บทที่ 1008 การมาเยือนของสหายเก่า
บทที่ 1008 การมาเยือนของสหายเก่า
สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า
ก่อนที่หลี่หยางจะจากไป นางได้แนะนำแก่เฉินซีว่า หลังจากที่เขาขึ้นมายังภพเซียน มันเป็นสถานที่ที่เขาควรจะไปยังที่นั่น และตราบใดที่เขาสามารถเข้าร่วมกับสำนึกศึกษานี้ได้ ตระกูลจั่วชิวก็จะไม่สามารถทำอะไรกับเขาได้ แม้ว่าพวกมันจะมีอำนาจที่ไร้ขอบเขตก็ตาม
ในทางกลับกัน เนื่องจากมันสามารถทำให้ตระกูลจั่วชิวเกรงกลัวได้ มันจึงแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋านั้นน่าเกรงขามเพียงใด เพราะอย่างน้อยที่สุด มันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลจั่วชิว
นี่เป็นเพียงความเข้าใจของเฉินซีเกี่ยวกับสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า สำหรับว่ามันจะน่าเกรงขามเพียงใดนั้น เขาจะได้รู้อย่างถ่องแท้ก็ต่อเมื่อมาถึงภพเซียนแล้วเท่านั้น
ณ ยอดเขาจรัสตะวันตก
เมื่อพวกเขาเห็นเฉินซีที่หายตัวไปเจ็ดวัน ได้กลับมาอย่างปลอดภัย หั่วโม่เลยและคนอื่น ๆ ก็ถอนหายใจยาวด้วย ความโล่งอก ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ พวกเขากังวลว่า เฉินซีจะถูกพัดพาไปในหายนะเช่นกัน
เฉินซียิ้มเบา ๆ เมื่อเห็นสิ่งนี้ และเขาไม่ได้อธิบายอะไร เพิ่มเติม นอกจากถอนหายใจในใจแทน
“ทัณฑ์สวรรค์ระลอกสุดท้ายจะเกิดขึ้นในอีกสี่สิบเก้าวัน แล้วศิษย์พี่ใหญ่กับคนอื่น ๆ จะทำอย่างไร หากข้าขึ้นสู่ภพเซียนแล้ว…”
“แล้วหลิงไป๋, ซางจือ, อาหมาน, ไป๋คุย, มู่ขุย และคนอื่น ๆ จะอยู่กันอย่างไร ?”
“ท้ายที่สุด ข้าก็ไม่รู้ว่าจะสามารถกลับไปยังภพมนุษย์ได้เมื่อใด หลังจากที่ข้าจากไปในครั้งนี้ และถ้าเกิดเหตุร้ายขึ้น ข้าคงไม่มีโอกาสได้สำนึกเสียใจด้วยซ้ำ”
“การพาพวกเขาไปด้วยในขณะที่ข้าขึ้นสู่ภพเซียนนั่น ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้”
“แม้ว่าข้าจะนำพวกเขาไปไว้ในเคหา แต่พวกเขาก็จะถูกสังเกตเห็นโดยกฎของภพเซียน และหากเป็นเช่นนั้น พวกเราคงถูกมองว่าเป็นผู้บุกรุก และคงจะต้องถูกทำลายล้างอย่างแน่นอน…”
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดเฉินซีก็ไม่สามารถคิดหาวิธีได้ และเขาทำได้เพียงแค่ปล่อยวางเรื่องนี้ไว้ก่อน
…
“นายท่าน ข้าคงต้องขอลาไปก่อน” ไม่นานหลังจากที่ เฉินซีกลับมา ชิวอวิ๋นเซิงก็มาหาเขา และชิวอวิ๋นเซิงก็กล่าวคุยเล็กน้อย ก่อนที่จะบอกเหตุผลในการมาถึงของเขาให้ชัดเจน
