บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1009

บทที่ 1009 ขึ้นสู่ภพเซียน

บทที่ 1009 ขึ้นสู่ภพเซียน

สี่สิบเก้าวันต่อมา

รุ่งอรุณที่สดใส

ภายในนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง

ไม่ว่าจะเป็นศิษย์หรือผู้อาวุโส ราวกับว่าพวกเขาเข้าใจโดยปริยาย ทุกคนจึงต่างหยุดสิ่งที่กำลังทำและเดินออกจากห้อง ก่อนจะมองไปที่ยอดเขาจรัสตะวันตกในระยะไกล

วันนี้เป็นวันที่เฉินซีจะพิชิตทัณฑ์สวรรค์ และก้าวขึ้นสู่ ภพเซียน!

บนยอดเขาจรัสตะวันตก

เฉินซีกล่าวคำอำลาหั่วโม่เลยและคนอื่น ๆ ท่าทางของเขาสงบนิ่ง และมีรอยยิ้มที่มุมปาก อีกทั้งยังไม่ได้แสดงความกระวนกระวายหรือไม่เต็มใจแม้แต่น้อย

เพราะเขาได้กล่าวทุกอย่างที่ต้องกล่าวไปหมดแล้ว ดังนั้นนอกจากจะปล่อยให้เป็นไปตามชะตาลิขิตแล้ว ชายหนุ่มจะทำสิ่งใดได้อีก?

สิ่งเดียวที่ทำให้เฉินซีรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง คือเขาไม่มีเวลากลับไปที่ราชวงศ์ซ่ง ไม่ได้กล่าวคำอำลาเป็นการชั่วคราวกับเฉินฮ่าวผู้ซึ่งเป็นน้องชายและสหายเก่าคนอื่น ๆ แต่ตอนนี้เขาก็พอใจมากแล้ว

เพราะอย่างน้อยบุตรชาย หลานชายของเขา หั่วโม่เลย ฟ่านอวิ๋นหลาน เจิ้นหลิวชิง และคนอื่น ๆ ก็อยู่ที่นี่ทั้งสิ้น

ยิ่งกว่านั้น เขาได้เตรียมการสำหรับหลิงไป๋ ไป๋คุย อาหมาน ซางจือ มู่ขุย เสวี่ยเหยียน และคนอื่น ๆ ซึ่ง เจิ้นหลิวชิงจะพาพวกเขาไปยังภพเซียนผ่านดินแดนเร้นลับในแดนไร้นามในอีกสิบปีนับจากนี้

ดินแดนเร้นลับเป็นสถานที่ที่นักพรตเต๋าเซวี่ย ผู้เป็นอาจารย์ของเจิ้นหลิวชิงได้เตรียมไว้สำหรับนางโดยเฉพาะ และการขึ้นไปจากที่นั่นจะทำให้คน ๆ หนึ่งสามารถเดินทางไปยังพื้นที่ลึกลับในภพเซียนไปจนถึงหุบเหวศักดิ์สิทธิ์แห่งความมืดได้ทันที

ตามที่เจิ้นหลิวชิงกล่าว หลิงไป๋และคนอื่น ๆ จะต้องติดตามเคียงข้างนางเมื่อถึงเวลาเท่านั้น พวกเขาจึงจะมาถึงภพเซียนได้อย่างปลอดภัย โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดเหตุร้ายใด ๆ ทั้งสิ้น

แม้ว่าเฉินซีจะประหลาดใจกับสิ่งนี้ แต่มันก็ช่วยขจัดภาระในใจของเขาได้ในที่สุด …แม้ว่าชายหนุ่มจะไม่เข้าใจ แต่ในใจของเขาก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

กล่าวตามจริง นอกจากมู่ขุยและเสวี่ยเหยียนแล้ว หลิงไป๋ ไป๋คุย อาหมาน และซางจือ ก็เป็นพวกตัวประหลาด หนึ่งคือ วิญญาณกระบี่ที่สามารถบ่มเพาะ อีกหนึ่งคือปี่เซียะซึ่งเป็นสัตว์มงคล และอีกหนึ่งเป็นหุ่นวิญญาณศึกที่มีต้นกำเนิดลึกลับ…

