บทที่ 1002 สัพพัญญูผู้โอ้อวด
บทที่ 1002 สัพพัญญูผู้โอ้อวด
“เซียนลึกลับ!”
ทุกคนต่างตื่นตกใจ เพราะมันผ่านไปเพียงชั่วครู่ที่ชิงซิ่วอี้จากไป แต่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับกลับถูกจับ และถูกโยนลงไปกองกับพื้นเหมือนสุนัขที่ตายแล้ว รวมถึงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดอย่างไม่รู้จบเช่นนั้น
ผลกระทบทางสายตาที่เกิดจากเหตุการณ์นี้ ได้ดำเนินมาถึงจุดสูงสุดแล้ว และหากพวกเขาไม่เห็นมันด้วยสองตาตนเอง คงไม่มีใครกล้าเชื่อว่าเซียนลึกลับจะปรากฏตัวตรงหน้าพวกเขาในสภาพที่ดูไม่ได้และน่าอับอายเช่นนี้
แม้พวกเขาบางคนจะเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพี แต่คนส่วนใหญ่ก็เป็นศิษย์รุ่นเยาว์ของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง ซึ่งสำหรับพวกเขาแล้ว ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนสวรรค์เป็นเหมือนเทพที่อยู่บนฟากฟ้า ซึ่งพวกเขาทำได้เพียงแหงนมอง
ถึงกระนั้น ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับดังกล่าวกลับต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ และถ้าเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนสวรรค์คงถูกสังหารไปตั้งนานแล้ว…
ความรู้สึกในใจของทุกคนในยามนี้อาจกล่าวได้ว่าซับซ้อนและตกใจขีดสุด
แต่ความรู้สึกเหล่านี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นความเลื่อมใสในที่สุด มันเป็นการแสดงความเคารพอย่างจริงใจต่อชิงซิ่วอี้ โดยไม่ได้เสแสร้งเลยแม้แต่น้อย
แต่ชิงซิ่วอี้ดูจะไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องทั้งหมดนี้ นางเพียงก้าวเดินไปหาเฉินอัน จากนั้นมองเขาพร้อมกล่าวว่า “แม่ผิดต่อตัวเจ้า”
มันเป็นคำพูดเพียงไม่กี่คำ แต่กลับทำเฉินอันตื้นตันจนแทบควบคุมตัวเองไม่ได้ และเขาต้องข่มความรู้สึกของตนเองเป็นเวลานาน ก่อนจะส่ายหน้าพร้อมกล่าวว่า “ลูกสบายดี”
บทสนทนาเช่นนี้ดูจะไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดขึ้นระหว่างมารดากับบุตร
แต่มันก็เกิดขึ้นจนได้
…ไม่ว่าจะเป็นชิงซิ่วอี้หรือเฉินอัน ทั้งคู่ต่างรู้สึกว่านี่คือบุตรหรือมารดาในใจของพวกเขา แม้ว่าเวลาจะผ่านไปหลายปี พวกเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย นับประสาอะไรกับความห่างไกลและความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคย
เฉินซีเพียงยิ้มบางเมื่อเห็นสิ่งนี้ จากนั้นเขาก็จ้องมองไปยังผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับบนพื้น
คนผู้นี้คือชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อปักลายและเสื้อคลุมขนพังพอน รูปร่างหน้าตาของอีกฝ่ายหล่อเหลาและประณีตราวกับหยกเนื้อดี แต่กลิ่นอายของเจ้าตัวในขณะนี้กลับหดหู่ยิ่ง และสีหน้าของเขาก็ซีดเซียว ในขณะที่เลือดไหลออกมาจากมุมปากอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังมีร่องรอยความหวาดกลัวและความคับข้องใจเผยออกมาตรงหว่างคิ้ว
“นาม?” เฉินซีถามอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่ได้แสดงความเห็นอกเห็นใจใด ๆ
“ชิวอวิ๋นเซิง” ชายวัยกลางคนพยายามลุกขึ้นนั่ง เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส รวมถึงกำลังทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดที่ยากจะอธิบาย แต่เจ้าตัวก็ยังอดทนต่อมันอย่างสุดกำลัง และพยายามรักษาท่วงท่าที่สง่างาม ในขณะที่จัดแจงเสื้อผ้าของตัวเองอย่างเงียบ ๆ
“นิกาย?”
“ภูเขาหมอกเซียน”
“เหตุใดเจ้าจึงมาที่นี่?”
“กระบี่เต๋าวิบัติ”
“กี่คน?”
