เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1

บทส่งท้าย 1.2 ประตู ณ นอกพิภพ

………………..

บทส่งท้าย 1.2 ประตู ณ นอกพิภพ

ประตูแห่งนี้พาไปที่ไหนกัน? ทำไมถึงไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย?

ในใจเขาเกิดคำถามขึ้นมากมาย ทำให้เหลิ่งซิงหุนชะงักค้างไป

เต๋าอู๋ซวงไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่ม

ไม่นาน จำนวนทวีปที่ล่องลอยอยู่ในวงสายตาก็เริ่มลดจำนวนลง จากนั้นก็ไม่เหลืออะไรอีก ไม่เห็นอะไรอีกเลย

ฟ่าว!

เต๋าอู๋ซวงหยุดเคลื่อนไหว นัยน์ตากระจ่างระบายแววเยือกเย็นกวาดมองรอบกาย ไม่นานก็ต้องขมวดคิ้ว

“เป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร?” เต๋าอู๋ซวงสูดลมหายใจเข้าลึก กระแสพลังผันผวนล้อมรอบกาย เหมือนกำลังตามหาบางอย่างอยู่ สีหน้านางจึงเคร่งเครียดยิ่ง

เหลิ่งซิงหุนยืนอยู่ด้านข้างไม่กล้ารบกวน ชะตาชีวิตเขาอยู่ในกำมือนาง ไม่ว่าตอนนี้จะสับสนหรือมีคำถามมากมายขนาดไหน ตอนนี้ก็ได้แต่ทำตามคำสั่งนางเท่านั้น

“เหตุใดจึงหาไม่เจอ? เป็นไปไม่ได้หรอก! มันเป็นเส้นทางที่เทวราชาในตระกูลข้าสร้างขึ้นมา คนในโลกนี้จะทำลายมันได้อย่างไร?” เต๋าอู๋ซวงเปลี่ยนสีหน้าในพลันหลังผ่านไประยะหนึ่ง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความสับสน ในใจเริ่มปรากฏความรู้สึกอันตราย

“หรือประตูนั้นจะหายไปแล้ว?” เหลิ่งซิงหุนเอ่ยเสียงเบา

“หุบปาก!” เต๋าอู๋ซวงด่ากราดด้วยใบหน้าเย็นชา ตอนนี้นางท่าทางเหมือนอสูรโบราณที่กำลังปล่อยกลิ่นอายดุดัน คล้ายอยากเขมือบศัตรูเข้าไปทั้งตัวอย่างไรก็อย่างนั้น

เหลิ่งซิงหุนพลันมีสีหน้าไม่น่ามองทันใด แต่ก็ยับยั้งตนเองไว้แล้วไม่ว่าอะไร

“เวร! เราต้องรีบไปแล้ว!” เต๋าอู๋ซวงขมวดคิ้วคิดอยู่นาน ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนผัน เหมือนนางนึกอะไรขึ้นได้จึงสะบัดแขนเสื้อปล่อยแสงเรืองออกมา คิดจะจากไปพร้อมกับเหลิ่งซิงหุน

แต่น้ำเสียงเรียบเรื่อยก็ดังก้องกังวานขึ้นภายในโลกอันบึงหวานแห่งนี้ “ไหน ๆ ก็มาแล้วเหตุใดจึงรีบไปนักเล่า?”

กลิ่นอายพลังบัญชาอันน่าเกรงขามพลันพุ่งผ่านห้วงมิติยามเสียงนั้นดังขึ้นมา

มันเป็นกลิ่นอายที่เหนือกว่าโชคชะตา สั่นสะท้านไปทั่วทั้งโลกา แม้จะมองไม่เห็นจับต้องไม่ได้ แต่ก็ทำให้ทั้งเต๋าอู๋ซวงและเหลิ่งซิงหุนร่างแข็งค้างไปจนไม่กล้าขยับ

ตอนนี้พวกเขารู้สึกเหมือนถูกขังไว้ในกรงล่องหน ไม่ว่าจะหนีไปทางไหนก็หนีบทลงโทษถึงชีวิตไม่พ้น!