หากพวกตัวประหลาดเหล่านี้ต้องการขึ้นสู่ภพเซียน เขาก็ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าใด และพวกเขาจะต้องพบกับทัณฑ์สวรรค์แบบใด อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มีเจิ้นหลิวชิงที่จะช่วยพาพวกเขาไปสู่ภพเซียน เฉินซีจึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง

“ท่านพ่อ” เฉินอันที่อยู่ใกล้เคียงอดไม่ได้ที่จะเรียกด้วยเสียงแผ่วเบา

เฉินซีลูบศีรษะของอีกฝ่ายแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอัน อ่อนโยนว่า “อย่าลืมกลับไปเยี่ยมท่านลุงกับท่านป้าของเจ้าถ้ามีโอกาส พวกเขาทำเพื่อตระกูลเฉินของเรามามากมาย และมีสิ่งที่เจ้าต้องตอบแทน”

เฉินอันพยักหน้าและกล่าวด้วยท่าทางอย่างแน่วแน่ “อย่ากังวลไปเลย ท่านพ่อ”

“ท่านลุง โปรดอดใจรอ สักวันหนึ่งข้าจะไปหาท่านที่ภพเซียนในไม่ช้า” เฉินอวี่เต็มไปด้วยความรู้สึกมั่นใจในขณะที่เขากล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว เฉินซีคำรามด้วยเสียงหัวเราะ “ประเสริฐยิ่ง !”

ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ เขาได้รวบรวมความรู้ บางส่วนและได้ถ่ายทอดให้กับเด็กน้อยทั้งสองแล้ว ซึ่งไม่ได้มีเพียงเคล็ดวิชาขั้นสูงอย่างเคล็ดสัจธรรมสวรรค์หรือคัมภีร์เต๋านิรันดร์เท่านั้น แต่ยังมีทั้งประสบการณ์และเคล็ดวิชาต่อสู้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนที่ชายหนุ่มจะมุ่งหน้าไปยังภพเซียนในครั้งนี้ นอกจากกระบี่ต้องห้ามสังหารปราชญ์ กระบี่เต๋าวิบัติ และสมบัติอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน เขาได้มอบสมบัติที่เหลือทั้งหมดในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ให้กับเฉินอวี่และเฉินอัน

ที่เฉินซีทำเช่นนี้ ก็เพราะเขาหวังว่าเด็กน้อยทั้งสองจะแข็งแกร่งขึ้นในเร็ววัน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของเฉินฮ่าว และมีส่วนร่วมในตระกูลเฉิน แน่นอนเสิ่นเหยียนศิษย์ของเขาก็ได้รับส่วนหนึ่งเช่นกัน

“จงอย่าได้หย่อนยาน” เฉินซีมองไปที่เสิ่นเหยียน ขณะที่เขาจ้องมองชายหนุ่มที่มืดมน เรียบง่ายและมุ่งมั่น ก่อนกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า “หากเจ้าพบข้อสงสัยใด ๆ เจ้าสามารถพูดคุยกับเฉินอันและเฉินอวี่ หรือถามผู้อาวุโส คนอื่น ๆ ของนิกายได้”

อันที่จริง เฉินซีรู้สึกอยู่เสมอว่าเขาเป็นหนี้เสิ่นเหยียนอยู่เล็กน้อย ถึงอย่างไร หลังจากที่เขานำเสิ่นเหยียนเข้าสู่นิกายช่วงเวลาที่ตัวเขาได้ถ่ายทอดความรู้ให้กับเสิ่นเหยียนก็มีน้อยมาก ซึ่งตอนนี้เฉินซีกำลังจะจากไปแล้ว และนี่ก็คือทั้งหมดที่เขาพอจะทำได้ !

