อันเสวี่ยถัง "..."
ให้ตายเถอะ โดนเปิดโปงเสียแล้วสิ
อันเสวี่ยถังค่อยๆ ลืมตาขึ้น จากนั้นใช้เวลาอยู่สักพักกว่าจะมองเห็นหน้าตาของบุรุษที่อยู่ข้างๆ ตนเอง
โอ้สวรรค์!
ช่างเป็นบุรุษรูปงามอันใดเช่นนี้นะ!
ใบหน้าเช่นนี้ราวกับสลักเสลาขึ้นมาอย่างประณีต ประกอบกับจมูกโด่งสวยและริมฝีปากบางเฉียบ ถึงแม้ว่าจะไร้สีสันไปบ้าง แต่ก็ยังมีเสน่ห์รัดรึงใจคนถึงเพียงนั้น ดวงตาเปล่งประกายราวกับดาราอันเยียบเย็น และเรียวคิ้วโก่งทั้งสองข้างหนาราวกับวาดเอาไว้
ดวงตาของเขาช่างงดงามจริงๆ ทว่ากลับเฉียบคมเกินไป ถ้าอันเสวี่ยถังไม่ใช่คนที่พบเห็นโลกมามากล่ะก็ เธอคงถูกเขาทำเอาหวาดกลัวถึงตายไปแล้ว
เพียงแต่ว่า... เขากลับต้องพิษ
ใช่แล้ว อันเสวี่ยถังมองปราดเดียวก็บอกได้ว่าบุรุษตรงหน้าต้องพิษ มิหนำซ้ำพิษยังแพร่เข้าสู่อวัยวะภายในและอีกไม่นานเขาก็คงต้องตาย
เมื่อโม่อวิ๋นจิ่งเห็นว่านางกล้ามองเขาด้วยสายตาเหิมเกริม เขาก็หรี่ตาพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้นมาว่า "บอกข้ามา ไยเจ้าต้องแกล้งสลบด้วย?"
เมื่ออวิ๋นลิ่วได้ยินเช่นนี้ เขาก็พลันตื่นตัวขึ้นมาทันที เพราะเกรงว่าสตรีผู้นี้จะมุ่งเป้ามาที่โม่อวิ๋นจิ่ง
ขณะที่เขากำลังจะโยนอันเสวี่ยถังลงพื้น ในที่สุดอันเสวี่ยถังก็เอ่ยขึ้นมาว่า "หิว ข้าหิว"
ยามที่อันเสวี่ยถังอ้าปากพูดก็รู้สึกตะลึงงัน เกิดอันใดขึ้นกับเสียงของนางกันแน่?
ออกจะฟังดูไพเราะเสนาะหูเกินไปสักหน่อย ราวกับน้ำพุใสสะอาดที่ชวนให้จิตใจปลอดโปร่ง
เมื่อโม่อวิ๋นจิ่งได้ยินเสียงของนางก็ใจเต้นระส่ำ ไม่รู้ว่าเขาใจอ่อนเพราะน้ำเสียงที่ฉายแววน่าสงสารของนางหรือไม่ เขาจึงเงยหน้ามองอวิ๋นลิ่ว "หาอันใดมาให้นางกินสักหน่อยเถอะ"
อวิ๋นลิ่วรู้สึกลังเลใจ "พี่ใหญ่ ไยมิให้ข้าโยนนางออกไปนอกประตูก่อนแล้วค่อยสืบหาว่านางมาจากที่ไหน?"
สตรีผู้นี้แสร้งทำทีเป็นหมดสติ เขาเกรงว่านางอาจจะมีเจตนาแอบแฝงและเขาก็จะไม่ยอมให้เกิดเรื่องใดขึ้นกับนายท่านเป็นอันขาด
ผู้ใดจะรู้เล่าว่าสตรีผู้นี้ถูกส่งมาสังหารนายท่านของตนหรือไม่
อันเสวี่ยถังกลอกตา นางจะเป็นสิ่งของให้พวกเขาเที่ยวโยนไปทั่วเช่นนี้ได้อย่างไรกันเล่า?
