ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 759

สรุปบท บทที่ 759 เหตุใดหลานเฉินเฟิงถึงทำเรื่องโ่ง่เขลาเช่นนี้: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น

บทที่ 759 เหตุใดหลานเฉินเฟิงถึงทำเรื่องโ่ง่เขลาเช่นนี้ – ตอนที่ต้องอ่านของ ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น

ตอนนี้ของ ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น โดย พระจันทร์ขี้เมา ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายการเกิดใหม่ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 759 เหตุใดหลานเฉินเฟิงถึงทำเรื่องโ่ง่เขลาเช่นนี้ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

"เจ้ารู้หรือไม่ว่าการตั้งครรภ์ครั้งนี้ของพี่สะใภ้เจ็ดนั้นอันตรายแค่ไหน หมอซูได้กำชับพี่เจ็ดอย่างเคร่งครัดว่าต้องดูแลพี่สะใภ้เจ็ดให้ดี"

"นางจะล้มไม่ได้ ตกใจไม่ได้ และห้ามเหนื่อยเกินไป และในระหว่างการตั้งครรภ์นางต้องป่วยให้น้อยที่สุด การกระทำเล็กๆน้อยๆก็อาจจะส่งผลถึงชีวิตนางได้ แต่เจ้ากล้าดียังไง......เอาของพรรณนั้นมาทำให้พี่สะใภ้เจ็ดตกใจ!"

หลังจากพูดจบหรงเชินก็หยิบหอกออกจากมือหลานเฉินเฟิงแล้วหักหอกนั้นออกเป็นสองท่อนต่อหน้าฝูงชน

กล้ามเนื้อใบหน้าของหลานเฉินเฟิงกระตุกเล็กน้อย และเขารู้ว่าคราวนี้เขาตกอยู่ในมือของไป๋ชิงหลิงแล้ว

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับการตั้งครรภ์ของไป๋ชิงหลิง ยังไงเขาก็ยังคงต้องรับโทษจากการทำร้ายองค์รัชทายาทอยู่ดี และเขาจะต้องคิดหาวิธีสารภาพผิดต่อจักรพรรดิ

เมื่อพูดถึงความโหดเหี้ยม คงไม่มีใครโหดไปกว่าเขา เขาเริ่มจากที่ไม่มีอะไรเลย ตอนนี้คงต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกรอบ

"เอาตัวเขามาแล้วตามข้าไปที่วัง"หรงเชินสั่ง

องครักษ์ที่อยู่ด้านหลังได้แต่มองไปที่หลานเฉินเฟิงแต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าไปมัดเขา

เมื่อหรงเชินเห็นสิ่งนี้ เขาก็หัวเราะเย้ยหยันทันทีและพูดว่า"ดี ดูเหมือนว่าคำพูดของข้าจะใช้ไม่ได้ผลกับพวกเจ้าสินะ หรือคงต้องเป็นคำสั่งจากจักรพรรดิ พวกเจ้าถึงจะมัดแม่ทัพของพวกเจ้าได้"

"ท่านอ๋องเฉิน!"สีหน้าของหลานเฉินเฟิงเปลี่ยนไป เขาคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นและตอบด้วยสีหน้าเศร้าหมอง"องครักษ์รอบๆตัวกระหม่อมต่างก็ภักดีต่อจักรพรรดิ พวกเขาปฏิบัติตามคำสั่งของจักรพรรดิเสมอ เร็ว พวกเจ้ารีบมามัดข้าไว้สิ"

เขาไขว้มือไว้ด้านหลัง กำหมัดแน่น และรอให้องครักษ์ผูกเชือกรอบตัวเขา

ครั้งนี้ องครักษ์ตระกูลหลานไม่ลังเลอีกต่อไป พวกเขารีบเข้าไปมัดตัวของหลานเฉินเฟิงไว้

หลังจากนั้นหลานเฉินเฟิงก็เหลือบมองไปที่องครักษ์ตระกูลหลานแล้วพูดว่า"พวกเจ้าก็มัดตัวเองไว้ด้วยแล้วตามท่านอ๋องเฉินเข้าวังด้วยกัน"

"ขอรับ!"องครักษ์ตระกูลหลานแก้เชือกบนตัวของเขาแล้วเอามามัดมือของเขาไว้

หรงเฉินเหลือบมองอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า"ข้าจะเข้าวังไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท ส่วนพวกเจ้าอยู่นี่รอแม่ทัพเสิ่น"

"ขอรับ!"

