บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1010

บทที่ 1010 ก้าวขึ้นสู่ความเป็นเซียน

บทที่ 1010 ก้าวขึ้นสู่ความเป็นเซียน

ฟิ้ว~ ฟิ้ว~ ฟิ้ว~

มีเพียงเสียงลมหวีดหวิวที่ดังก้องอยู่ในหู และเฉินซีก็ไม่สามารถควบคุมร่างกายของเขาได้อย่างสิ้นเชิง

ดวงตาของเฉินซี หรือแม้แต่ญาณเทวะอมตะก็ไม่สามารถสัมผัสถึงสิ่งใดได้เลย และมีเพียงสัญชาตญาณเท่านั้นที่บอกว่าเขากำลังผ่านกำแพงมิติชั้นแล้วชั้นเล่า

และยิ่งเฉินซีขึ้นไปสูงเท่าใด กฎแห่งเวลาที่อยู่รอบข้างก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้น พวกมันเป็นเหมือนกระแสน้ำที่พัดผ่านร่างกายของเฉินซีอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้ร่างกายและดวงวิญญาณของชายหนุ่มต้องผ่านการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าอัศจรรย์ครั้งแล้วครั้งเล่า

ญาณเทวะอมตะของเฉินซีได้เปลี่ยนเป็นญาณมหาเทวะอมตะ และมันกำลังพลุ่งพล่านอยู่ภายในห้วงจิตสำนึกของเขา

แม้แต่ผิวหนัง กระดูก เส้นเอ็น โลหิต พลังชีวิต หรือแม้แต่เส้นขนบนร่างกายของเขายังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

นี่คือ ‘การบรรลุสู่ความเป็นเซียน’

มันเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบหนึ่งของแก่นแท้แห่งชีวิต ตราบใดที่คนผู้นั้นทำสำเร็จ ก็จะบรรลุสู่ขอบเขตเซียนสวรรค์ และจะมีชีวิตชั่วนิรันดร์!

แต่การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ต้องใช้พลังมหาศาล ปริมาณของปราณเซียนในแดนฮุ่นตุ้นของเฉินซีมีมากมาย แต่ในระหว่างกระบวนการนี้ มันกำลังถูกเผาผลาญอย่างรวดเร็ว และแม้แต่ต้นอ่อนเงาทมิฬก็ไม่สามารถรักษาความเร็วในการเติมเต็มปราณเซียน เมื่อเผชิญกับการเผาผลาญเช่นนี้ได้

ตู้ม!

ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงได้พุ่งลึกเข้าสู่ดวงวิญญาณ ทำให้เฉินซีหน้าซีดทันที

ก่อนเขาจะบรรลุขั้น ชายหนุ่มพบว่าร่างกาย จิตวิญญาณ และปราณเซียนของตนเองที่ขอบเขตเซียนปฐพี จะเกิดการเปลี่ยนในระหว่าง ‘การบรรลุสู่ความเป็นเซียน’ จากนั้นจะเปลี่ยนเป็นรากฐานของเซียนสวรรค์อย่างสมบูรณ์

แต่เฉินซีมองข้ามบางสิ่งไป นั่นคือความแข็งแกร่งของร่างกาย จิตวิญญาณ และปราณเซียนของเขานั้นมหาศาลเกินไป ในขณะที่รากฐานของเขาก็แข็งแกร่งมาก มันมากกว่าผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีระดับเก้าทั่วไปถึงร้อยเท่า

ดังนั้นการที่เขาจะบรรลุขอบเขตเซียนสวรรค์จึงยากกว่าเดิมถึงร้อยเท่าเช่นเดียวกัน เมื่อเทียบกับผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีทั่วไป

นี่เป็นข้อเสียอย่างหนึ่งของการมีรากฐานที่ลึกเกินไป แม้ว่ามันจะทำให้เขาสามารถทำลายผู้บ่มเพาะในระดับเดียวกันได้อย่างง่ายดาย แต่การบ่มเพาะขั้นพลังก็ยากเช่นเดียวกัน เมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ เช่นกัน

ยิ่งกว่านั้น มันยังเจ็บปวดมากกว่าคนอื่น ๆ เป็นร้อยเท่า

เช่นเดียวกับในยามนี้ เฉินซีรู้สึกราวกับว่าทั้งร่างกายถูกมดนับไม่ถ้วนกลืนกิน และมีมีดทื่อ ๆ จำนวนมากกำลังหั่นร่างกายของเขา ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่มาจากภายในดวงวิญญาณ ทำให้ร่างกายของเฉินซีสั่นสะท้าน

ในที่สุด หลังจากเสียงระเบิดดังกึกก้อง เฉินซีก็หมดสติไป

โดยไม่ทราบว่าผ่านไปนานเท่าใด เมื่อเฉินซีได้สติ เขารู้สึกว่าทั่วทั้งร่างกายจมอยู่ในแอ่งน้ำ มันทั้งเปียก อึดอัด และหายใจไม่ออก

ฟิ้ว!

