เธออุ้มอาหวงไว้ในอ้อมแขน แล้วเขย่าเบาๆสองสามครั้ง เห็นได้ชัดว่าอาหวงมีความสุขมาก โดยยกกำปั้นเล็กๆของตัวเองยัดใส่ปากแล้วหัวเราะ“คิกคัก”
หรงเยี่ยยืนมองอยู่ข้างๆด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู สีหน้าและท่าทางของเสี่ยวอาหวงทำให้หัวใจของเขาแทบละลาย
หรงเยี่ยยกมือขึ้นทันที ต้องการอุ้มอาหวงมาจากอ้อนแขนของไป๋ชิงหลิง
อาหวงหยุดหัวเราะทันที ขมวดคิ้วและจ้องมองหรงเยี่ย เบะปากเล็กน้อย ดูเหมือนว่านางกำลังจะร้องไห้แล้ว
ไป๋ชิงหลิงรีบหันกลับมาพูดว่า :“นางอยากร้องไห้แล้ว นางไม่อยากให้ท่านอุ้ม อยากให้ข้าอุ้ม”
ขณะที่เธอเดินเข้าไปในห้องโถง ก็เล่นกับอาหวงไปด้วย
หรงเยี่ยเดินตามไปอย่างหมดปัญญา
คนในตำหนักก็ถอยออกไปด้านนอกห้องโถง
ทั้งสองนั่งอยู่บนเก้าอี้นุ่ม และเล่นกับลูกอยู่พักหนึ่ง
จากนั้น หรงเยี่ยก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อของเขา แล้วยื่นให้เธอ :“เจ้าดูนี่!”
“นี่คืออะไร?” ไป๋ชิงหลิงเหลือบมองเขาก่อนที่จะรับกระดาษเล็กๆแผ่นนั้น
เมื่อเธอเปิดกระดาษแผ่นนั้นออก หรงเยี่ยก็ได้อุ้มเสี่ยวอาหวงที่อยู่ในอ้อนแขนของเธอส่งให้กับแม่นม
หลังจากที่อาหวงจากไป หรงเยี่ยก็เขยิบเข้าไปหาไป๋ชิงหลิง และกอดเธอจากด้านหลัง ในเวลานี้ไป๋ชิงหลิงได้เปิดกระดาษเล็กๆแล้ว
หลังจากอ่านข้อความบนกระดาษแล้ว สีหน้าของไป๋ชิงหลิงก็ประหลาดใจ :“จืออีนางยังมีชีวิตอยู่เหรอ?”
“ใช่ เจ้าดูสัญลักษณ์ที่อยู่ข้างล่างสิ”
มุมซ้ายล่าง มีเครื่องหมายอยู่
“นี่คือจดหมายที่มาจากตระกูลเว่ย? หรือว่าจืออีจะอยู่กับแม่ทัพน้อยเว่ยและฮูหยินเว่ย”
“องครักษ์เหยี่ยวดำมารายงานว่า ฮูหยินเว่ยเป็นคนช่วยจืออีไว้ ตอนนี้อยู่ระหว่างทางกลับเมืองหลวง แม่ทัพน้อยเว่ยและฮูหยินเว่ยก็มาเมืองหลวงด้วยเช่นกัน”
“อ๊ะ!” ไป๋ชิงหลิงเพิ่งจะจำข้อตกลงที่ให้ไว้กับฮูหยินเว่ยได้ และจู่ๆเธอก็ปวดหัว :“นางน่าจะมาที่นี่เพื่อทวงหนี้”
“อะไร?” หรงเยี่ยหรี่ตาลงเล็กน้อย และเอามือโอบไหล่ของเธอ เชยคางของเธอ แล้วหันใบหน้าของเธอกลับมา
ร่างของไป๋ชิงหลิงก็หันกลับมาตามแรง
“เจ้าติดหนี้คนข้างนอกอยู่เยอะมากเหรอ?”
“หนี้สินอะไรกัน ไม่น่าฟังซะเลย” ไป๋ชิงหลิงผลักมือเขาออกไปด้วยสีหน้าที่ประหม่า :“มันคือหนี้บุญคุณ ต้นเหตุก็เป็นเพราะท่านไม่ใช่หรือ ท่านเป็นคนก่อ!”
หรงเยี่ยสีหน้าเคร่งขรึม :“ข้าไปทำอะไรอีก?”
“ท่านว่าท่านทำอะไรไว้ล่ะ ถ้าไม่ใช่........” ไป๋ชิงหลิงแตะจมูกของตัวเอง และรู้สึกผิดเล็กน้อย :“เฮ้อ อย่าเอ่ยถึงเลย ข้าเดาว่า นางต้องการให้ข้าไปต้าโจว”
ไม่ได้! หรงเยี่ยขัดจังหวะความคิดที่ไม่สมจริงของเธอโดยตรง
เริ่มออกเดินทางจากเมืองหลวงของแคว้นหรง ไปยังเมืองหลวงของต้าโจว การเดินทางไปกลับต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งปี
หรงเยี่ยรู้สึกว่าตั้งแต่ไป๋ชิงหลิงเป็นฮองเฮาเธอก็ว่างเกินไป ไม่ว่าเรื่องอะไรก็กล้าคิด
“เจ้ารู้ไหมว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการเดินทางไปกลับ?” หรงเยี่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ไป๋ชิงหลิงรู้สึกเย็นวูบที่ท้ายทอย และเหลือบมองดวงตาสีเข้มคู่นั้น
ในเวลานี้ ก็ได้ยินหรงเยี่ยพูดว่า :“อย่างเร็วก็สามเดือน หากเดินทางผ่านทะเลทราย เจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด อย่างช้าก็ครึ่งปี ใครจะคาดเดาได้ว่า เวลาครึ่งปีนี้ในวังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง หากเหล่าเสนาบดีเห็นว่าฮองเฮาหายตัวไป แล้วเสนอผู้หญิงให้ข้า ข้าสามารถบ่ายเบี่ยงได้แค่ครั้งสองครั้ง สามครั้ง ก็มาสามารถต้านทานความล่อลวงใจได้หนึ่งครั้งสองครั้งสามสี่ครั้ง แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ข้าก็ไม่รับประกันว่าจะเกิดความคิดอื่นๆขึ้นในใจของข้า เจ้าไม่กลัวว่าตอนที่เจ้ากลับมา ข้างกายข้าจะมีผู้หญิงคนอื่นเหรอ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...