ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 824

สรุปบท บทที่ 824 องค์รัชทายาทต้องการถือศีลกินเจ: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น

อ่านสรุป บทที่ 824 องค์รัชทายาทต้องการถือศีลกินเจ จาก ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น โดย พระจันทร์ขี้เมา

บทที่ บทที่ 824 องค์รัชทายาทต้องการถือศีลกินเจ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายการเกิดใหม่ ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย พระจันทร์ขี้เมา อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

คนที่สวยที่สุด อย่างมากก็ถือได้ว่าหน้าตาดูสะอาดสะอ้าน

เปลือกตาของหลานวานเอ๋อร์กระตุกอย่างแรงหลายครั้ง

เธอมีคนที่อยากเลือก และคนเหล่านี้คือคนที่เธอจะดึงเข้าไปเป็นฝ่ายของตัวเอง

เมื่อกี้ตอนที่เธอถามเขา เพียงเพื่อต้องการทำให้ไป๋ชิงหลิงโกรธ คิดไม่ถึงว่า องค์รัชทายาทจะเห็นด้วยกับเอาแต่ใจของพระสนมไป๋

“นางสนมไป๋ หญิงงามเหล่านี้.......”

“องค์รัชทายาททรงพอพระทัยหรือไม่?” ไป๋ชิงหลิงไม่อยากสนใจหลานวานเอ๋อร์ จึงถามชายที่อยู่ข้างๆเธอโดยตรง

หรงเยี่ยเอื้อมมือออกไปดึงเธอ ขอให้เธอนั่งลงบนเก้าอี้ แล้วถามว่า “ยืนไม่เหนื่อยเหรอ นั่งลงก่อน”

“เจ้าดูคนเหล่านี้สิ เจ้าพอใจหรือยัง”

“ไม่เลว ส่งพวกนางทั้งหมดไปที่ตำหนักตง เพื่อคอยรับใช้พระชายาองค์รัชทายาทและพระสนมไป๋ที่ศาลาชิงหลิงและตำหนักเจาหยาง” เสียงของหรงเยี่ยลดลงอย่างช้าๆ

หญิงงามทั้งเจ็ดต่างตกใจจนหน้าซีดทันที

เมื่อกี้พวกนางยังแอบดีใจ คนที่พวกนางจะรับใช้คือองค์รัชทายาทชายหนุ่มรูปงาม แต่ตอนนี้แค่คำพูดขององค์รัชทายาทเพียงหนึ่งคำ ทำให้ความฝันที่จะเป็นพระสนมของพวกนางต้องล่มสลาย

จักรพรรดิเหยาก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “องค์รัชทายาท เจ้าจะให้หญิงงามเหล่านี้ไปเป็นสาวใช้ที่ตำหนักตง”

“อืม อาการบาดเจ็บที่ขาของลูกค่อยๆดีขึ้นแล้ว ไม่ต้องการคนคอยดูแลมากเกินไป พระสนมไป๋ตั้งครรภ์บุตรคนที่สี่ เป็นช่วงที่ต้องการใช้กำลังคน พระชายาองค์รัชทายาทร่างกายอ่อนแอ ลูกต้องให้ความเท่าเทียมกัน เลือกนางกำนัลเพิ่มอีกหนึ่งคนให้ครบแปดคน สำหรับศาลาชิงหลิงและตำหนักเจาหยางตำหนักละสี่คน เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นพูดว่าลูกไม่ยุติธรรมต่อพระชายาองค์รัชทายาท” หรงเยี่ยพูดด้วยเสียงแผ่วเบา

มุมปากของทุกคนต่างก็หยุดสั่นไม่ได้

นี่คือการใช้วิธีเท่าเทียมกันหรือ

จักรพรรดิเหยาแอบด่าในใจว่าไอ้สารเลว แต่กลับเก็บอาการเอาไว้

เขาไม่เข้าใจว่า การเจอหน้ากับไป๋ชิงหลิงทั้งวันมีอะไรดีนัก หญิงงามเหล่านี้ล้วนอายุน้อย และอ่อนโยนราวกับดอกไม้

ไม่ถูกรสนิยมของเขาตรงไหน

“ข้าหมายความว่า ตำหนักตงของเจ้าก็ควรมีนางสนมคนอื่นด้วย”

“ตำหนักตงของลูกมีพระสนมไป๋และพระชายาองค์รัชทายาทแล้ว หญิงงามทั้งแปดคนนี้ลูกก็พอพระทัยมาก” คำตอบของเขาไม่ชัดเจน

นั่นหมายความว่าหญิงงามทั้งแปดคนนี้ก็มีโอกาสได้เลื่อนขั้นเป็นนางสนมในตำหนักตงด้วย

เป็นเพราะเหตุนี้เอง จักรพรรดิเหยาถูกเขาทำให้กังวล “การคัดเลือกวันนี้ ไม่ใช่การเลือกสาวใช้ให้กับพระสนมไป๋”

“ตำหนักตงของลูกที่ผ่านมาก็มีคนรับใช้มาโดยตลอด ไม่ต้องการสาวใช้ เสด็จพ่อไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีคนคอยดูแลลูก ลูกเคยอาศัยอยู่ในค่ายทหาร สามารถดูแลตัวเองได้” พูดจบ เขาก็หันไปถามไทเฮา “เสด็จย่า ท่านคิดอย่างไรกับการจัดการของหลานชาย?”

ไทเฮาหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้ “แล้วแต่เจ้า........”

