อันเสวี่ยถังอ่อนเพลียจริงๆ หลังจากหลับตาลง ไม่นานนางก็หลับสนิท
ถึงจะน่าแปลก แต่นางมักจะเป็นคนตื่นง่ายและเมื่อมีคนอยู่ใกล้ๆ ตัวก็จะนอนไม่หลับ แต่แปลกที่คราวนี้นางกลับหลับสนิท
เมื่อนางตื่นขึ้นมา ตะวันก็เกือบตกดินแล้ว นางหลับไปถึงสามชั่วยามเต็มๆ1
ทันทีที่อันเสวี่ยถังขยับตัว โม่อวิ๋นจิ่งก็วางตำราในมือลงแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มพร่า "ตื่นแล้วหรือ?"
อันเสวี่ยถังสะดุ้งตกใจ จากนั้นก็ตระหนักถึงสถานการณ์ของตนเองขึ้นมาได้
นางค่อยๆ ลืมตาขึ้นแล้วเห็นใบหน้าอันหล่อเหลาที่ชวนให้ทั้งคนและเทพต่างแค้นใจ มิทราบว่าเพราะเหตุใด นางถึงรู้สึกว่าการโดนส่งตัวมายังสถานที่ยากจนข้นแค้นก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างดี เพราะอย่างน้อยนางก็ได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาเช่นนี้
"เอ่อ ท่าน..." อันเสวี่ยถังเริ่มเอ่ยขึ้นมาก่อน แต่หลังจากนึกอยู่นาน นางก็ไม่รู้ว่าควรจะกล่าวอันใด
นางลุกขึ้นนั่ง หลังจากได้นอนพัก ร่างกายของนางก็ฟื้นตัวเกือบเต็มที่แล้ว
"หิวหรือไม่? อวิ๋นลิ่วกำลังทำอาหารมื้อเย็นอยู่"
โม่อวิ๋นจิ่งเอ่ยเสียงเบา เมื่ออันเสวี่ยถังพินิจดู สีหน้าของเขายังคงซีดขาว ถึงแม้ว่าดวงตาล้ำลึกจะแลดูเฉยเมยเย็นชา แต่กลับมีเสน่ห์ดึงดูดยิ่งนัก อันเสวี่ยถังรู้สึกราวกับถูกเขาดึงดูดอยู่ตลอดเวลา
"มีอันใดติดหน้าข้าอยู่หรือ?"
"เอ่อ... หะ หามีอันใดไม่" อันเสวี่ยถังก้มหน้างุด ให้ตายเถอะ เมื่อสักครู่นี้นางหลงเสน่ห์โดยไม่รู้ตัวเสียแล้ว
นางลุกขึ้นจากเตียงด้วยความรู้สึกละอายใจ พลางรีบสวมรองเท้าแล้ววิ่งออกไป "ข้าจะไปดูที่ครัวเอง"
สายตาของโม่อวิ๋นจิ่งที่ตามติดเงาร่างของนางเต็มไปด้วยแววกังขา สตรีผู้นี้ดูเหมือน... จะไม่ธรรมดาสามัญเอาเสียเลย
…
อันเสวี่ยถังวิ่งออกมาจากเรือนแล้วลูบอก จริงๆ เลย ในเมื่อไม่มีอันใดผิดปกติ ไฉนหัวใจดวงนี้ถึงได้เต้นเร็วเพียงนั้นเล่า?
อวิ๋นลิ่วกำลังจัดการกับไก่ป่าอยู่ในลานเรือน เมื่อเขาได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวก็เงยหน้ามองพลางกล่าวว่า "พี่สะใภ้ เจ้าตื่นแล้ว ประเดี๋ยวข้าจะย่างไก่ป่าให้เจ้ากิน เจ้าช่วยไปซื้ออาหารที่หมู่บ้านได้หรือไม่?"
ไม่ว่าสถานะของสตรีผู้นี้จะไม่คู่ควรกับนายท่านของเขาสักเพียงใด อย่างน้อยตอนนี้นางก็เป็นภรรยาแต่เพียงในนามของนายท่านแล้ว ดังนั้นการที่เขาเรียกนางว่าพี่สะใภ้ก็นับว่าเหมาะสมแล้ว
อันเสวี่ยถังเลิกคิ้ว "ยังต้องซื้ออาหารอยู่อีกหรือ?" เขากำลังทำอาหารอยู่มิใช่หรือ?
