ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 861

สรุปบท บทที่ 861 ข้าอยากอยู่คนเดียวสักพัก: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น

สรุปตอน บทที่ 861 ข้าอยากอยู่คนเดียวสักพัก – จากเรื่อง ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น โดย พระจันทร์ขี้เมา

ตอน บทที่ 861 ข้าอยากอยู่คนเดียวสักพัก ของนิยายการเกิดใหม่เรื่องดัง ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น โดยนักเขียน พระจันทร์ขี้เมา เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

มือของไป๋ชิงหลิงหยุดลงและหรี่ตามองชายบนเตียง ดวงตาของเขาแดงเล็กน้อยและมีน้ำตาไหลอยู่ในดวงตาของเขา

เขากำลังร้องไห้!

เขาหลับตา หันหน้าหนีแล้วพูดว่า "ข้าอยากอยู่คนเดียวสักพัก พี่เจ็ดพี่สะใภ้เจ็ด พวกท่านออกไปก่อน"

ไป๋ชิงหลิงค่อยๆ เปิดม่านแล้วมองกลับไปที่หรงเยี่ย: "ฝ่าบาท งั้นเราออกไปก่อนดีไหม"

"ได้" หรงเยี่ยลุกขึ้นยืนจับมือของไป๋ชิงหลิงแล้วเดินออกจากห้องของหรงเฉิน

พวกเขาออกจากจวนอ๋องแต่ก็ไม่ได้กลับเมืองหลวง ทั้งสองคนเดินไปตามถนนที่พลุกพล่านในเมืองหลวง

เหมือนกับคู่รัก

หรงเยี่ยเพลิดพลันกับการใช้ชีวิตและยรรยากาศกลางคืนแบบนี้ ...

เขาดูออกว่าไป๋ชิงหลิงก็ชอบมันเหมือนกัน

พระราชวังเป็นเหมือนกรงนกขนาดใหญ่ที่กักขังเธอไว้จนนานเกินไป

"อาเยี่ย"

“อืม” หรงเยี่ยตอบเบา ๆ

ไป๋ชิงหลิงกล่าวว่า: "ข้ามีความคิดหนึ่ง"

เขาหันไปมองเธอแล้วถามว่า “ความคิดอะไร”

"ถ้าเราเปลี่ยนสถานที่รกร้างที่พ่อแม่ของข้าอาศัยอยู่นั้นอย่างดีให้มันกลายเป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองอันดับสอง"

“อ้อ!” จู่ๆ หรงเยี่ยก็เริ่มสนใจ เขาเอื้อมมือออกไปอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขน: "เล่าให้ข้าฟังหน่อยสิ"

“เดี๋ยวกลับไปแล้วเข้าจะให้เจ้าดู”

“หาที่พัก ดูตอนนี้”

เขาพาเขาไปที่ห้องโถงใหญ่แล้วขอชากับขนมหวาน ไป๋ชิงหลิงหยิบภาพวาดออกจากห้องแล้วกางออก

มันคือภาพวาดสีน้ำ ไป๋ชิงหลิงวาดภาพบรรยากาศกลางคืนของ "เมืองที่ไม่มีวันหลับใหล"ลงมา

เมื่อหรงเยี่ยเห็นภาพวาดนี้ เขาก็ประหลาดใจอย่างจริงจัง ราวกับว่าตัวเองได้เข้าไปอยู่ในเมืองนี้

"เป็นยังไงบ้าง?" ไป๋ชิงหลิงเลิกคิ้วและยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย: "เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ใช้คลังสมบัติของแคว้น เมื่อถึงตอนนั้น ข้าจะนำของขวัญหมั้นที่เจ้ามอบให้ข้าออกมาทั้งหมด และหาผู้สนับสนุนเพิ่มอีกสองสามรายเพื่อสร้างสิ่งนี้ แม้ว่าการสร้างเมืองจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเช่นกัน”

สิ่งแรกที่เธอนึกถึงคือตระกูลฉิน ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในจิงโจวและตระกูลฉางตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองเหลียน

หรงเยี่ยไม่เข้าใจความหมายของคำว่า "ผู้สนับสนุน" ที่เธอพูดถึง ดังนั้นเขาจึงถามว่า "ผู้สับสนุนคืออะไร"

“ก็คือเจ้าให้เงินข้าเพื่อสร้างเมืองนี้ เมื่อสร้างเมืองแล้ว จะมีร้านค้าในเมืองนี้ไม่ใช่หรือ? ข้าก็จะให้เจ้านั้นเลือกร้านค้าเอง และก็จะทำป้ายเพื่อโปรโมตสินค้าและการให้บริการเจ้าด้วย”

ไป๋ชิงหลิง ได้พูดภาพรวม

หรงเยี่ยตอบว่า: "แบบนี้นี่เอง"

เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ความคิดของไป๋ชิงหลิงทำให้เขาประหลาดใจอีกครั้ง: "ที่นั้นนั้นยากจนอย่างมาก หากสามารถเปลี่ยนเป็นเมืองเช่นนี้ได้ มันก็จะช่วยเพิ่มรายได้ทางเศรษฐกิจของชาวบ้านและชาวเมืองที่อยู่ใกล้เคียงได้”

“ก็ยังช่วยข้าได้แก้ปัญหามากมายได้ด้วย!” เขายกมือขึ้นแล้ววางลงบนศีรษะของเธอ และลูบไล้เธออย่างอ่อนโยน

เมื่อไป๋ชิงหลิงเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความนุ่มนวล

เธอยิ้มและจับข้อมือของเขา: "เจ้าอย่ามองที่ข้า มองตรงนี้ เจ้ามีความคิดอื่นอีกไหม?"

