สรุปเนื้อหา บทที่ 808 นางเป็นนางสนมขององค์รัชทายาท – ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น โดย พระจันทร์ขี้เมา
บท บทที่ 808 นางเป็นนางสนมขององค์รัชทายาท ของ ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น ในหมวดนิยายการเกิดใหม่ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย พระจันทร์ขี้เมา อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ไป๋ชิงหลิงก้มศีรษะลง และมองดูท้องของตัวเอง นางเพิ่งจะสามเดือน แต่ท้องของนางกลับเห็นชัดเจนแล้ว
นางนึกภาพไม่ออกว่าท้องของนางจะเป็นอย่างไร ในช่วงไตรมาสที่สามของการตั้งครรภ์
“ตอนนี้มีหลายตาในวังกำลังจ้องมองไปที่ครรภ์ของเจ้า ข้าอยากให้เจ้าดูแลตัวเองให้ดี”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ดวงตาของไป๋ชิงหลิงก็มืดลง นางคิดถึงชีวิตของนางในหุบเขาเซียนไหล ที่ซึ่งไม่มีการสมรู้ร่วมคิดชั่วร้ายอะไร
ยิ่งคิด ก็ยิ่งอยากหนี
แต่นางก็รู้ว่า นางหนีไม่พ้น นางเป็นนางสนมขององค์รัชทายาท
นางยังเป็นแม่ของลูกทั้งสองคน และยังมีทารกในครรภ์ที่ยังไม่คลอดอีก
นางไม่มีทางหนีรอดได้อีกเลย นับตั้งแต่วินาทีที่นางก้าวเข้าไปในวัง
เมื่อหรงเยี่ยเห็นนางเงียบ ก็ยื่นมือออกมาเชยคางขึ้น มองเข้าไปในดวงตาที่เจ็บปวดของนางแล้วพูดว่า “เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?”
นางเองก็มองเขาเช่นกัน แล้วส่ายหัว
เขาพูดว่า “อย่าเก็บมันไว้ในใจ หากเจ้ามีอะไรจะพูดกับข้า ไม่อย่างนั้นข้าจะรู้สึกว่าเราสองคนเริ่มห่างกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ”
ทันใดนั้นใจของนางก็เต้นแรงขึ้นด้วยความเจ็บปวด
จริง ๆ แล้วในช่วงนี้ ในพระราชวังมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นมากเกินไปแล้ว
และระหว่างนางกับหรงเยี่ย เพราะเรื่องของหยางไค จึงมีช่องว่างระหว่างกันเล็กน้อย
แม้ว่าทั้งสองคนไม่อยากพังหน้าต่างนั้นอีก แต่พวกเขาก็……รู้สึกอยู่เสมอว่ายังมีช่องว่างอยู่
เมื่อเห็นทั้งสองกำลังคุยกัน เสี่ยวเก๋อและถอยกลับไปอย่างเงียบ ๆ แม้แต่คนรับใช้ในวังก็ถอยกลับไปโดยสมัครใจเช่นกัน
จู่ ๆ ไป๋ชิงหลิงก็เอื้อมมือไปกอดเอวของเขา โน้มหน้าของนางไปที่อ้อมแขนของเขาอีกครั้งหลับตาแล้วพูดว่า “ข้าไม่รู้จะพูดอะไร ข้าเหนื่อยมาก หรงเยี่ย ท่านเหนื่อยไหม”
คราวนี้เป็นเขาที่เงียบลง
เขายุ่งมากทุกวัน เสด็จพ่อของเขาจะขอให้ผู้คนนำฎีกามาให้เขาทุกวัน เขาไม่มีเวลามาคิดว่าเขาเหนื่อยหรือไม่
เขารู้สึกเหมือนเป็นคนไร้อารมณ์ เมื่อต้องเผชิญกับฎีกาเหล่านี้
เขามึนงงไปหมดแล้ว
แม้ว่าเขาจะไม่ตอบสนองต่อคำพูดของไป๋ชิงหลิง แต่เขาก็กอดหญิงสาวแน่นขึ้น “เจ้าอยากออกจากวังไปเดินเล่นหน่อยไหม”
“ข้าไม่อยากไปไหนทั้งนั้น”
“แล้วเจ้า……อยากพักผ่อนไหม”
เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว ไป๋ชิงหลิงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบา ๆ จ้องมองไปที่ใบหน้าของเขาแล้วพูดว่า “ท่านไม่เข้าใจจริง ๆ หรือแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ”
เขาเข้าใจ !
นางต้องการไปจากเมืองหลวง
ทันใดนั้นเขาก็ก้มลงจูบนางที่หน้าผากแล้วพูดว่า ชิงชิง ให้เวลาเราอีกสักหน่อย แล้วข้าจะพาเจ้าไปใช้ชีวิตตามที่เจ้าต้องการ”
ดวงตาของนางค่อย ๆ แดงขึ้น
“เป็นไปได้จริงหรือ?”
