บทที่813 หลานวานเออร์กลับตำหนักแล้ว – ตอนที่ต้องอ่านของ ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
ตอนนี้ของ ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น โดย พระจันทร์ขี้เมา ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายการเกิดใหม่ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่813 หลานวานเออร์กลับตำหนักแล้ว จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
หลานเฉินเฟิงคุกเข่าลงข้างหนึ่งแล้วตอบกลับว่า "อ๋องเฉิน ถึงเมืองจะเล็ก แต่ก็มีประชากรที่เยอะที่สุด เหว่ยเฉินกำลังวางแผนทำเรื่องไม่ดี ถ้าเกิดเมืองซีแพ้ เหว่ยเฉินก็สามารถได้ทหารเพิ่มอีกเป็นสองหมื่นกว่านาย อีกหนึ่งหมื่นกว่าคนก็พาออกเมืองซี ที่เหว่ยเฉินทำแบบนี้ มันก็เพื่อประชาชนของพวกเขา พวกเขาไม่สนใจความรู้สึกของทหารองครักษ์เหยี่ยวดำและอ๋องเฉิน ถ้าเหว่ยเฉินคิดไม่รอบคอบ พวกเขาก็พร้อมที่จะโดนลงโทษ!”
พอหรงเฉินได้ยินแบบนี้ก็เกือบทำให้อารมณ์เสีย
พวกเขาใช้ประชาชนมาเป็นโล่ แถมยังต่อว่าทหารองครักษ์เหยี่ยวดำเพื่อปกป้องใครคนหนึ่ง
ที่นี่ก็กลายเป็นเรื่องดีที่หลานเฉินเฟิงกลายเป็นบุคคลที่ดูมีอำนาจและยิ่งใหญ่ แต่เขากับทหารองครักษ์เหยี่ยวดำกลับตกเป็นเป้าหมาย ถ้าไม่ใช่เป้าหมายที่ไม่มีชีวิตก็เป็นความผิดของเจ้าอีก!
“ถ้าเป็นแบบนั้นแล้ว ข้าต้องให้รางวัลเจ้าหน่อยแล้ว” หรงเฉินพูดพร้อมกับโกรธ จากนั้นเขาจับหน้าอกและไอออกมา
อิงซาหันมามอง พบว่าไหล่ซ้ายของหรงเฉินมีเลือดออก
“ท่านอ๋องเฉิน ท่านบาดเจ็บ” หลังจากพูดเสร็จ อิงซาหันหลังพูดกับทหารองครักษ์เหยี่ยวดำ “เรียกทหารเสนารักษ์มาเดี๋ยวนี้”
หรงเฉินโบกมือและได้หยุดพูดเรื่องเมื่อกี้กับหลานเฉินเฟิง
ครั้งนี้ อ๋องเฉินทำให้ทหารตรงข้ามได้รับบาดเจ็บ และเป็นการใช้เวลาฟื้นฟูนั้นนานมาก ทำให้เมืองซีได้รับความสงบคืน
ณ เมืองหลวงได้เข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ
การตั้งครรภ์ของไป๋ชิงหลิงมีอายุมากกว่าสี่เดือนแล้ว ดูใหญ่กว่าท้องลูกคนแรกสองถึงสามเท่า ทำให้ดูเหมือนท้องหกถึงเจ็ดเดือนแล้ว
วันของการคัดตัวเริ่มใกล้เข้ามาแล้ว เหล่าสาวงามได้เข้ามาในตำหนัก พระชายารัชทายาทก็ถูกเรียกตัวให้กลับตำหนักตง นี่ถือได้ว่าจักรพรรดิเหยาได้ให้เกียรติเธอแล้ว
หลังจากเลือกเสร็จ หลานวานเออร์จะกลับวัดชิงเติ้งไหมนั้นก็ค่อยว่ากันอีกที
วันนี้ไป๋ชิงหลิงได้เตรียมยากับอาการให้หรงเยี่ยเหมือนทุกวันที่ทำ จากนั้นก็ได้พาไป๋ชงเซิงไปที่ตำหนักเจาหยาง
ระหว่างทางไปตำหนักเจาหยางก็ได้เจอกับหลานวานเออร์
หลานวานเออร์มาพร้อมกับหญิงสาวคนหนึ่ง หญิงสาวคนนั้นสวมชุดสีเหลือง แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของเธอจะไม่สวยมาก แต่เธอดูมีเสน่ห์และมีผิวที่บาง
ไป๋ชิงหลิงทักทายหลานวานเออร์
หลานวานเออร์พูดพร้อมรอยยิ้ม "นางสนมไป๋ เจ้ากำลังตั้งครรภ์ เจอข้าก็ไม่จำเป็นต้องคำนับให้ข้าก็ได้ การดูแลสุขภาพต้องมาก่อน"
ไป๋ชิงหลิงแอบหัวเราะเยาะอยู่ในใจ
เธอไม่กล้าเชื่อคำพูดของหลานวานเออร์ โดยเฉพาะในตำหนัก หากคนในนี้รู้ว่าเป็นแค่นางสนมแต่ไม่เคารพพระชายา จะโดนว่าเป็นเด็กที่หยิ่งยโสโอหัง ใช้ประโยชน์ที่ว่าเป็นที่โปรดปรานขององค์รัชทายาท
จากนั้นหลานวานเออร์ก็จับมือหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ แล้วพูดว่า "ท่านผู้นี้คือนางสนมไป๋ จากนี้ไปเราจะเป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้าสามารถเรียกเธอว่าพี่สาว"
"หม่อมฉันไม่มีน้องสาว" ไป๋ชิงหลิงปฏิเสธโดยตรงและพูดออกมาโดยไม่สนใจ "เจ้าเรียกข้าว่านางสนมไป๋หรือว่านายหญิงไป๋ก็ได้!"