“เจ้าวางแผนได้ดีมากแล้ว จะให้ข้าช่วยคิดอะไรได้อีก”

ไป๋ชิงหลิง ยิ้มอย่างอ่อนโยน

“แต่มันไกลไปหน่อย กลับไปกลับมาต้องใช้เวลาสองสามเดือน”

“ไกลหน่อยก็ดี ถ้าหากเจ้าชอบที่นั้น วันข้างหน้าก็เป็นที่พักผ่อนหลังเกษียณ”

"เจ้าคิดไกลไปหน่อยหรือเปล่า" ไป๋ชิงหลิงเก็บภาพ: "ครั้งนี้ที่ไปจิงโจวข้าต้องไปพบปะกับผู้เฒ่าตระกูลฉินด้วยการส่วนตัว ข้าได้ยินมาว่าอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของตระกูลฉินส่วนใหญ่อยู่ในมือผู้เฒ่า , ส่วนตระกูลฉาง... เกรงว่าจักรรพดิต้องลงมือเอง แม้ว่าเงินในตัวข้าจะไม่น้อย แต่เมื่อจะสร้างเมืองที่เจรญรุ่งเรืองนั้นมันยังไม่เพียงพอ! "

“เสด็จแม่ เหตุใดท่านจึงออกวัง?”

“พวกเจ้ายังไม่รู้อีกหรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับอ๋องเซ่อเจิ้ง?” ใบหน้าของไทเฮาเต๋อซีดเผือด ราวกับว่าเธอพยายามเพื่อจะซ่อนเรื่องบางอย่าง

ไป๋ชิงหลิงและหรงเยี่ยมองหน้ากัน

อิงชาบอกพวกเขาเพียงว่ามีเรื่องเกิดขึ้นกับอ๋องเซ่อเจิ้ง และผู้ที่มารายงานข่าวก็ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ

จากนั้นพวกเขาก็รีบออกไปจากโรงแรมแล้วมาที่นี่

ไป๋ชิงหลิงเห็นว่าสีหน้าของไทเฮาเต๋อไม่ค่อยดี ก่อนที่เธอจะจากไป เธอจับแขนไทเฮาไว้แล้วถามว่า "หม่อนฉันและฝ่าบาทมาเยี่ยมเยียนเป็นการส่วนตัว เพื่อสำรวจประชาชน แต่ว่ายังไม่ทันได้เริ่มไป อ๋องเซ่อเจิ้งก็ล้มป่วย หม่อฉันและฝ่าบาทจึงพักอยู่ที่โรงเเรมคืนหนึ่ง โดยยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับอ๋องเซ่อเจิ้ง?”

"ลองเข้าไปดูกับข้าสิ" ไทเฮาเต๋อ คว้ามือของ ไป่ชิงหลิงด้วยมือของเธอแล้วรีบเดินเข้าไปที่จวนอ๋อง

เมื่อไป๋ชิงหลิงเห็นใบหน้าของไทเฮาเต๋อ เธอจึงเดาว่าเรื่องมันอาจไม่ดีสักเท่าไหร่

หลังจากเข้าไปในบ้านของหรงเฉินแล้ว ไป๋ชิงหลิง และ หรงเฉินก็เห็นฮูหยินผู้เฒ่านางสวี่ และผู้คนของตระกูลสวี่ แล้วก็เสียงร้องไห้

เมื่อไทเฮาเต๋อเห็นคนตระกูลสวี่ ฝีเท้าของเธอก็สะดุดล้มและเธอแทบจะล้มลงกับพื้น

ไป๋ชิงหลิงยื่นมือออกไปพยุงเธอ ใบหน้าของเธอก็เย็นชา: "ไทเฮา ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นจริงๆ"

ก่อนหน้านี้ เธอเคยเห็นความโลภและความหัวสูงของฮูหยินผู้เฒ่าสวี่มาก่อน

แต่ตอนนี้ ผ่านไปไม่ถึงสามวัน ฮูหยินผู้เฒ่าสวี่ก็มาถึงจวนอ๋องเซ่อเจิ้งแล้ว มันคงไม่ใช่เรื่องดีที่บุคคลเช่นนี้จะมาปรากฏตัวในจวนอ๋องเซ่อเจิ้ง

ไทเฮาเต๋อสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง: "เดี๋ยวเข้าไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องคิดถึงความรู้สึกของข้า ฮองเฮาตัดสินใจแทนอ๋องเซ่อเจิ้ง ข้า...จะ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลสวี่”

หลังจากพูดแล้วเธอก็ค่อย ๆ หลับตาลง น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาของเธอ

ไป๋ชิงหลิงมองดูและรู้สึกซาบซึ้งกับน้ำตาบนใบหน้าของเธอ

เธอจับมือของไทเฮาอย่างแน่นหนาแล้วพูดว่า "ถ้าไทเฮาไม่ต้องการเห็นตระกูลสวี่ งั้นให้ข้าจัดการเอง"

“ไม่ ข้าต้องเข้าไปด้วยตนเอง ข้าต้องการให้พวกเขารู้ว่าแม้ว่าข้า จะเป็นไทเฮา ก็จะไม่ปล่อยให้พวกเขาทำอะไรตามใจได้!” เมื่อไทเฮาเต๋อมองไปที่ตระกูลสวี่อีกครั้ง อารมณ์ทั้งหมดก็หายไปจากดวงตาของเธอ:"ไป!"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น