นางเองก็ถามคำถามนี้กับตัวเองเช่นกัน
แต่มีคำตอบอยู่ในใจ มันเป็นไปไม่ได้
ในอนาคต เขาจะเป็นจักรพรรดิ เขาจะรับช่วงต่อภาระของจักรพรรดิเหยาในปัจจุบัน และเขาจะยุ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ และแม้ในระยะยาว บางทีผู้หญิงคนอื่น ๆ ก็อาจปรากฏตัวเคียงข้างเขา
ไม่ว่าเขาจะต้องการมันหรือไม่ก็ตาม
นางมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ชัดเจนเกินไปแล้ว
แต่ก็ไม่รู้ทำไม เขากลับไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขา
ร่างที่คุกเข่าลงครึ่งหนึ่งของเขาค่อย ๆ ล้มลงกับพื้นเขาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ข้าจะทำอย่างไรเพื่อปกป้องนาง พี่เจ็ดได้อย่าทำให้ข้าลำบากเลย ข้าไม่สามารถเผชิญหน้ากับเสด็จพ่อแบบนี้ได้ เขาสามารถช่วยเหลือใครก็ตามในวังนี้ได้ แต่ไม่ใช่กลับผู้หญิงคนนั้น ไม่สิ ทุกครั้งที่นึกถึง ข้าก็รู้สึกขยะแขยงและสกปรกทุกครั้ง”
“เป็นเพราะเสิ่นโหรวเม่ยหรือเปล่า?” หรงเยี่ยถามกลับ
หรงเฉินเสียสติไปครู่หนึ่ง
หรงเยี่ยกล่าวว่า “เพราะนางเป็นแม่ของเสิ่นโหรวเม่ย”
ทันทีที่เขาพูดจบ หรงเฉินก็คว้าผมของเขาทรุดตัวลงร้องไห้และหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง และในที่สุดก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด “อ๊าก……”
เขาคลุมศีรษะซุกตัวลง เอาหน้าผากลงกับพื้น แล้วพูดอย่าเศร้า ๆ ว่า “ข้าเป็นคนฆ่าเสด็จแม่ ถ้าข้าไม่แต่งงานกับเสิ่นโหรวเม่ย ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่อไป เมื่อข้าเห็นนางอู่ ข้าก็จะจำได้ว่า……เขาคือเสด็จแม่ของข้า แต่เสด็จพ่อเขา……”
“ลุกขึ้น!”เสียงของหรงเยี่ยติดขัดเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงอดทน และยืนหยัดต่อไป
หรงเฉินซึ่งขดตัวอยู่บนพื้นไม่ได้ลุกขึ้น
หรงเยี่ยพูดอย่างเย็นชา “ข้าบอกให้เจ้าลุกขึ้น”
เขาก้มลงคว้าเสื้อผ้าของหรงเฉิน แล้วดึงครึ่งบนของร่างกายขึ้นมาอย่างรุนแรง
ใบหน้าของหรงเฉินเต็มไปด้วยน้ำตา เขามองไปที่หรงเยี่ยสะอื้น สำลักและพูดไม่ออก “ทำไมเจ้าถึงขอให้ข้า……เผชิญหน้า……เสด็จพ่อของเรา เขาเป็นแค่คนบ้า เขามีสิทธิ์อะไร……เขามีสิทธิ์อะไร ทำไมเขาถึงปฏิบัติต่อเสด็จแม่เช่นนี้……เขาทำให้หลวนอี๋กลายเป็นแบบนี้ ชาตินี้ข้าจะไม่ให้อภัยเขา ข้าจะไม่ให้อภัยเขาเลย”
“หรงเฉิน!” หรงเยี่ยมองเข้าไปในดวงตาของเขาแล้วถามว่า “เจ้าก้มหน้าร้องขอความตายหรือไง!”
เขาตอบสนองต่อหรงเยี่ยด้วยเสียงร้องไห้
หรงเยี่ยกดมือลงบนไหล่ของเขาแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ตายให้มันคุ้มค่าหน่อย”
“พี่เจ็ด……”
“ไปเมืองชีเถอะ แคว้นเฉินกำลังแย่งเมืองชี และหลานเฉิงเฟิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ตอนนี้ได้เวลารับสมัครคนแล้ว ข้าจะมอบทหารองครักษ์เหยี่ยวดำให้กับเจ้า หากเจ้าตายในสนามรบ แม่ของเจ้าจะได้พักผ่อนอย่างสงบสุข แต่ถ้าเจ้าตายด้วยดาบของเสด็จพ่อ เจ้าจะมีหน้าไปพบนางได้อย่างไร!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...