“ข้าน่าจะเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่”
เฉินซีและผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับซึ่งเรียกตัวเองว่าชิวอวิ๋นเซิง ได้แลกเปลี่ยนคำถามกับคำตอบที่กระชับและครอบคลุม ยิ่งกว่านั้น ชิวอวิ๋นเซิงยังค่อนข้างให้ความร่วมมือ และไม่แสดงอาการลังเลหรือปฏิเสธใด ๆ
สิ่งนี้ทำให้เฉินซีอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองชายคนนี้อีกสองสามครา
แม้จะมองเพียงแวบเดียว แต่ดูเหมือนว่าชิวอวิ๋นเซิงจะเข้าใจความคิดของอีกฝ่าย ดังนั้นเจ้าตัวจึงว่า “มันแปลกมากหรือ? อันที่จริงเรื่องนี้ไม่มีอันใดแปลกเลย ข้าแค่ไม่อยากตายอย่างน่าสยดสยองเช่นนั้น”
ขณะที่พูด เขายังคงจัดแจงเสื้อผ้าอยู่ การเคลื่อนไหวของคนผู้นี้ระมัดระวัง และดูจะรักสะอาดเป็นพิเศษ เพราะเจ้าตัวขมวดคิ้วทุกครั้งที่นิ้วสัมผัสบริเวณเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือด รวมทั้งยังพยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณนั้น
แยกแยะการเคลื่อนไหวเหล่านี้ไม่ได้ยากเลย ชิวอวิ๋นเซิงนั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับ ที่รักสะอาด และพิถีพิถันกับรูปลักษณ์หน้าตาของตัวเองเป็นพิเศษ
การค้นพบนี้ ทำให้เฉินซีตระหนักได้ทันทีว่า หากต้องการรีดข้อมูลจากชายคนนี้ การโยนอีกฝ่ายลงไปในส้วมซึม อาจเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการบรรลุผล
น่าเสียดายที่ชิวอวิ๋นเซิงก็คิดถึงเรื่องนี้อยู่เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงไม่ให้โอกาสเฉินซีในการรีดข้อมูลด้วยวิธีนั้น และยินยอมตอบทุกคำถามของเฉินซี กลายเป็นคนทรยศโดยสมบูรณ์!
“เหตุใดเจ้าถึงไม่มาที่นิกายกระบี่เก้าเรืองรองโดยตรง” เฉินซีถามอีกครั้ง
“ข้าชอบใช้หัวไม่ใช่กำลัง ในเมื่อสามารถบรรลุเป้าหมายด้วยแผนการได้ ข้าก็จะไม่เอาตัวไปเสี่ยงเป็นอันขาด”
ชิวอวิ๋นเซิงให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แม้ว่าเขาจะต้องทนกับความเจ็บปวดที่รุนแรง แต่เจ้าตัวก็ยังกล่าวอย่างมั่นใจด้วยท่าทางที่ใจเย็น “ข้าเป็นเพียงผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนลึกลับ ในขณะที่นิกายกระบี่เก้าเรืองรองมีผู้อาวุโสสามคนที่มีความแข็งแกร่งที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ กอปรกับมีข้อจำกัดและสมบัติบางอย่างที่ไม่รู้จัก ดังนั้นข้าจึงตระหนักได้ทันทีว่า การที่ข้ามาเยือนภพมนุษย์ในครั้งนี้ ข้าไม่อาจใช้กำลังได้”
นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินซีได้พบกับศัตรูเช่นนี้ ตัวเขาจึงอดไม่ได้ที่จะชื่นชมความกล้าหาญและความเฉลียวฉลาดของอีกฝ่ายเล็กน้อย
เขาขี้ขลาดหรือไม่?
ย่อมไม่ใช่อย่างแน่นอน!
เพราะนี่คือภพมนุษย์ ในขณะที่ชิวอวิ๋นเซิงเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับ อีกทั้งเจ้าตัวยังเป็นผู้นำของเซียนสวรรค์สองคนและกลุ่มคนรับใช้จากภพเซียน ดังนั้นอีกฝ่ายจะไม่ได้ทุกสิ่งที่ต้องการในภพมนุษย์ได้อย่างไร?
หากเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับคนอื่น คงบุกเข้าไปในนิกายกระบี่เก้าเรืองรองตั้งนานแล้ว จากนั้นจึงค่อยใช้วิธีที่ง่ายที่สุดและตรงไปตรงมาในการจัดการกับทุกสิ่ง
แต่ชิวอวิ๋นเซิงกลับไม่ทำเช่นนั้น บางทีนี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาถูกตัดสินว่าเป็นคนขี้ขลาด แต่ตอนนี้เขาตกเป็นเชลยศึกแล้ว แต่เจ้าตัวยังคงเผชิญกับสิ่งนี้ด้วยท่าทางที่สุขุมและเยือกเย็น ซึ่งนี่ไม่ใช่สิ่งที่คนขี้ขลาดจะทำได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...