แต่พริบตาเดียว เต๋าอู๋ซวงก็กัดฟันสูดลมหายใจเข้าลึก แสงเรืองแห่งเต๋าพุ่งออกมาจากในกายนาง พร้อมกับเสียงร้องตะโกนลั่น!

ตู้ม!

ห้วงมิติสะบั้น พลังบัญชาเริ่มตกอยู่ในความโกลาหล

“นี่คือความแข็งแกร่งของยุคสมัยอื่นหรือ? ช่างแปลกประหลาดเสียจริง น่าเสียดายที่เจ้าไม่ใช่เทวราชาของยุคนั้น ยังอ่อนแอเกินไป” เมื่อน้ำเสียงเรียบเรื่อยนั่นดังขึ้น โซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาก็โปรยลงมาระยิบระยับ บดขยี้ทำลายพลังที่เต๋าอู๋ซวงปล่อยออกมาทันที

อั่ก!

ร่างนางสั่นสะท้านพร้อมกับกระอักเลือดออกมาจนใบหน้าขาวซีด ความหวาดกลัวในใจยิ่งขยายลึก

เพราะนางรู้แล้วว่าเขาเป็นใคร!

ส่วนเหลิ่งซิงหุนนั้นก็เหมือนหญ้าแห้งเส้นหนึ่งท่ามกลางมหาสมุทรอันเชี่ยวกรากยามการต่อสู้ปะทุขึ้น ไม่อาจคุมตนเองได้เลย เขาถูกขังอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เริ่ม เป็นเหมือนลูกแกะรอเชือด ไร้แม้แต่เรี่ยวแรงจะดิ้นรน

ตอนนี้โซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าอย่างหนาแน่น ปลดปล่อยแสงศักดิ์สิทธิ์เรืองรองออกมาส่องประกายรอบด้าน

ร่างสูงดูโดดเด่นของคนผู้หนึ่งยืนอยู่เหนือโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชา เขาอยู่ในชุดสีเขียว ผมยาวสยายพลิ้วอยู่ด้านหลัง ใบหน้าหล่อเหลาดูสุขุมนุ่มลึก เหมือนเป็นเทวราชาผู้อยู่เหนือทุกอย่าง ยืนปล่อยกลิ่นอายสูงส่งภูมิฐานออกมา คล้ายว่าทุกชีวาต้องยอมสยบ

เฉินซี!

เต๋าอู๋ซวงหน้าเปลี่ยนสีเผยอารมณ์ซับซ้อนขึ้นในใจ ทั้งขื่นขม ไม่พอใจ และไม่ยินยอม

ส่วนเหลิ่งซิงหุนเหมือนถูกฟ้าผ่า ใบหน้าบิดเบี้ยวเบิกตากว้างแทบถลน เหมือนไม่อยากเชื่อสายตาตน

ก็แน่สิ ใครจะไปคิดว่าตอนนี้เขาก็ยังหนีเฉินซีไม่พ้น ทั้งที่ออกมาสุดขอบนอกพิภพขนาดนี้แล้ว

“จริง ๆ ข้าน่าจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเจ้าเป็นคนอยู่เบื้องหลัง” เต๋าอู๋ซวงถอนหายใจ ใบหน้าฉายแววขมขื่น “มีแต่เจ้าที่สามารถกวาดล้างสิ่งมีชีวิตทั่วทั้งนอกพิภพได้โดยไม่เหลือร่องรอยใดไว้”

เฉินซีเอ่ยเสียงเรียบ “ผิดแล้ว ข้าไม่ได้ฆ่าพวกคนต่างพิภพหรอก เพียงแต่เอาไปซ่อนไว้เท่านั้น สุดท้ายแล้วพวกเขาส่วนหนึ่งก็เป็นคนมาจากสามภพ ตอนนี้ข้าเป็นเทวราชาของโลกนี้แล้ว ย่อมไม่ปล่อยให้พวกเขาต้องร่อนเร่ไปไกลจากบ้านเกิดอีก”

