ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 85

แม่นมจ้านร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และขณะที่ต้องยกมือขึ้นมาผลักไป๋ชงเซิงออกไปนั้น นางกลับพบว่ามือขวาของนางได้ถูกคนกดเอาไว้

และคนคนนั้นคือหรงจิ่งหลิน

เขากัดมือของนางอย่างแรง ราวกับเสือดาวที่กำลังกัดกินเหยื่อ ทั้งโหดเหี้ยมทั้งดุร้าย

ขณะที่แม่นมจ้านตกใจกับการกระทำของหรงจิ่งหลิน และเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น นางได้เห็นความน่าเกรงขามของท่านอ๋องหรงในตัวของหรงจิ่งหลิน

นางร้องโอดครวญขอความช่วยเหลือ "ฮองเฮาเพคะ ฮองเฮา ช่วยด้วยเพคะ"

ฮองเฮาอู๋ "รีบนำตัวพวกเขาไปเดี๋ยวนี้"

นางกำนัลจำนวนหนึ่งพุ่งเข้าไปที่เด็กๆ

ไป๋ชิงหลิงตะโกนออกไปเสียงดัง "ชงเซิง ซื่อจื่อจิ่ง วิ่งหนีไป"

เด็กทั้งสองรีบลุกออกจากแม่นมจ้านและเหยียบร่างของนางวิ่งหนีออกไปจากอุทยานหลวงอวี้ฮวา

แม่นมจ้านตะโกนร้องโอดครวญ "โอ้ยๆ"

ฮองเฮาอู๋ชี้หน้าไป๋ชิงหลิง "ไป๋เจาเสวี่ย เจ้าบังอาจ......"

"ฮองเฮาเพคะ คุณหนูเสิ่นเป็นลมหมดสติไปแล้วเพคะ"

ฮองเฮาอู๋หันไปมอง เลือดที่หน้าผากของเสิ่นโหรวเม่ยไหลท่วมเกือบครึ่งของใบหน้านาง ซึ่งเห็นแล้วน่าหวาดกลัวอย่างมาก นางถูกประคองโดยนางกำนัลสองคน และตอนนี้ก็ไม่มีเวลามากพอที่จะตำหนิติเตียนไป๋ชิงหลิงอีกต่อไป

นางรีบกล่าว "เร็วเข้า รีบตามหมอหลวงมาเดี๋ยวนี้ รีบกลับไปตำหนักเฟิ่งหลิวเร็วเข้า"

แม่นมจ้านถูกประคองขึ้นมาจากพื้น ส่วนเสิ่นโหรวเม่ยถูกนางกำนัลที่มีรูปร่างสูงใหญ่หามกลับไปยังตำหนักเฟิ่งหลิว

จากนั้นอุทยานหลวงอวี้ฮวาก็กลับมาสงบลงอีกครั้ง

ไป๋ชิงหลิงหมดอารมณ์จะชื่นชมดอกไม้อีกแล้ว จึงได้เดินกลับตำหนักฮุ่ยหนิงไป

และขณะนี้เองมีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นที่ปลายทางเดิน

คนคนนั้นคือองค์หญิงหลวนอี๋นั่นเอง

นางกัดริมฝีปากและขมวดคิ้ว จากนั้นจึงหันและเดินกลับตำหนักฮุ่ยหนิง

นางมองไปรอบๆ และเห็นหรงเยี่ยกำลังยืนคุยกับอิงอู๋อยู่ใต้ต้นหลิว

เมื่อหลวนอี๋เดินเข้าไปหา อิงอู๋ก็ได้เดินจากไปเสียแล้ว หรงเยี่ยเหลือบมองนาง และอดไม่ได้ที่จะยกคิ้วขึ้นด้วยท่าทางรังเกียจ "ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าก่อเรื่องให้เสด็จย่า จะไปไหนก็ไปเลยนะ"