เนื่องจากชิวอวิ๋นเซิงถูกชิงซิ่วอี้ปราบด้วยเคล็ดวิชาลับ ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับคนนี้ จึงดูเหมือนจะกลายเป็นคนละคนเมื่อเขาอยู่ต่อหน้าเฉินซี เขามีความเคารพ ยำเกรง ไม่แสดงความเย่อหยิ่งแม้แต่น้อย และประพฤติตนอย่างเชื่อฟังอย่างยิ่ง
“โอ้ เจ้าจะไปแล้วเหรอ” เฉินซีรู้สึกประหลาดใจ เขาไม่เชื่อว่าคนผู้นี้จะมีความเคารพและยอมจำนนในหัวใจของเขา
“เวลาของข้าในภพมนุษย์ได้หมดลงแล้ว และถ้าข้ายังไม่กลับไป ข้าจะถูกกักขังโดยพลังของพิภพเซียนและพาตัวกลับไปในฐานะอาชญากร”
ชิวอวิ๋นเซิงอธิบายอย่างอดทน “แต่ไม่ต้องกังวล หลังจากที่ข้ากลับไปที่ภูเขาเซียนสายหมอกในครั้งนี้ ข้าจะช่วยนายท่านรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับศัตรูของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองและตระกูลจั่วชิว ข้าจะไม่ทำให้นายท่านผิดหวังอย่างแน่นอน”
เฉินซีชำเลืองมองเขาด้วยรอยยิ้มเสแสร้งและกล่าวว่า “แต่ในความคิดของข้า ดูเหมือนว่าเจ้ากระวนกระวายที่จะรีบกลับไปยังนิกายของเจ้า เพื่อที่เจ้าจะได้ขอให้ผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้น ได้ช่วยเจ้าขจัดกับข้อจำกัดที่อยู่ภายในร่างกายของเจ้าใช่หรือไม่ ?”
ร่างกายของชิวอวิ๋นเซิงแข็งทื่อ จากนั้นเขาก็กล่าวด้วยสีหน้าขุ่นเคืองว่า “นายท่าน คำกล่าวของนายท่านทำให้ข้ารู้สึกผิดหวังจริง ๆ พระอาทิตย์และพระจันทร์สามารถเป็นพยานในความภักดีของข้าได้ และข้าจะไม่ทำสิ่งใดที่เป็นการทรยศต่อนายท่านอย่างแน่นอน”
เฉินซีมองดูเขาด้วยความดูถูกเหยียดหยาม และเขาไม่ใส่ใจที่จะเปิดเผยความคิดของชิวอวิ๋นเซิง เฉินซีจึงโบกมือและกล่าวว่า “เอาล่ะ เจ้าไปได้แล้ว ไว้ข้าจะเป็นฝ่ายติดต่อเจ้าเอง หลังจากที่ข้าขึ้นสู่ภพเซียนแล้ว”
“นายท่าน โปรดดูแลตัวเองด้วย !” ชิวอวิ๋นเซิงประสานมือคำนับ ก่อนที่เขาจะหันหลังกลับ พร้อมกับก้าวยาว ๆ จากไป
“คนผู้นี้เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมมากมาย และเก้าในสิบของสิ่งที่เขากล่าวล้วนเป็นคำเท็จ แต่ถ้าเขามีประโยชน์กับข้า ข้าก็จะสามารถช่วยตัวเองให้พ้นจากปัญหามากมายได้” เฉินซีเฝ้าดูชิวอวิ๋นเซิงที่กลายเป็นลำแสงและอันตรธานหายไป ซึ่ง การครุ่นคิดลึก ๆ ก็แวบเข้ามาในดวงตาของเขา
หลังจากนั้นไม่นาน เฉินซีก็กลับไปที่ริมฝั่งของ สระชำระกระบี่และเริ่มฝึกฝนการทำสมาธิ
การเฝ้าดูการต่อสู้ที่น่าตกตะลึงระหว่างหายนะครั้งนี้ ได้กระตุ้นเฉินซีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่เขาได้รับเศษเสี้ยวของเต๋าแห่งสวรรค์ มันทำให้การบ่มเพาะของเขา พลังชีวิต และแม้กระทั่งความเข้าใจต่อเต๋ารู้แจ้ง ได้บรรลุสถานะที่ไร้ที่ติ