ตำหนักเฉียนชิง ขุนนางหลายคนกำลังหารือเรื่องกิจการทหารกับจักรพรรดิ จู่ๆแคว้นเฉินก็ก่อสงครามเพื่อแย่งชิงเมืองชี

มีการโจมตีอย่างดุเดือดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ และกองทัพที่เฝ้าเมืองชีอยู่ก็ใกล้จะคุ้มกันไม่ไหวแล้ว หากไม่สามารถป้องกันได้เมืองชีก็จะพ่ายแพ้ในไม่ช้า

เมืองชีเป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ และจักรพรรดิเหยาก็คงไม่ต้องการที่จะสูญเสียดินแดนที่เขายึดครองมาได้

แต่ในขณะนี้ว่านฝู๋ก็เดินเข้ามา

จักรพรรดิเหยาเหลือบมองเขา"มีอะไร?"

ว่านฝู๋ตอบกลับ"ฝ่าบาท นางสนมไป๋เกิดเรื่องแล้ว"

จักรพรรดิเหยาขมวดคิ้ว"ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับนางสนมไป๋ เจ้าก็ควรไปบอกฮองเฮา ข้าจะมีเวลาจัดการกับเรื่องของผู้หญิงได้อย่างไร เจ้าไม่เห็นหรือว่าข้ากำลังยุ่งอยู่"

ไม่กี่เดือนที่ผ่านมาองค์รัชทายาทได้ดูแลเรื่องสำคัญต่างๆ จักรพรรดิเหยาก็มัวแต่อยู่กับนางใน ตอนนี้องค์รัชทายาทพักอยู่ฝ่าบาทเลยต้องรับราชการอีกครั้ง แต่เขารู้สึกไม่มีเรี่ยวแรงและรู้สึกปวดหัวเมื่อต้องที่ต้องจัดการเรื่องราการอีกครั้ง

ว่านฝู๋ตอบกลับด้วยความสั่นเทา"ขอรับ ฮองเฮาเหนียงเหนียงทราบเรื่องของนางสนมไป๋แล้วขอรับ ฮองเฮาเหนียงเหนียงกำลังเดินทางไปตำหนักตงขอรับ เรื่องครั้งนี้เกี่ยวข้องกับแม่ทัพหลาน ท่านอ๋องเฉินกำลังพาตัวแม่ทัพหลานมารออยู่นอกตำหนักแล้วขอรับ"

"แม่ทัพหลานหรือ?"เปลือกตาของจักรพรรดิเหยากระตุกอย่างรุนแรง และเขาก็ผลักสมุดพับที่อยู่ตรงหน้าออกอย่ารุนแรงแล้วพูดว่า"เกิดเรื่องอะไรขึ้น แม่ทัพหลานจะเกี่ยวข้องกับนางสนมไป๋ได้อย่างไร!"

ว่านฝู๋ตอบกลับ"ท่านอ๋องเฉินบอกว่าแม่ทัพหลานชี้หอกไปที่ท้องของนางสนมไป๋ นางสนมไป๋คิดว่าแม่ทัพหลานจะฆ่าลูกของนาง นางเลยตกใจจนตกเลือด และการตกเลือดคือสัญญาณของการแท้งบุตร"

"อะไรนะ?"จักรพรรดิเหยาเริ่มไม่สบายใจ"หมอหลวงล่ะ เรียกหมอหลวงไปดูเร็ว ช่างเถอะเดี๋ยวข้าไปดูเอง ให้หลานเฉินเฟิงคุกเข่ารออยู่ข้างนอกก่อน!"