เมื่อไทเฮารับสั่ง จักรพรรดิเหยาก็ไม่สามารถขัดได้

ในเมื่อเขาไม่ยอมเลือก งั้นเขาจะช่วยแอบส่งคนเข้าไปในตำหนักตงให้เขาอย่างเงียบๆ

“ใช่แล้ว เสด็จพ่ออย่าส่งคนเข้าไปที่ตำหนักตง ถ้าเหมือนคราวที่แล้ว ลูกเกรงว่าจะเกิดข้อผิดพลาดอีก ตอนนี้ใจของลูกอยู่ที่พระสนมไป๋ เพื่อให้พระสนมไป๋ให้กำเนิดลูกคนที่สี่ได้อย่างราบรื่น ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปลูกจะตั้งใจถือศีลกินเจ งดเว้นกามารมณ์ จนกว่าพระสนมไป๋จะคลอดลูกอย่างปลอดภัยและราบรื่น”

จักรพรรดิเหยา “!!”

ไอ้สารเลวคนนี้พูดไร้สาระอะไร

ใครอนุญาตให้เขาไปถือศีลกินเจ

“เสด็จพ่อวางพระทัย ลูกสามารถช่วยจัดการเรื่องในราชสำนักได้เช่นเคย แค่เปลี่ยนอาหารและวิถีการใช้ชีวิตเท่านั้น”

“เจ้า........”

“เสด็จพ่อไม่ต้องกังวลกับสุขภาพของลูก พระสนมไป๋กำลังควบคุมอาหารของลูก ช่วงที่ผ่านมาทานอาหารและยาที่พระสนมไป๋จัดเตรียมให้ ร่างกายของลูกก็แข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ” หลังจากพูดจบ หรงเยี่ยก็หันไปพูดกับฮองเฮาเต๋อว่า “เสด็จแม่ ต่อไปท่านก็ช่วยน้องแปดเลือกเถอะ”

ฮองเอษเต๋อเหลือบมองจักรพรรดิ แล้วตอบอย่างสง่าและอ่อนโยนว่า “ได้ แต่ว่า ท่านอ๋องเฉิน........จะชอบผู้หญิงแบบไหนล่ะ?”

ในความคิดของไป๋ชิงหลิง ก็ปรากฏภาพของฉางเล่อเหยียนขึ้น........

ใบหน้าของจักรพรรดิเหยาบูดบึ้งอยู่ตลอด ดังนั้นเขาจึงไม่ได้พูดอะไร ฮองเฮาเต๋อเหลือบมองเขา รู้ว่าไม่สามารถพึ่งพาเขาได้

เธอรู้นิสัยของจักรพรรดิเหยาดี เกรงว่าแม้ลูกชายของเขายังไม่ชอบ แต่เขาเองกลับถูกใจอยู่หลายคน

มุมปากของเธอยกขึ้นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว และมีความเย็นชาฉายไปทั่วดวงของเธอ เธอหันกลับไปมองไทเฮา ยิ้มแล้วพูดว่า “เสด็จแม่ งานแต่งของท่านอ๋องเฉิน คิดว่าท่านคงมีความคิดเห็นของท่านอยู่แล้ว”

หรงเยี่ยจึงพยักหน้าให้นาง

ดังนั้น ไป๋ชิงหลิงจึงเข็นไทเฮาไปยังศาลาชิงหลิง

หรงจิ่งหลินนั่งฝึกคัดลายมืออยู่บนโต๊ะ ได้ยินการเคลื่อนไหวด้านนอก จึงลุกขึ้นยืนและมองออกไปนอกทันที

ก็เห็นไป๋ชิงหลิงเข็นไทเฮาเข้ามาในลานบ้าน ในขณะที่เสด็จพ่อของเขากำลังจูงมือน้องสาวของเขาไป๋ชงเซิง และเดินตามหลังทั้งสอง

หรงจิ่งหลินรีบวิ่งกลับไปที่เตียง ปิดม่านแล้วนอนลง

ไม่นาน ประตูก็เปิดออก

ไทเฮาผลักประตูเข้าไป หรงเยี่ยก็ปิดประตูอย่างจงใจ

ไทเฮาหันกลับมาและเหลือบมองประตูที่หรงเยี่ยปิด แล้วมองไปรอบๆ

ในห้องได้จุดธูปหอมไว้ แต่เป็นกลิ่นที่หอมอ่อนๆที่น่าดมมาก มีหนังสือคัดลายมือกองอยู่บนโต๊ะ

นางหนี่ตาลงเล็กน้อย แล้วพูดว่า “จิ่งหลิน......ยังคง......ไม่ตื่น........”

ไป๋ชิงหลิงเหลือบมองหรงเยี่ยอีกครั้ง

ก่อนที่หรงเยี่ยจะออกไป ก็ได้เข็นไทเฮาไปที่เตียงของหรงจิ่งหลิน “เสด็จย่าท่านไปดูเองเถอะ”

เมื่อเดินไปถึงที่เตียง ไป๋ชิงหลิงก็เปิดม่านก่อน

ไป๋ชงเซิงวิ่งไปข้างเตียงก่อน จับมือของหรงจิ่งหลินแล้วพูดว่า “จิ่งหลิน เสด็จย่ามาเยี่ยมเจ้าแล้ว”

หรงจิ่งหลินยังคงนิ่ง และหลับตาต่อไป

ไทเฮาถูกเข็นไปอยู่ข้างๆหรงจิ่งหลิน เมื่อเห็นใบหน้าที่ซูบผอมของเด็กจึงพูดว่า “ใช่.......พระชายาองค์รัชทายาท.......เป็นคน......ทำร้าย.......จิ่งหลิน!”

ไป๋ชิงหลิงก้มหน้าลง ไม่พูดอะไร

แต่ในใจเธอรู้สึกผิดมาก

เธอสามารถหลอกทุกคนได้ แต่เธอกลับรู้สึกผิดต่อไทเฮาเท่านั้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น