บทที่ 1004 การถ่ายทอดความรู้
บทที่ 1004 การถ่ายทอดความรู้
ที่หน้าประตูทางเข้าสู่นิกายนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง เหมือนกับถนนที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนและมีเสียงอึกทึกครึกโครม
ศิษย์เหล่านั้นที่ไม่เคยพบเฉินซีมาก่อน ต่างจ้องมองด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง และมองมาที่ชายหนุ่มในทุกย่างก้าวทุกการกระทำ ดังนั้นพวกเขาจึงได้เห็นร่างสูงใหญ่และใบหน้าหล่อเหลาของเฉินซีอย่างถนัดตา เช่นเดียวกับทุกอิริยาบถของชายหนุ่มที่เต็มด้วยความสง่างามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ทำให้พวกเขาได้แต่สรรเสริญในใจอย่างไม่รู้จบ
เหล่าศิษย์และผู้อาวุโสที่รู้จักเฉินซีล้วนมีท่าทางภาคภูมิใจแทน จากนั้นพวกเขาก็บอกเล่าเกี่ยวกับวีรกรรมที่ยอดเยี่ยมต่าง ๆ ที่เฉินซีได้ทำสำเร็จให้แก่เหล่าศิษย์ใหม่ที่อยู่เคียงข้าง ในขณะที่รู้สึกภาคภูมิใจเช่นกัน
ชิงซิ่วอี้ชำเลืองมองชายหนุ่ม และกล่าวว่า “ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าเจ้าจะเป็นที่นิยมขนาดนี้”
เฉินซีตะลึงเล็กน้อยเช่นกันเมื่อเห็นฉากนี้ และเมื่อได้ยินชิงซิ่วอี้หยอกล้อ ชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะลูบจมูกและยักไหล่ “ก็ดีกว่าไม่มีใครสนใจข้าเลยจริงหรือไม่?”
เมื่อกล่าวจบ เฉินซีก็ถอนหายใจเสียงยาว เขายังจดจำได้ว่า ตอนที่เขาเพิ่งเข้าร่วมกับนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง ผู้อาวุโสเยว่ฉือของยอดเขาจรัสตะวันออก มักคอยสร้างปัญหาให้กับเขาอยู่ร่ำไป แต่ตอนนี้ไม่มีใครในนิกายกล้าดูถูกเขาอีกแล้ว
นี่คืออำนาจและอิทธิพล!
ทว่ามันก็มาจากสิ่งเดียว นั่นคือความแข็งแกร่ง!
ในขณะเดียวกันนั้น ประมุขเวินหัวถิงได้พาผู้อาวุโสเลี่ยเผิงและผู้อาวุโสคนอื่น ๆ มาถึงที่นี่ ดวงตาของทุกคนต่างทอประกายสว่างวาบ ในขณะที่พวกเขารู้สึกมีความสุขอย่างยิ่งเมื่อเห็นเฉินซี
แต่เมื่อสายตาของพวกเขาจับจ้องไปทางชิงซิ่วอี้ พวกเขาก็ตกตะลึงเล็กน้อย ก่อนที่ม่านตาของทุกคนจะหรี่ลง จากนั้นความตกใจที่ไม่สามารถปกปิดได้ก็แวบผ่านดวงตาของพวกเขา
