มือของไป๋ชิงหลิงหยุดลงและหรี่ตามองชายบนเตียง ดวงตาของเขาแดงเล็กน้อยและมีน้ำตาไหลอยู่ในดวงตาของเขา
เขากำลังร้องไห้!
เขาหลับตา หันหน้าหนีแล้วพูดว่า "ข้าอยากอยู่คนเดียวสักพัก พี่เจ็ดพี่สะใภ้เจ็ด พวกท่านออกไปก่อน"
ไป๋ชิงหลิงค่อยๆ เปิดม่านแล้วมองกลับไปที่หรงเยี่ย: "ฝ่าบาท งั้นเราออกไปก่อนดีไหม"
"ได้" หรงเยี่ยลุกขึ้นยืนจับมือของไป๋ชิงหลิงแล้วเดินออกจากห้องของหรงเฉิน
พวกเขาออกจากจวนอ๋องแต่ก็ไม่ได้กลับเมืองหลวง ทั้งสองคนเดินไปตามถนนที่พลุกพล่านในเมืองหลวง
เหมือนกับคู่รัก
หรงเยี่ยเพลิดพลันกับการใช้ชีวิตและยรรยากาศกลางคืนแบบนี้ ...
เขาดูออกว่าไป๋ชิงหลิงก็ชอบมันเหมือนกัน
พระราชวังเป็นเหมือนกรงนกขนาดใหญ่ที่กักขังเธอไว้จนนานเกินไป
"อาเยี่ย"
“อืม” หรงเยี่ยตอบเบา ๆ
ไป๋ชิงหลิงกล่าวว่า: "ข้ามีความคิดหนึ่ง"
เขาหันไปมองเธอแล้วถามว่า “ความคิดอะไร”
"ถ้าเราเปลี่ยนสถานที่รกร้างที่พ่อแม่ของข้าอาศัยอยู่นั้นอย่างดีให้มันกลายเป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองอันดับสอง"
“อ้อ!” จู่ๆ หรงเยี่ยก็เริ่มสนใจ เขาเอื้อมมือออกไปอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขน: "เล่าให้ข้าฟังหน่อยสิ"
“เดี๋ยวกลับไปแล้วเข้าจะให้เจ้าดู”
“หาที่พัก ดูตอนนี้”
เขาพาเขาไปที่ห้องโถงใหญ่แล้วขอชากับขนมหวาน ไป๋ชิงหลิงหยิบภาพวาดออกจากห้องแล้วกางออก
มันคือภาพวาดสีน้ำ ไป๋ชิงหลิงวาดภาพบรรยากาศกลางคืนของ "เมืองที่ไม่มีวันหลับใหล"ลงมา
เมื่อหรงเยี่ยเห็นภาพวาดนี้ เขาก็ประหลาดใจอย่างจริงจัง ราวกับว่าตัวเองได้เข้าไปอยู่ในเมืองนี้
"เป็นยังไงบ้าง?" ไป๋ชิงหลิงเลิกคิ้วและยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย: "เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ใช้คลังสมบัติของแคว้น เมื่อถึงตอนนั้น ข้าจะนำของขวัญหมั้นที่เจ้ามอบให้ข้าออกมาทั้งหมด และหาผู้สนับสนุนเพิ่มอีกสองสามรายเพื่อสร้างสิ่งนี้ แม้ว่าการสร้างเมืองจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเช่นกัน”
สิ่งแรกที่เธอนึกถึงคือตระกูลฉิน ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในจิงโจวและตระกูลฉางตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองเหลียน
หรงเยี่ยไม่เข้าใจความหมายของคำว่า "ผู้สนับสนุน" ที่เธอพูดถึง ดังนั้นเขาจึงถามว่า "ผู้สับสนุนคืออะไร"
“ก็คือเจ้าให้เงินข้าเพื่อสร้างเมืองนี้ เมื่อสร้างเมืองแล้ว จะมีร้านค้าในเมืองนี้ไม่ใช่หรือ? ข้าก็จะให้เจ้านั้นเลือกร้านค้าเอง และก็จะทำป้ายเพื่อโปรโมตสินค้าและการให้บริการเจ้าด้วย”
ไป๋ชิงหลิง ได้พูดภาพรวม
หรงเยี่ยตอบว่า: "แบบนี้นี่เอง"
เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ความคิดของไป๋ชิงหลิงทำให้เขาประหลาดใจอีกครั้ง: "ที่นั้นนั้นยากจนอย่างมาก หากสามารถเปลี่ยนเป็นเมืองเช่นนี้ได้ มันก็จะช่วยเพิ่มรายได้ทางเศรษฐกิจของชาวบ้านและชาวเมืองที่อยู่ใกล้เคียงได้”
“ก็ยังช่วยข้าได้แก้ปัญหามากมายได้ด้วย!” เขายกมือขึ้นแล้ววางลงบนศีรษะของเธอ และลูบไล้เธออย่างอ่อนโยน
เมื่อไป๋ชิงหลิงเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความนุ่มนวล
เธอยิ้มและจับข้อมือของเขา: "เจ้าอย่ามองที่ข้า มองตรงนี้ เจ้ามีความคิดอื่นอีกไหม?"
“เจ้าวางแผนได้ดีมากแล้ว จะให้ข้าช่วยคิดอะไรได้อีก”
ไป๋ชิงหลิง ยิ้มอย่างอ่อนโยน
“แต่มันไกลไปหน่อย กลับไปกลับมาต้องใช้เวลาสองสามเดือน”
“ไกลหน่อยก็ดี ถ้าหากเจ้าชอบที่นั้น วันข้างหน้าก็เป็นที่พักผ่อนหลังเกษียณ”
"เจ้าคิดไกลไปหน่อยหรือเปล่า" ไป๋ชิงหลิงเก็บภาพ: "ครั้งนี้ที่ไปจิงโจวข้าต้องไปพบปะกับผู้เฒ่าตระกูลฉินด้วยการส่วนตัว ข้าได้ยินมาว่าอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของตระกูลฉินส่วนใหญ่อยู่ในมือผู้เฒ่า , ส่วนตระกูลฉาง... เกรงว่าจักรรพดิต้องลงมือเอง แม้ว่าเงินในตัวข้าจะไม่น้อย แต่เมื่อจะสร้างเมืองที่เจรญรุ่งเรืองนั้นมันยังไม่เพียงพอ! "
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...