ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 895

เธออุ้มอาหวงไว้ในอ้อมแขน แล้วเขย่าเบาๆสองสามครั้ง เห็นได้ชัดว่าอาหวงมีความสุขมาก โดยยกกำปั้นเล็กๆของตัวเองยัดใส่ปากแล้วหัวเราะ“คิกคัก”

หรงเยี่ยยืนมองอยู่ข้างๆด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู สีหน้าและท่าทางของเสี่ยวอาหวงทำให้หัวใจของเขาแทบละลาย

หรงเยี่ยยกมือขึ้นทันที ต้องการอุ้มอาหวงมาจากอ้อนแขนของไป๋ชิงหลิง

อาหวงหยุดหัวเราะทันที ขมวดคิ้วและจ้องมองหรงเยี่ย เบะปากเล็กน้อย ดูเหมือนว่านางกำลังจะร้องไห้แล้ว

ไป๋ชิงหลิงรีบหันกลับมาพูดว่า :“นางอยากร้องไห้แล้ว นางไม่อยากให้ท่านอุ้ม อยากให้ข้าอุ้ม”

ขณะที่เธอเดินเข้าไปในห้องโถง ก็เล่นกับอาหวงไปด้วย

หรงเยี่ยเดินตามไปอย่างหมดปัญญา

คนในตำหนักก็ถอยออกไปด้านนอกห้องโถง

ทั้งสองนั่งอยู่บนเก้าอี้นุ่ม และเล่นกับลูกอยู่พักหนึ่ง

จากนั้น หรงเยี่ยก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อของเขา แล้วยื่นให้เธอ :“เจ้าดูนี่!”

“นี่คืออะไร?” ไป๋ชิงหลิงเหลือบมองเขาก่อนที่จะรับกระดาษเล็กๆแผ่นนั้น

เมื่อเธอเปิดกระดาษแผ่นนั้นออก หรงเยี่ยก็ได้อุ้มเสี่ยวอาหวงที่อยู่ในอ้อนแขนของเธอส่งให้กับแม่นม

หลังจากที่อาหวงจากไป หรงเยี่ยก็เขยิบเข้าไปหาไป๋ชิงหลิง และกอดเธอจากด้านหลัง ในเวลานี้ไป๋ชิงหลิงได้เปิดกระดาษเล็กๆแล้ว

หลังจากอ่านข้อความบนกระดาษแล้ว สีหน้าของไป๋ชิงหลิงก็ประหลาดใจ :“จืออีนางยังมีชีวิตอยู่เหรอ?”

“ใช่ เจ้าดูสัญลักษณ์ที่อยู่ข้างล่างสิ”

มุมซ้ายล่าง มีเครื่องหมายอยู่

“นี่คือจดหมายที่มาจากตระกูลเว่ย? หรือว่าจืออีจะอยู่กับแม่ทัพน้อยเว่ยและฮูหยินเว่ย”

“องครักษ์เหยี่ยวดำมารายงานว่า ฮูหยินเว่ยเป็นคนช่วยจืออีไว้ ตอนนี้อยู่ระหว่างทางกลับเมืองหลวง แม่ทัพน้อยเว่ยและฮูหยินเว่ยก็มาเมืองหลวงด้วยเช่นกัน”

“อ๊ะ!” ไป๋ชิงหลิงเพิ่งจะจำข้อตกลงที่ให้ไว้กับฮูหยินเว่ยได้ และจู่ๆเธอก็ปวดหัว :“นางน่าจะมาที่นี่เพื่อทวงหนี้”

“อะไร?” หรงเยี่ยหรี่ตาลงเล็กน้อย และเอามือโอบไหล่ของเธอ เชยคางของเธอ แล้วหันใบหน้าของเธอกลับมา

ร่างของไป๋ชิงหลิงก็หันกลับมาตามแรง

“เจ้าติดหนี้คนข้างนอกอยู่เยอะมากเหรอ?”

“หนี้สินอะไรกัน ไม่น่าฟังซะเลย” ไป๋ชิงหลิงผลักมือเขาออกไปด้วยสีหน้าที่ประหม่า :“มันคือหนี้บุญคุณ ต้นเหตุก็เป็นเพราะท่านไม่ใช่หรือ ท่านเป็นคนก่อ!”

หรงเยี่ยสีหน้าเคร่งขรึม :“ข้าไปทำอะไรอีก?”

“ท่านว่าท่านทำอะไรไว้ล่ะ ถ้าไม่ใช่........” ไป๋ชิงหลิงแตะจมูกของตัวเอง และรู้สึกผิดเล็กน้อย :“เฮ้อ อย่าเอ่ยถึงเลย ข้าเดาว่า นางต้องการให้ข้าไปต้าโจว”

ไม่ได้! หรงเยี่ยขัดจังหวะความคิดที่ไม่สมจริงของเธอโดยตรง

เริ่มออกเดินทางจากเมืองหลวงของแคว้นหรง ไปยังเมืองหลวงของต้าโจว การเดินทางไปกลับต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งปี

หรงเยี่ยรู้สึกว่าตั้งแต่ไป๋ชิงหลิงเป็นฮองเฮาเธอก็ว่างเกินไป ไม่ว่าเรื่องอะไรก็กล้าคิด