เขาจะได้ถือโอกาสไปหาองค์รัชทายาทด้วย จะได้พูดคุยกับองค์รัชทายาทเกี่ยวกับยุทธการที่เมืองชีและมอบภาระอันยิ่งใหญ่นี้ให้กับองค์รัชทายาท

หลังจากพูดจบจักรพรรดิเหยาก็เดินออกจากตำหนักเฉียนชิง

"หมอหลวงบอกว่าเลือดหยุดไหลแล้ว แต่นางสนมไป๋มีอารมณ์หดหู่มาก นางไม่ค่อยเต็มใจที่จะให้ความร่วมมือกับหมอหลวง ยาก็ถูกนางทำหกหมด พูดแต่ว่ามีคนพยายามจะทำร้ายนางกับลูก ถ้านางปกป้องลูกและตนเองไม่ได้ ก็ปล่อยไปตามยถากรรมแล้วกัน"

"ไร้สาระ!"จักรพรรดิเหยาตะโกนทันที

ฮองเฮาเต๋อตกใจกับเสียงตะโกนของเขาจนร่างกายของนางสั่นเล็กน้อย

นางเงยหน้าขึ้นมองเขา จากนั้นหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา เช็ดน้ำตาของนางเบาๆ แล้วพูดว่า"ฝ่าบาท จวนติ้งเป่ยโหวนั้นพังทลายลงในพริบตา คนที่ช่วยเหลือสนับสนุนนางสนมไป๋ก็หมดไป บวกกับเรื่องที่จิ่งหลินกับองค์รัชทายาทเกิดเรื่องอีก แถมนางจะต้องอดหลับอดนอนนั่งคิดค้นยาเพื่อช่วยชีวิตคนตระกูลกู้อีก ต่อให้ร่างกายจะแข็งแรงแค่ไหนก็ไม่ไหวอยู่ดี และยิ่งไปกว่านั้น สุขภาพของนางก็ไม่ดีมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วและเด็กในท้องของนางก็กำลังทำให้ความเชื่อความศรัทธาในตัวนางหายไป"

นางเป็นผู้หญิง นางจึงรู้ดีว่าสิ่งที่จะทำให้ผู้หญิงพังทลายลงอย่างง่ายดายนั้นไม่ใช่ผู้ชาย

แต่เป็นก้อนเนื้อที่ออกมาจากตัวเราเอง

เมื่อเห็นไป๋ชิงหลิงเศร้าและสิ้นหวังเช่นนั้น ฮองเฮาเต๋อก็รู้สึกเศร้าไปด้วยเช่นกัน

จักรพรรดิเหยาขมวดคิ้วและนิ่งเงียบ

ฮองเฮาเต๋อพูดอีกว่า"หม่อมฉันไม่กล้าขออะไรจากจักรพรรดิ แต่แค่เพียงครั้งนี้ เมื่อคืนอาหลินไม่ตื่น หมอซูสรุปว่าถ้าเมื่อคืนไม่ฟื้น เกรงว่า.....คงยากที่จะกลับมาฟื้นแล้ว หม่อมฉันคิดว่าให้อาหลินมาอยู่เคียงข้างแม่ของเขาดีกว่า บางทีอาจจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น ยังไงจิตของแม่ลูกก็คงเชื่อมกัน"

จักรพรรดิเหยาสูดหายใจเข้าลึกๆ และเมื่อเขากำลังจะพูด หรงเยี่ยก็นั่งรถเข็นมาจากข้างนอก

คนที่เข็นรถเข็นให้เขาคืออิงซา

ขุนนางทุกคนมองไปที่หรงเยี่ยทีละคน แล้วก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อคำนับ

หรงเยี่ยพูด"ไม่เป็นไร!"

จักรพรรดิเหยาหันกลับมาแล้วเดินไปหาหรงเยี่ย ดวงตาของเขาหุบลง และเขาก็ยกมือขึ้นแล้วชี้"ขาของเจ้า......"

"อาการบวมจากน้ำเหลืองและการรักษาที่ล่าช้า ขาของข้า.....ไม่มีทางหายแล้ว!"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น