เขาเงียบไปเล็กน้อยแล้วกล่าวต่อ “ส่วนพวกที่ไม่ได้มาจากสามภพ ข้าก็ไม่ได้ลงมือสังหารเช่นกัน เพราะข้าอาจจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับอารยธรรมอื่นจากพวกนั้นก็ได้”

เต๋าอู๋ซวงพลันเปลี่ยนสีหน้า “เจ้ารู้ตัวตนของข้าแล้วหรือ?”

เฉินซีพยักหน้า “ใช่แล้ว”

เฉินซีเอ่ย “เจ้าก็ลองพูดถึงเส้นทางนำไปสู่อารยธรรมอื่นหรือ?”

เต๋าอู๋ซวงกัดฟันตอบ “ใช่”

เฉินซียิ้ม “ย่อมทำลายไปแล้ว ไม่เช่นนั้นข้าจะเสียเวลาเปิดอีกเส้นทางเพื่อไปสู่อารยธรรมอื่นไปทำไมกัน?”

เต๋าอู๋ซวงชะงัก เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่อยากเชื่อ “เจ้า…. หรือเจ้าคิดจะบุกรุกจักรวาลวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของข้า?”

เฉินซีเอ่ยเสียงเรียบ “ในเมื่อประตูนั่นถูกสร้างขึ้นเพื่อมาบุกรุกจักรวาลสามภพของข้า เหตุใดข้าจะไปฝั่งเจ้าบ้างไม่ได้เล่า?”

เต๋าอู๋ซวงหัวเราะด้วยโกรธจัด “โอหังนัก! คิดหรือว่าจะดูหมิ่นเทวราชาจากจักรวาลอารยธรรมอื่น ๆ ได้เพราะตนสามารถขึ้นครองจักรวาลสามภพ? บอกกันตามตรง จักรวาลวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของข้ามีเทวราชาก่อนจักรวาลสามภพจะถือกำเนิดเสียอีก!”

เฉินซียังคงความสุขุมไว้ “เช่นนั้นก็ดี แค่สังหารเทวราชาของจักรวาลวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อะไรนั่นได้ ที่นั่นก็จะตกเป็นของข้าได้เลยสินะ”

เต๋าอู๋ซวงใบหน้าบิดเบี้ยว ไม่รู้ว่าเฉินซีทำท่าโอหังขนาดนี้ได้อย่างไร เหตุใดคนอย่างเขาถึงได้กลายเป็นเทวราชาหนึ่งเดียวแห่งจักรวาลสามภพได้?

แต่ไฟโกรธในใจนางก็ถูกดับมอดทันใดเมื่อคิดว่าตนตกอยู่ในสถานการณ์เช่นไร ความโกรธถูกแทนที่ด้วยความสิ้นหวัง

นางรู้ว่าวันนี้ตนคงหนีความตายไม่พ้นแล้ว

เฉินซีเหมือนไม่คิดอยากคุยกับเต๋าอู๋ซวงอีก กวาดสายตาไปมองเหลิ่งซิงหุนด้วยความสนใจ “ก็อย่างที่เขาว่า กระต่ายเจ้าเล่ห์มีสามรัง ตอนแรกข้าก็ไม่เชื่อนะ แต่ดูท่าข้าจะประเมินความสามารถเจ้านิกายอำนาจเทวะต่ำไปจริง ๆ ”

เหลิ่งซิงหุนอึ้งไป หมายความว่าอย่างไรกัน?

ทว่าเต๋าอู๋ซวงดูจะเข้าใจ สีหน้าเปลี่ยนผันพลางร้องลั่นถามขึ้นทันใด “เจ้า…. เจ้าไปรู้อะไรมาอีก?”

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]