อวิ๋นลิ่วมีสีหน้ากระอักกระอ่วน "อืม... ข้าทำอาหารไม่เป็น ข้าจึงได้แต่ย่างไก่ป่าเท่านั้นแล้ว"
"ข้าจะทำเอง" อันเสวี่ยถังถลกแขนเสื้อขึ้น บอกตามตรงว่านางไม่อยากจะกินหมั่นโถวแข็งๆ แล้วจริงๆ
ต่อให้นางไปซื้ออาหารที่หมู่บ้าน นางก็คงไม่ได้อันใดนอกเสียจากหมั่นโถว
ก่อนที่อันเสวี่ยถังจะหันหลังกลับเข้าไปในครัว จู่ๆ ก็หันกลับมา "หลังจากเจ้าจัดการกับไก่ป่าเสร็จแล้ว อย่าเพิ่งเอาไปย่างเล่า เอามันเข้ามาในครัวแล้วข้าจะจัดการให้เอง"
"ได้สิ"
อวิ๋นลิ่วครุ่นคิด อย่างไรเสียอันเสวี่ยถังก็เป็นหญิงชาวบ้าน การทำอาหารคงจะมิใช่ปัญหาสำหรับนางหรอก ดูเหมือนว่านางก็ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์ไปเสียทีเดียว
อันเสวี่ยถังเข้ามาในครัวแล้วเริ่มเลือกส่วนผสม มีแป้งถุงเล็ก ข้าวขาวถุงเล็ก เกลือหยาบชามใหญ่และเกลือละเอียดปริมาณเล็กน้อย
นอกเหนือไปจากนั้น ก็ไม่มีเครื่องปรุงรสอันใดแล้ว!
แม้แต่น้ำมันก็ไม่มี นางควรจะทำเช่นไรดี?
โชคดีที่ยังมีหม้อกับกะทะอยู่
ในยุคโบราณ ไม่มีทั้งเตาแก๊สหรือไฟฟ้า อันเสวี่ยถังจ้องมองมาที่เตาไฟอยู่นานแล้วถอนหายใจแรงๆ แล้วเริ่มขยับตัว
โชคดีที่นางยังรู้วิธีก่อไฟ
อันเสวี่ยถังซาวข้าวแล้วเริ่มนึ่งข้าวขาว
อวิ๋นลิ่วขยับตัวว่องไวยิ่งนัก ใช้เวลาไม่นานเขาก็เอาไก่ป่าที่เตรียมไว้แล้วเข้ามา "พี่สะใภ้ เจ้าทำอาหารเป็นจริงๆ ใช่ไหม? ให้ข้าย่างเสียเลยเป็นอย่างไร?"
อันเสวี่ยถังยิ้มพลางกล่าวว่า "อย่าห่วงไปเลย คืนนี้เจ้าย่อมมีของให้กินอย่างแน่นอน"
อวิ๋นลิ่วมิได้กล่าวอันใดอีก เขาหย่อนไก่ป่าลงไปในหม้อแล้วอันเสวี่ยถังก็บอกให้เขาออกไปก่อน นางไม่คุ้นเคยกับการมีคนอยู่ใกล้ๆ ระหว่างที่กำลังทำงาน ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็คงช่วยอันใดได้ไม่มากนักหรอก
อันเสวี่ยถังหยิบไก่ป่าขึ้นมาดู มันค่อนข้างตัวอวบอ้วนทีเดียว พอนึกว่าที่เรือนไม่มีน้ำมันเลย นางก็หยิบมีดทำครัวขึ้นมาเฉือนส่วนที่อุดมไปด้วยน้ำมันของไก่ป่าอย่างว่องไว
ทันใดนั้นนางก็ใส่เกลือหยิบมือหนึ่งลงไปในท้องไก่ป่า หลังจากครุ่นคิดอยู่สักครู่ นางก็ออกจากครัวแล้วเดินวนรอบเรือนไม้ แน่นอนว่านางพบต้นหอมป่าไม่กี่ต้นกับขิงไม่กี่แง่ง ในขณะเดียวกัน นางก็ไม่คาดคิดว่าจะได้ผักจี้ไช่3ชิ้นเล็กๆ เสียด้วยซ้ำไป
นางเด็ดต้นหอมป่ามาสองสามต้น ขิงแง่งหนึ่งและผักจี้ไช่กำมือหนึ่ง หลังจากกลับมาแล้ว นางก็ล้างต้นหอมป่ากับขิง จากนั้นก็หั่นพวกมันเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วยัดเข้าไปในท้องไก่ป่า
หลังจากน้ำเดือดแล้ว อันเสวี่ยถังก็หย่อนไก่ป่าลงไปในหม้อแล้วปรุงอาหาร
จากนั้นนางก็ล้างผักจี้ไช่ หลังจากไก่ป่าสุกแล้ว นางก็เริ่มเอาน้ำมันจากไก่ป่ามาทอดผักจี้ไช่... อันเสวี่ยถังยอมรับว่านี่เป็นการลงมือทำครั้งแรกของตน แต่กลับรสชาติดีจนอย่างประหลาด
…
ในยามนี้เอง ภายในห้องของโม่อวิ๋นจิ่ง โม่อวิ๋นจิ่งสีหน้าเคร่งขรึมและสายตาคมกริบ อวิ๋นลิ่วประสานมือพลางกล่าวกับโม่อวิ๋นจิ่งด้วยท่าทางที่แทบจะขอร้องวิงวอนอยู่แล้วว่า "นายท่านขอรับ ท่านต้องมีบุตรนะ!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ้านอาจิ่งมีหมอเทวดา
ลงต่อไหมคะ...