนี้ยังไม่ดีขึ้นค่อยเปลี่ยนวิธีการรักษา เจ้าอยู่เป็นเพื่อนเสด็จพ่อเจ้านะ ข้าจะไปเรียกคนให้เตรียมอาหาร"

เมื่อพูดจบ หลานวานเออร์ก็ไม่ให้หรงจิ่งหลินได้ปริปากพูด นางลุกขึ้นแล้วก็ส่งสายตาไปยังแม่นมฉินแวบหนึ่ง

เมื่ออาหารมาถึง หลานวานเออร์ก็ยกน้ำแกงมาชามหนึ่ง มาตรงหน้าหรงจิ่งหลิน เอ่ย " มา ให้เสด็จแม่ป้อนให้เจ้า"

" ไม่ต้อง ข้ากินเอง" หรงจิ่งหลินกวาดสายตามองถ้วยบนมือนางแวบหนึ่ง แต่เขาก็ไม่กิน

"ไม่ชอบหรือ ถ้าอย่างงั้นให้แม่นมฉินทำมาใหม่อีกชุด" หลานวานเออร์เห็นว่าเขาไม่รับไปดื่ม จึงส่งน้ำแกงกลับไปให้แม่นมฉิน

หรงจิ่งหลินขมวดคิ้ว หันกลับไปมองแม่นมฉินแวบหนึ่ง เอ่ย " ไม่ต้องทำใหม่หรอก เอามานี่"

แม่นมฉิน เอ่ย " เอ้" แล้วก็ยื่นน้ำแกงกลับไปให้หรงจิ่งหลิน

หรงจิ่งหลินช้อนก็ไม่ใช้ กินมันเข้าไปในเฮือกเดียว

แม่นมฉินรับถ้วยมา แล้วก็เหลือบไปมองหลานวานเออร์แวบหนึ่ง จากนั้นก็ออกจากห้องไป

ผ่านไปไม่นาน หรงจิ่งหลินก็ซบตัวหลับไปข้างกายหรงเยี่ย

หลานวานเออร์อุ้มหรงจิ่งหลินมาไว้ในอ้อมกอด จากนั้นก็กวาดตาผ่านระหว่างคิ้วของเขา

หน้าตาของเด็กนั้นคล้ายกับหรงเยี่ยมาก โดยเฉพาะเวลาที่หลับสนิท เขาเหมือนกับเป็นร่างย่อส่วนของหรงเยี่ย ทำให้หลานวานเออร์ลือว่าเป็นเด็กที่คลอดจากไป๋ชิงหลิงไปชั่วขณะหนึ่ง

นางอุ้มหรงจิ่งหลินไปอีกห้องหนึ่ง จากนั้นก็วางเขานอนลงไป พร้อมกับห่มผ้าห่มให้เขาด้วย เอ่ย " เจ้านอนหลับที่นี่ดีๆ นะ ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าไปเรียกแม่เจ้ามาเด็ดขาด พ่อเจ้าอยู่กับแม่เจ้ามานานขนาดนั้นแล้ว ถึงคราวข้าบ้าง เจ้าวางใจเถิด ต่อให้ต่อไปแม่เจ้าจะไม่อยู่ข้างกายเจ้า ข้าก็จะปฏิบัติต่อเจ้าดั่งลูกในไส้"

นางวางมือลงไปบนระหว่างคิ้วหรงจิ่งหลินแล้วก็วาดไปมาแวบหนึ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น