และพริบตาต่อมา เขารู้สึกว่าตัวเองถูกอุ้มขึ้น และเหวี่ยงลงกับพื้น

ในเวลาเดียวกัน เสียงเยาะเย้ยดังขึ้นที่ข้างหูของเขา “เขาหมดสติอยู่ในสระจำแลงเซียนไปจริง ๆ พลังของเขาช่างต่ำเตี้ยยิ่งนัก ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าเขาขึ้นมาที่นี่ได้อย่างไร”

“อนิจจา คนรุ่นหลังกลับเลวลงกว่ารุ่นก่อนนัก เพื่อแสวงหาความก้าวหน้าในการบ่มเพาะ ผู้บ่มเพาะในภพมนุษย์ต่างก็กลืนโอสถทิพย์และโอสถวิญญาณอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า ดังนั้นพวกเขาจึงดูเหมือนจะก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว แต่รากฐานของพวกเขายังเปราะบางเหมือนปลายหอกตะกั่วชุบเงิน ซึ่งน่าตื่นตาแต่ก็ไร้ประโยชน์” เสียงชราอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น และมันเต็มไปด้วยอารมณ์

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสียงหัวเราะก็ดังก้องกังวาน

‘สระจำแลงเซียนหรือ?’

‘ที่แท้ข้าก็มาถึงภพเซียนแล้ว’

เฉินซีรู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อได้ยินคำกล่าวเหล่านี้ และเขาไม่สนใจเสียงซึ่งดังอยู่ข้างหูขณะที่ลืมตาขึ้น

สิ่งแรกที่ปรากฏตรงหน้าคือดวงอาทิตย์ที่เจิดจ้าและแผดเผา ซึ่งลอยอยู่สูงเหนือท้องฟ้าอันไกลโพ้น ดวงอาทิตย์ส่องแสงสีทองเป็นประกาย และมันยิ่งใหญ่มาก ยิ่งไปกว่านั้น มีกระทั่งวิญญาณแห่งเปลวเพลิง อีกาทองคำ และวิหคเพลิงอยู่ภายในนั้น

ช่างเป็นภาพที่น่าอัศจรรย์และไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง แตกต่างกับสิ่งที่เขาเคยเห็นในภพมนุษย์อย่างสิ้นเชิง

ดวงตาของเฉินซีหรี่ลง ในขณะที่เขายืนขึ้น พร้อมสังเกตเห็นว่าสถานที่ซึ่งตนยืนอยู่นั้นเป็นห้องโถงโอ่อ่าและกว้างขวาง นอกจากนี้ ยังมีแผ่นป้ายที่มีคำว่า ‘โถงสวรรค์’ เขียนอยู่บนนั้น และแขวนอยู่ที่ทางเข้าห้องโถง

มีสระที่ปกคลุมด้วยหมอกเซียนอยู่ทางด้านนอกห้องโถง และมีลำแสงเล็ดลอดออกมา

ข้างสระน้ำมีโต๊ะหยกสีเขียวถูกวางไว้ และด้านหลังโต๊ะ มีชายชรากับชายวัยกลางคนรูปร่างผอมสูง

บริเวณที่เฉินซียืนอยู่ มีร่างนับสิบยืนอยู่ใกล้ ๆ เขา ร่างเหล่านั้นมีทั้งชายและหญิง เด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งในขณะนี้ กำลังจ้องมาที่เฉินซีด้วยแววตาเย้ยหยัน

ทว่าเฉินซีไม่ได้สนใจสายตาเหล่านี้ เขาเพียงมองไปรอบ ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นแทน

ว่ากันว่าภพเซียนนั้นกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต และท้องฟ้าของมันก็ถูกแบ่งออกเป็นสามสิบสามระดับ ท้องฟ้าเหล่านี้เต็มไปด้วยสรวงสวรรค์ที่นิกายเก่าแก่และผู้ยิ่งใหญ่แห่งภพเซียนอาศัยอยู่

ในทางกลับกัน โถงสวรรค์และสระจำแลงเซียนจะกระจายตัวอยู่ในทุกดินแดนของภพเซียน …โดยสิ่งเหล่านี้จะอยู่ภายใต้การควบคุมของราชันเซียน ทำหน้าที่รับและคัดเลือกผู้ที่ขึ้นมาจากภพเบื้องล่าง

ด้วยเหตุนี้ ทำให้เฉินซีไม่ได้ระบุแน่ชัดว่า เขาอยู่ที่ใดในภพเซียน

แต่ปราณเซียนในที่แห่งนี้มีมากมายมหาศาล

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]