“ท่านอาจารย์อย่าได้กังวล ข้าจะทุ่มฝึกฝนให้หนักขึ้นอย่างแน่นอน !” เสิ่นเหยียนกล่าวอย่างหนักแน่น เขายังคงเหมือนเดิมและทะนุถนอมทุกสิ่งที่มีอยู่ในตอนนี้ยิ่ง ดังนั้นเขาจึงบ่มเพาะอย่างอุตสาหะมากขึ้น และในใจก็ได้นับถือเฉินซีเป็นเสมือนบิดาไปแล้ว แต่เขาไม่เคยแสดงออกมา และปกปิดความรู้สึกเหล่านี้อย่างระมัดระวังในส่วนลึกของหัวใจ

“ไม่ต้องห่วงท่านลุง ศิษย์น้องเสิ่นเหยียนจะไม่ทนทุกข์กับข้าที่นี่อย่างแน่นอน” เฉินอวี่โอบไหล่ของเสิ่นเหยียน ขณะที่เขาตบหน้าอกและรับประกันว่าจะดำเนินการทุกอย่าง ต่อไป ตลอดเวลาที่อยู่บนยอดเขาจรัสตะวันตก เขาสนิทสนมกับเสิ่นเหยียนมานาน และเมื่อรวมกับความสัมพันธ์ของ พวกเขากับเฉินซี ทั้งสองคนก็เปรียบเสมือนพี่น้องก็ไม่ปาน

ณ จุดนี้ เฉินซียิ้มเล็กน้อยและหยุดกล่าว ในขณะที่เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าโดยไม่รู้ตัว ท้องฟ้าได้มืดสนิทแล้ว เมฆ สีดำทมิฬปกคลุมท้องฟ้าและรวมตัวกัน สายฟ้าพวยพุ่งอย่างไม่มีที่สิ้นสุด พวกมันแข่งกันเปล่งกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวออกมา ฟ้าดินถูกปกคลุมด้วยแรงกดดันอันมหาศาล

ครืน !

อสนีบาตฟาดดังกึกก้องไปทั่วสวรรค์ทั้งเก้า และทำลายความเงียบในฟ้าดินทั้งหมด เสียงฟ้าร้องดังขึ้นพร้อมกับสายฟ้าจำนวนมากที่หนาประหนึ่งแขนของทารก และวูบวาบราวกับอสรพิษสีเงิน พวกมันรวมตัวกันและกลายเป็นพายุสายฟ้าที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า มันหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง ทั้งยังแผ่กลิ่นอายปรารถนาที่จะทำลายล้างโลก

นี่คือทัณฑ์สวรรค์แห่งเซียนปฐพีระดับที่เก้า …ทัณฑ์สวรรค์ทะยานสรวง!

แต่มันไม่เหมือนกับทัณฑ์สวรรค์แห่งเซียนปฐพีอื่น ๆ ทัณฑ์สวรรค์ทะยานสรวงที่เฉินซีเผชิญนั้นน่าสะพรึงกลัว ยิ่งกว่า สายฟ้าหลั่งไหลด้วยพลังที่หนาแน่นและลึกลับของกฎ ซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยแสงที่พร่างพราวและเจิดจ้าส่องสว่างไปทั่วโลก

ซึ่งถึงขนาดที่สามารถเห็นภาพทวยเทพ พระราชวังเซียนภูเขาเซียน… ปรากฏการณ์ต่าง ๆ อีกมากมายที่ก่อตัวขึ้นภายในนั้น !

“ปรากฏการณ์ของการขึ้นสู่ภพเซียน ปราณเซียนจะท่วมท้นไปทั้งท้องฟ้า !”

“โอ้ สวรรค์ ! นี่เป็นปรากฏการณ์ที่น่ากลัวที่สุดในบรรดาทัณฑ์สวรรค์ !”

“ตามตำนานเล่าว่า ปรากฏการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อปราชญ์โดยกำเนิดและเทพอสูรที่ไร้เทียมทานได้เผชิญกับทัณฑ์สวรรค์ของพวกเขา ผ่านมากี่ปีแล้ว ? ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่ามันจะปรากฏขึ้นอีกครั้งจริง ๆ !”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]