พอจินจื่อหลินได้ยินแบบนี้ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป จากนั้นสายตาของเธอก็เต็มไปโดยความโกรธ
แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเธอก็เป็นคนสวยคนหนึ่งที่ได้เข้ามาในตำหนัก แต่ก็ยังไม่ได้เป็นคนขององค์รัชทายาท ถึงจะไม่พอใจขนาดไหนก็ไม่สามารถเอาชนะนางสนมขององค์รัชทายาทได้
และยิ่งไปกว่านั้น เธอกำลังตั้งท้องลูกตั้งสี่คน
เธอได้ทน จากนั้นก็เดินไปข้างหน้าและทักทายไป๋ชิงหลิง "ยินดีที่ได้เข้าพบพระชายารองขององค์รัชทายาท!"
เธอพูดคำว่าพระชายารองขององค์รัชทายาทได้ชัดมาก
จินจื่อหลินแค่อยากจะบอกกับไป๋ชิงหลิงไม่ว่าเธอจะโอหังขนาดไหนเธอก็เป็นได้แค่พระชายารอง
คนที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอตั้งหากที่เป็นพระชายาองค์รัชทายาท
แค่พระชายาองค์รัชทายาทพูดออกมาแค่คำเดียว เธออาจจะได้ไปอยู่ที่ตำหนักตงก็เป็นได้
เธอมองไปที่ไป๋ชิงหลิงอีกครั้ง แต่ไป๋ชิงหลิงก็เดินไปไกลแล้ว
จินจื่อหลินตกใจมาก
เธอเคยได้ยินแต่แฝดสาม แค่นี้ก็หายากแล้ว
ถึงแม้ว่าคนพวกนั้นมีแฝดสามอยู่ในครรภ์ สุดท้ายพวกเขาก็คลอดออกมาได้แต่โอกาสที่จะรอดนั้นยากมาก
“ใช่นะสิ น่าแปลกใจใช่ไหม ทุกคนเอาแต่จ้องที่ท้องของเธอ” พอหลานวานเออร์พูดแบบนั้นก็รู้สึกอิจฉามากๆ
แม้ว่ามันจะเป็นความเสี่ยงที่สูงมาก แต่ถ้าเธอให้ลูกแฝดสี่เธอก็ยอม
แต่สิ่งที่น่าเสียดายคือ...
สายตาของจินจื่อหลินไม่ค่อยดี และกัดฟันพูดว่า "ตั้งครรภ์เยอะขนาดนี้ เวลาคลอดจะรอดใช่ไหม? ข้าได้ยินมาว่าแค่แฝดสามของฮองเฮาเต๋อก็อันตรายมาก"
“ใช่ นางสนมไป๋เป็นคนทำคลอดให้ฮองเฮาเต๋อเอง ฮองเฮาเต๋อถึงรอดชีวิตมาได้”
“ถ้าอย่างนั้นถึงเวลาแล้วเธอทำไม่ได้ขึ้นมาละ” จินจื่อหลินพูด
หลานวานเออร์พูดว่า "ไม่มีทาง ฝ่าบาทได้แต่งตั้งกลุ่มจำนวนหนึ่งขึ้นมาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับนางสนมไป๋ คนที่นำกลุ่มนี้คือนางสนมไป๋ เธอจะเป็นคนสอนพวกเขาเอง พอถึงเวลาคนในนั้นจะเป็นคนทำคลอดเธอเอง"
พอพูดถึงประโยคสุดท้าย น้ำเสียงของหลานวานเออร์เริ่มเย็นชาลง
จินจื่อหลินหัวเราะออกมา "นี้มันแค่เพิ่งจะตั้งครรภ์ได้สี่เดือนเอง ก่อนอื่นเธอจะสามารถรอดจากการตั้งครรภ์ได้ไหม"
"จื่อหลิน เจ้าหุบปากซะ" หลานวานเออร์ปิดปากของเธออย่างเร็ว จากนั้นมองรอบๆ แล้วพูดอย่างระมัดระวัง "ปากของเจ้าจะนำมาแต่เรื่อง!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...