“เจ้ารู้ไหมว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการเดินทางไปกลับ?” หรงเยี่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ไป๋ชิงหลิงรู้สึกเย็นวูบที่ท้ายทอย และเหลือบมองดวงตาสีเข้มคู่นั้น

ในเวลานี้ ก็ได้ยินหรงเยี่ยพูดว่า :“อย่างเร็วก็สามเดือน หากเดินทางผ่านทะเลทราย เจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด อย่างช้าก็ครึ่งปี ใครจะคาดเดาได้ว่า เวลาครึ่งปีนี้ในวังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง หากเหล่าเสนาบดีเห็นว่าฮองเฮาหายตัวไป แล้วเสนอผู้หญิงให้ข้า ข้าสามารถบ่ายเบี่ยงได้แค่ครั้งสองครั้ง สามครั้ง ก็มาสามารถต้านทานความล่อลวงใจได้หนึ่งครั้งสองครั้งสามสี่ครั้ง แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ข้าก็ไม่รับประกันว่าจะเกิดความคิดอื่นๆขึ้นในใจของข้า เจ้าไม่กลัวว่าตอนที่เจ้ากลับมา ข้างกายข้าจะมีผู้หญิงคนอื่นเหรอ”

ทันใดนั้นดวงตาของหรงเยี่ยหมองลง :“ในราชวงศ์ นางสนมชั้นต่ำไม่มีสิทธิ์ให้กำเนิดสายเลือดราชวงศ์ นอกจากตำหนักที่ไม่ค่อยมีทายาท จึงจะได้สิทธิ์ให้กำเนิด แม้ว่านางสนมชั้นต่ำจะให้กำเนิดทายาท แต่นางก็ไม่มีสิทธิ์เลี้ยงดูลูกด้วยตัวเอง”

“นี่ไม่ใช่ปัญหา ปัญหาตอนนี้ก็คือ ไม่รู้ว่ากวนปี้อวี้อยู่ที่ไหน?”

“ไม่รู้อยู่ไหน หมายความว่ายังไง น้องแปดไม่สามารถดูแลคนของตำหนักตัวเองได้?” หรงเยี่ยแสดงความไม่พอใจเล็กน้อย

เรื่องที่เกี่ยวกับผู้หญิง เขามักจะตัดปัญหาเสมอ ถ้าไม่ตัดปัญหาให้จบก็มีแต่นำจะปัญหามาสู่ตัวเอง

ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับฉินซานหลิง เขาจึงตัดปัญหาโดยการไม่สนใจความคิดของอีกฝ่ายโดยไม่ลังเลใจเลย

และพูดถึงอีกเรื่องคือ ตอนที่แต่งงานกับหวานวานเอ๋อร์ เขาก็ใช้การกระทำของเขาเพื่อบอกกับทุกคนว่า เขาไม่เคยยอมรับหลานวานเอ๋อร์เป็นภรรยาของเขา

แต่เมื่อเรื่องนี้เกิดกับน้องชายของเขา ดูเหมือนเขามักจะเจอแต่โชคร้ายอยู่เสมอ

“เป็นเรื่องจริงที่น้องแปดไม่เคยสนใจกวนปี้อวี้ ให้นางใช้ชีวิตอิสระในจวนอ๋อง เขาก็คงคิดว่าสถานะนางสนมชั้นต่ำในจวนที่ให้กับนาง นางคงไม่พอใจ จึงตัดสินใจออกจากจวน แต่เขาคิดไม่ถึงว่านางสนมชั้นต่ำกลับตั้งครรภ์ ข้าเคยให้คนไปสืบที่จวนอ๋องเซ่อเจิ้ง ว่ากันว่า ตอนที่กวนปี้อวี้ถูกนำตัวไปที่สวนอี้ แม่นมเถียนได้ให้นางดื่มซุปคุมกำเนิดแล้ว แต่ไม่คาดคิดว่านางจะตั้งครรภ์”

เมื่อหรงเยี่ยได้ยินคำพูดเหล่านี้ ก็พูดว่า :“จัดการไม่ยาก!”

เขาก้มหัวลง กระซิบอะไรบางอย่างที่หูของไป๋ชิงหลิง

หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของไป๋ชิงหลิงก็เป็นประกาย และเงยหน้าขึ้นมองหรงเยี่ย :“ท่านเจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว เช่นนั้นไม่เป็นการปิดตายหนทางของกวนปี้อวี้หรือ อย่างไรก็ตาม มีประโยคหนึ่งที่ท่านเตือนสติข้า..........”

ก่อนที่เธอจะพูดจบ หรงเยี่ยก็อุ้มเธอขึ้นมา แล้วเดินไปที่เตียง

ในค่ำคืนนี้ มีบรรยากาศที่คลุมเครือและเย้ายวน

วันรุ่งขึ้น เกิดเหตุการณ์ที่น่าตกใจขึ้นในเมืองหลวง

ใต้เท้าเผยแห่งกรมราชทัณฑ์ จับกุมคนจากตระกูลสวี่ และสอบปากคำเกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ของไทเฮาและการแพร่ข่าวลือ

เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าสวี่เข้าไปในห้องขังของกรมราชทัณฑ์ นางก็ตกใจมากจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ และได้ให้การสารภาพทุกอย่าง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น