เฉินซีทราบดีถึงสาเหตุของเรื่องนี้ เพราะไม่ว่าชิงซิ่วอี้จะควบคุมกลิ่นอายที่น่าเกรงขามของนางอย่างไร แต่นางก็เป็นเซียนทองคำแล้ว ไม่ต้องกล่าวถึงเวินหัวถิงและคนอื่น ๆ แม้แต่เซียนสวรรค์ทั่วไปหรือเซียนลึกลับก็ยังรู้สึกกดดันตามสัญชาตญาณเมื่อพบนาง
แต่เฉินซีไม่เต็มใจจะอธิบายมากนัก เขาจึงยิ้มในขณะที่เดินไปข้างหน้าและคารวะเวินหัวถิงกับคนอื่น ๆ หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็แนะนำชิงซิ่วอี้ เฉินอัน และเฉินอวี่ให้ทุกคนรู้จัก
เมื่อพวกเขาพบว่าเด็กหนุ่มสองคนที่มีพรสวรรค์อันไม่ธรรมดาคือ บุตรชายและหลานชายของเฉินซี ดวงตาของผู้อาวุโสทุกคนก็เปล่งประกาย อีกทั้งหัวใจของพวกเขายังเร่าร้อนไปด้วยความปรารถนาอย่างไม่รู้จบ
“เอ่อ เฉินซี เด็กน้อยสองคนนี้คงยังไม่มีอาจารย์กระมัง? เหตุใดพวกเขาไม่ติดตามข้าล่ะ” ผู้อาวุโสคนหนึ่งไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้และมองไปยังเฉินซีด้วยความหวัง
ผู้อาวุโสที่อยู่ข้างกันเอ่ยคัดค้านทันที “ไม่ได้! ตาเฒ่าประหลาดเมิ่ง ต้นกล้าทั้งสองนี้มีพรสวรรค์อย่างไม่มีใครเทียบได้ แล้วพวกเขาจะต้องมาเสียเปล่าหากตกอยู่ในมือของเจ้าได้อย่างไร? เป็นการดีกว่าที่จะให้ข้าชี้แนะพวกเขาด้วยตัวเอง”
“ผู้อาวุโสหลัว เจ้าไม่โลภเกินไปหน่อยหรือ? เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้! ข้าก็อยากได้พวกเขาเป็นศิษย์เหมือนกัน!”
“ฮึ่ม! พวกเจ้าทุกคนไม่รู้จักพอและไม่มีเหตุผล! แม้ว่าข้าจะไม่ได้แข็งแกร่งที่สุดในนิกาย แต่ถ้าในแง่ของการถ่ายทอดเคล็ดวิชาบ่มเพาะ หากข้าเรียกตัวเองว่าเก่งที่สุดเป็นอันดับสอง คงไม่มีใครกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นอันดับหนึ่ง!”
ทันใดนั้น บริเวณโดยรอบก็ตกสู่ความโกลาหลทันที เนื่องจากผู้อาวุโสทั้งหมดดูเหมือนหมาป่าที่เห็นกระต่ายสองตัว ใบหน้าของพวกเขาแดงก่ำด้วยความโกรธ ขณะที่พวกเขาโต้เถียงกันและเกือบจะต่อสู้กัน
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ขากรรไกรของเหล่าศิษย์ที่อยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าแทบหล่นลงมาที่พื้น และพวกเขาไม่กล้าเชื่อเลยว่า ผู้อาวุโสระดับสูงของนิกายที่ปกติจะสง่างามและทรงพลังดั่งเทพจะกลายเป็นเช่นนี้ กิริยาท่าทาง? ศักดิ์ศรีหน้าตา? ทั้งหมดล้วนหายไปสิ้น!