ก่อนที่โยนทิ้งไปได้ถามท่านป้าดูหรือยัง?
เมื่อเห็นอันเสวี่ยถังกลอกตา โม่อวิ๋นจิ่งก็กระตุกมุมปาก เขารู้สึกว่าสตรีผู้นี้ช่างน่ารักน่าเอ็นดูและ... น่าไว้วางใจอย่างบอกไม่ถูกเลย
"นางยังไม่มีเรี่ยวแรงหรอกน่า ไปเอาน้ำกับอาหารมาให้นางสักหน่อยเถอะ"
ถึงอวิ๋นลิ่วจะรู้สึกลังเลใจ แต่ก็รีบไปเอาน้ำชามหนึ่งกับหมั่นโถวมาให้
"ลุกขึ้นมากินเถอะ" โม่อวิ๋นจิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉยชา
อันเสวี่ยถังเม้มปากพลางมองเขาด้วยสายตาวิงวอน จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทีอ่อนแรงยิ่งนักว่า "ถ้าหากข้าบอกว่า... ข้าไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะลุกขึ้น ท่านจะเชื่อหรือไม่?"
โม่อวิ๋นจิ่ง อวิ๋นลิ่ว "..."
อวิ๋นลิ่วรู้สึกสำนึกเสียใจเป็นครั้งแรก ดูเหมือนว่าเขาจะพลาดท่าจ่ายเงินผิดทางเสียแล้ว สตรีที่มีร่างกายอ่อนแอเช่นนั้นจะเป็นภรรยาของนายท่านได้อย่างไรกัน?
โม่อวิ๋นจิ่งครุ่นคิดอยู่สักครู่ แล้วยื่นมือออกมาช่วยประคองให้นางลุกขึ้นพิงกับหัวเตียง
อวิ๋นลิ่วยื่นน้ำชามหนึ่งกับหมั่นโถวให้
อันเสวี่ยถังไม่ได้เอื้อมมือออกไปรับ นางเอาแต่มองโม่อวิ๋นจิ่งด้วยสายตาที่ฉายแววน่าสงสาร "ข้ายกมือไม่ขึ้น ข้าไม่มีเรี่ยวแรงเลย"
โม่อวิ๋นจิ่ง "..."
ข้าติดค้างนางเข้าแล้วสินะ!
ในยามนี้เอง อวิ๋นลิ่วก็บังเกิดความคิดที่จะส่งนางกลับตระกูลอัน "พี่ใหญ่ หรือไม่ก็..."
ก่อนที่เขาจะทันได้พูดให้จบ โม่อวิ๋นจิ่งยกมือเพื่อบอกใบ้ให้เขาเลิกพูด โม่อวิ๋นจิ่งรรับของจากมือของอวิ๋นลิ่วแล้วป้อนน้ำชามหนึ่งถึงปากของอันเสวี่ยถัง
อวิ๋นลิ่วดวงตาเบิกกว้างด้วยความเหลือเชื่อ นายท่านของเขาคิดจะป้อนอาหารสตรีผู้นี้จริงๆ หรือ?
หลังจากอวิ๋นลิ่วรู้สึกตัว เขาก็คิดจะเอื้อมมือไปรับของเอาไว้ทันที "พี่ใหญ่ ให้ข้าทำเองเถอะ"
อันเสวี่ยถังจึงรีบเอ่ยขึ้นมาว่า "ข้าไม่อยากให้เจ้าเป็นคนทำ เพราะเจ้าหน้าตาไม่ดี"
อวิ๋นลิ่ว "!"
โม่อวิ๋นจิ่งริมฝีปากกระตุกเล็กน้อยพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า "ดื่มเถอะ"
"อื้ม" อันเสวี่ยถังอ้าปากแล้วค่อยๆ จิบน้ำแต่โดยดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ้านอาจิ่งมีหมอเทวดา
ลงต่อไหมคะ...