เมื่อเขาพูดจบ เขาก็ถือแส้และเดินย้อนกลับไป

หลวนอี๋รีบเดินตามไป จากนั้นสองมือของนางก็ได้คว้าแขนของหรงเยี่ยไว้และกอดเขาไว้แน่น จากนั้นกล่าวด้วยเสียงดัง "ท่านพี่เจ็ดๆ เมื่อสักครู่ข้าไปที่อุทยานหลวงอวี้ฮวามา ข้าได้เห็นเสด็จแม่และท่านพี่เสิ่น"

หรงเยี่ยขมวดคิ้วหนักขึ้น และขณะที่กำลังจะผลักหลวนอี๋ออก หลวนอี๋ก็ได้เล่าต่อว่า "และยังมีท่านพี่ไป๋ จิ่งหลินและลูกของท่านพี่ไป๋"

หรงเยี่ยหยุดชะงัก

จากนั้นหันไปมองเด็กที่อยู่ข้างหลังของเขา

หลวนอี๋เห็นว่าในที่สุดเขาก็สนใจนางเสียที จากนั้นจึงได้ลุกขึ้นยืนและปล่อยมือจากแขนของเขา และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่อุทยานหลวงอวี้ฮวาให้เขาฟังทั้งหมดอย่างละเอียด

เมื่อหรงเยี่ยฟังจบ ใบหน้าที่หล่อเหลางดงามของเขาก็เคร่งขรึมลงเล็กน้อย เส้นเลือดบนใบหน้าของเขาปูดโปน "นางถูกเสด็จแม่ตบหน้าอย่างนั้นหรือ!"

"ใช่ ข้าเห็นกับตาเลย ตบนั้นเสียงดังอย่างมาก ทำให้ใบหน้าของท่านพี่ไป๋บวมแดงขึ้นมาทันที" หลวนอี๋รู้สึกโกรธที่เสด็จแม่ของนางตบหน้าไป๋ชิงหลิง และโกรธที่เสิ่นโหรวเม่ยพูดจายั่วยุให้เกิดความบาดหมาง และทำให้เสด็จแม่ของนางกลายเป็นผู้ที่ถูกกระทำ

นางกล่าวอย่างโกรธเคือง "ท่านพี่เจ็ด ท่านจะจัดการเรื่องนี้หรือไม่ เสด็จแม่จะต้องไม่ปล่อยท่านพี่ไป๋ไปแน่ๆ เรื่องนี้ต้องโทษเสิ่นโหรวเม่ย วันนี้นางมาที่เสด็จแม่แต่เช้าเพื่อที่จะบอกเสด็จแม่ว่าท่านพี่ไป๋ที่เคยมีลูกมาก่อนแย่งท่านไปจากนาง เสด็จแม่ได้ยินเข้าจึงได้รู้สึกโกรธ และเกิดความเกลียดชังต่อท่านพี่ไป๋อย่างมาก หากเรื่องนี้ไปถึงหูของเสด็จพ่อ......"

"นางสามารถจัดการได้" หรงเยี่ยเดินผ่านหลวนอี๋ไปทันทีหลังจากที่พูดคำนี้ออกไป

หลวนอี๋รู้สึกสับสนอย่างมาก นางคิดว่าไป๋เจาเสวี่ยจะเป็นกรณีพิเศษ แต่นางกลับคิดไม่ถึงว่าท่านพี่เจ็ดของนางจะไม่แยแสและไร้ประโยชน์เช่นนี้ หลังจากที่ฟังเรื่องที่ไป๋เจาเสวี่ยถูกตบ

นางมองหรงเยี่ยที่เดินออกไปอย่างหมดหวัง และด่าหรงเยี่ยออกไปด้วยความรู้สึกโกรธ "หรงเยี่ย ท่านมันคนงี่เง่า คนอย่างท่านสมควรแล้วที่ต้องอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิต!"

หรงเยี่ยขมวดคิ้ว จากนั้นในหัวของเขาก็นึกถึงตอนที่ไป๋ชิงหลิงอยู่ในจวน และเคยพูดคำนั้นกับเขา "อยู่คนเดียวไปตลอดชีวิต"

ขณะนี้ แม้แต่เขาเองก็ไม่รู้ตัวว่าฝีเท้าของเขานั้นเร็วกว่าเดิม......

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น