เฉินซีตะลึงงัน เขามองไปยังเวินหัวถิงเป็นเชิงขอความช่วยเหลือ
อย่างไรก็ตาม เวินหัวถิงกลับไอแห้ง ๆ และกล่าวว่า “เฉินซี แม้เจ้าจะรู้ว่าข้าไม่ได้รับศิษย์มาหลายปีแล้ว แต่เด็กน้อยทั้งสองคนนี้ไม่เลวเลย ดังนั้นข้าคิดว่า…”
“ไม่ได้!” ผู้อาวุโสเหล่านั้นหยุดโต้เถียงทันที และคัดค้านโดยพร้อมเพรียงกัน
เฉินซีทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย เขาจึงมองไปทางเฉินอวี่และเฉินอัน ราวกับต้องการจะกล่าวว่า ‘ดูสิ พวกเจ้ายังเป็นที่นิยมมากกว่าข้าเสียอีก…’
ในทางกลับกัน เฉินอวี่กับเฉินอันต่างตกตะลึง เพราะพวกเขาไม่ทันได้ตั้งตัวจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า
“พวกเจ้าสองคนยินดีรับข้าเป็นอาจารย์หรือไม่? ตราบใดที่เจ้าเต็มใจ ข้าจะถ่ายทอดทุกอย่างที่พวกเจ้าต้องการเรียนรู้หรือมอบทุกอย่างที่พวกเจ้าต้องการครอบครองให้” ผู้อาวุโสคนหนึ่งจ้องมองตรงไปยังเฉินอวี่และเฉินอัน ซึ่งน้ำเสียงของเขาดูเป็นมิตรมาก
“ผู้อาวุโสสามารถทำให้ข้าแข็งแกร่งเหมือนท่านลุงได้หรือไม่?”
“ขอเพียงแค่ท่านพ่อไม่ผิดหวังในตัวข้าก็พอ”
คำตอบแรกมาจากเฉินอวี่ และคำตอบที่สองมาจากเฉินอัน แต่ไม่ว่าจะเป็นคำตอบใด มันก็ทำให้สีหน้าของผู้อาวุโสคนนั้นแข็งทื่อและเผยความสิ้นหวังออกมา
ไม่ใช่แค่เขา ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ต่างหยุดโต้เถียงกัน และมีสีหน้างุนงงเล็กน้อย
เพราะไม่ว่าจะเป็นศาสตร์เต๋าระดับสูงสุด โอสถวิเศษ หรือสมบัติวิเศษที่น่าเกรงขาม พวกเขาสามารถรับปากให้คำสัญญาได้ แต่กับคำขอสองอย่างนี้… พวกเขาไม่กล้ารับประกัน!
ท้ายที่สุดแล้ว มีเพียงเฉินซีคนเดียวในโลกนี้ และเขาได้ยืนอยู่ที่จุดสูงสุดของภพมนุษย์แล้ว ซึ่งความแข็งแกร่งของชายหนุ่มก็ไม่มีใครในโลกนี้ที่เทียบเคียงได้ แล้วพวกเขาจะกล้ารับประกันได้อย่างไรว่าพวกเขาจะสามารถสั่งสอนเด็กน้อยสองทั้งคนนี้ ให้แข็งแกร่งเทียบเท่าเฉินซีได้
“เจ้าขอเรื่องอื่นกับเราได้หรือไม่?” ผู้อาวุโสคนหนึ่งปฏิเสธที่จะยอมแพ้
“ถ้าเช่นนั้น ขอเพียงแข็งแกร่งพอ ๆ กับท่านป้าของข้าก็พอแล้ว” เฉินอวี่หัวเราะเบา ๆ ขณะที่เงยหน้าขึ้นมองชิงซิ่วอี้
ผู้อาวุโสเหล่านั้นรู้สึกท้อแท้ทันทีเมื่อได้ยินสิ่งนี้ และพวกเขาไม่ได้กล่าวอะไรอีกต่อไป
ชิงซิ่วอี้? นั่นคือการดำรงอยู่ที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าเฉินซี และกลิ่นอายของนางในยามนี้ก็เหมือนกับเหวลึกที่น่ากลัวยิ่งกว่าเฉินซี ดังนั้นพวกเขาจะทำสิ่งนี้ให้สำเร็จได้อย่างไร?
เฉินซีจ้องมองไปยังเฉินอวี่ เพราะเขาทราบอย่างชัดเจนว่า เด็กน้อยตัวแสบทั้งสองนี้ไม่ได้คิดจะฝากตัวเป็นศิษย์กับเหล่าผู้อาวุโสของนิกาย ดังนั้นพวกเขาจึงจงใจกล่าวถึงคำขอดังกล่าวออกมา
เฉินอวี่ยิ้มเขินอายและเกาศีรษะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...