ตัวอย่างเช่น มหาเต๋าแห่งนิรันดร์ มหาเต๋าแห่งการรังสรรค์ มหาเต๋าแห่งการทำลายล้าง มหาเต๋าแห่งการกลืนกิน มหาเต๋าแห่งการพิพากษา และมหาเต๋าที่หายากอื่น ๆ อีกมากมาย ล้วนแต่ก็บรรลุความสมบูรณ์แบบแล้ว ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า เฉินซีได้มาถึงขีดจำกัดของขอบเขตเซียนปฐพีแล้ว และเว้นแต่เขาจะก้าวหน้าในการบ่มเพาะ เขาจะไม่สามารถพัฒนาได้แม้แต่น้อย ไม่ว่าเขาจะทุ่มเทบ่มเพาะเพียงใดก็ตาม
มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะบอกว่าหลังจากภัยพิบัติ ครั้งนี้ เฉินซีได้กลายเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์อันดับหนึ่งที่ไร้คู่ต่อกรของภพมนุษย์ทั้งหมด ! เนื่องจากผู้ละทิ้งสวรรค์ไม่มีอยู่ในโลกอีก ต่อไป และผู้อาวุโสเหล่านั้นที่บำเพ็ญเพียรอย่างสันโดษ ต่างก็ล้มตายไปพร้อมกับภัยพิบัติ หรือไม่ก็ขึ้นสู่ภพเซียน
“น่าเสียดายที่ผู้เยี่ยมยุทธ์อันดับหนึ่งของภพมนุษย์ ก็ยังถูกจำกัดอยู่ในภพมนุษย์ และไม่ใช่ของภพเซียน…”
หลังจากผ่านไปนาน เฉินซีก็ตื่นขึ้นจากการทำสมาธิ และเขารู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย ที่จะมุ่งหน้าไปสู่ภพเซียน
“ฟ่านอวิ๋นหลานของนิกายอสูรสวรรค์แรกกำเนิดมาเยี่ยมแล้ว ข้าขอทราบได้หรือไม่ว่าผู้อาวุโสเฉินซีอยู่ที่นี่หรือไม่” ในขณะนี้ เสียงที่โปร่งชวนสบายซึ่งมีร่องรอยของแรงดึงดูดที่ไม่เหมือนใคร ก็ดังก้องอยู่ด้านนอกยอดเขาจรัสตะวันตก และ ค่อย ๆ กระจายไปทั่วฟ้าดิน
ร่างกายทั้งหมดของเฉินซีสั่น ในขณะที่ภาพของผู้หญิงที่บอบบางและมีเสน่ห์เป็นพิเศษ ผู้ที่มีผมสีแดงเพลิงและผิวขาวราวหิมะปรากฏขึ้นในความคิดของเขา
“ฟ่านอวิ๋นหลาน…”
“ไฉนนางถึงมาที่นี่?”
เมื่อนึกย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนในสนามรบบรรพกาล ฟ่านอวิ๋นหลานถูกฟางจ่านเหมยจากนิกายอสูรสวรรค์แรกกำเนิดรับเป็นศิษย์ และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เขาไม่เคยได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับนางเลย และเมื่อเขาลองทบทวนดู มันก็เป็นเวลานานกว่าร้อยปีแล้ว
เดิมทีเฉินซีก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย เพราะเขากำลังจะขึ้นสู่ ภพเซียน แต่กลับไม่สามารถพบสหายเก่าของเขาได้ทั้งหมด แต่เขาก็ไม่เคยคิดเลยว่า ฟ่านอวิ๋นหลานจะมาที่ยอดเขาจรัสตะวันตกด้วยตัวเอง !
นี่เป็นเรื่องน่าประหลาดใจ แต่ก่อนที่เขาจะทันได้โต้ตอบ เสียงมากมายก็ดังขึ้นอีกครั้งจากนอกยอดเขาจรัสตะวันตก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...