บทที่ 1019 รัศมีปัดเป่าภัยพิบัติ
บทที่ 1019 รัศมีปัดเป่าภัยพิบัติ
หมอกวิบัติเบญจพิษ!
เมื่อได้ยินชื่อนี้ แม้แต่สีหน้าของเหวยเจิ้งกับโหลวเฟิงก็ยังเปลี่ยนไปเล็กน้อย
นี่คือสมบัติต้องห้ามที่อันตราย ซึ่งได้รับการขัดเกลาจากแก่นโลหิตของอสรพิษเกล็ดหยกเนตรโลหิต แมงป่องหางแดงประกายเงิน แมงมุมกระดูกขาวหน้าคน ตะขาบพันขาและคางคกหยกดำ ผสมผสานกับรัศมีแห่งสงครามและหายนะ
มันมีสีเหลืองอำพันที่ชวนฝันและสวยงาม เพียงเสี้ยวหนึ่งของมันก็สามารถเปลี่ยนพื้นที่หลายพันลี้ให้กลายเป็นดินแดนแห่งความตายอย่างแท้จริง แห้งแล้งและไร้ซึ่งร่องรอยของสิ่งมีชีวิต!
สิ่งมีชีวิตใด ๆ ก็ตามที่ถูกทำให้แปดเปื้อนด้วยเศษเสี้ยวพิษของมัน จะถูกพิษแห่งภัยพิบัติรุกรานเข้าไปในวิญญาณ และเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นซากศพเปื้อนเลือดอย่างสมบูรณ์ แม้แต่ตัวตนในขอบเขตเซียนลึกลับก็ยังต้องตกตายภายในเวลาเพียงหนึ่งก้านธูป หากไม่ได้รับการรักษาทันเวลา
“เจ้าตัวสารเลวนี่ มันบ้าไปแล้วหรือ!?”
เหวยเจิ้งอดไม่ได้ที่จะสาปแช่งออกมา ของสิ่งนี้เป็นสิ่งต้องห้าม หากข่าวนี้ถูกเปิดเผย เซวียคุนย่อมกลายเป็นหนูข้างถนน ทุกคนจะตามล่าสังหารเขาอย่างแน่นอน
“ไปด้วยกันเถอะ เราต้องกันไม่ให้พิษไปกระทบส่วนอื่นของเหมืองโดยเด็ดขาด”
ท่าทีของโหลวเฟิงก็มืดมนเช่นกัน เขาไม่เคยคิดเลยว่าเซวียคุนจะขัดเกลาสมบัติอันตรายที่ทั้งผู้คนและเทพเจ้าเกลียดชังเช่นนี้ออกมา
“ไปกันเถอะ!” ร่างของทั้งสองคนวูบไหว ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าไล่ตามเซวียคุนไป
เซวียคุนเผยรอยยิ้มอำมหิตและบิดเบี้ยว ถือหยกสีดำไว้ในมือ กลุ่มละอองหมอกสีอำพันชวนฝันพวยพุ่งออกมาจากปากขวด และพุ่งลึกเข้าไปยังเหมือง
“ศิษย์น้องหวงซิน เมื่อหลายปีก่อนเจ้าช่วยชีวิตข้าไว้ ครั้งนี้ แม้จะต้องเอาชีวิตเข้าแลก ข้าก็จะแก้แค้นให้เจ้าอย่างแน่นอน รอก่อนเถิด เด็กนั่นจะกลายเป็นศพเปื้อนเลือดในไม่ช้า… ฮ่า ๆๆ!!” เซวียคุนพึมพำด้วยท่าทางที่ดูทั้งวิกลจริตและบ้าคลั่งยิ่ง
“บัดซบ! มันคือหมอกวิบัติเบญจพิษจริง ๆ!”
“เจ้าอ้วนเซวีย! เจ้าบ้าไปแล้วหรือ!? รีบเอาสิ่งนั้นออกไปเร็วเข้า!” ใบหน้าของเหวยเจิ้งและโหลวเฟิงมืดลงอีกครั้ง เมื่อเห็นฉากนี้จากระยะไกล พวกเขาไม่กล้าเดินเข้าไปใกล้และตะโกนเสียงดังห่างออกไปหลายพันจั้ง
ขณะที่พูด กฎก็ส่งเสียงก้องไปรอบ ๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเกราะแสงห่อหุ้มร่างเอาไว้ หมอกวิบัติเบญจพิษอันตรายเกินไป หากถูกเศษเสี้ยวของมันแปดเปื้อน พวกเขาจะต้องพินาศเป็นแน่
“เลิกเอะอะได้แล้ว! ถ้าทุกคนตายหมดแล้วอย่างไร? ตราบใดที่ข้าสามารถแก้แค้นแทนน้องชายของข้าได้ ข้าจะสนใจเรื่องอื่นไปทำไม?” เซวียคุนเหลือบมองพวกเขาสองคน แล้วหัวเราะอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเหวยเจิ้งกับโหลวเฟิงดูน่าเกลียดยิ่งขึ้น พวกเขาสบตากันและรู้ว่าไม่อาจลังเลได้อีกต่อไป
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
ขบวนธงสีเหลืองส้มมากมายบินออกจากมือของเหวยเจิ้ง ฝังลงบนพื้นบริเวณโดยรอบในรัศมีหนึ่งพันจั้ง ก่อนจะก่อตัวเป็นค่ายกลขนาดใหญ่ปิดล้อมพื้นที่ด้านในไว้อย่างสมบูรณ์
ในเวลาเดียวกัน โหลวเฟิงก็ส่งกระแสปราณเพื่อรายงานทุกสิ่งที่เกิดขึ้นให้แก่เซียนลึกลับสยงหมิง
“หลังจากเรื่องนี้จบลง ฆ่าทุกคนที่รู้เรื่องนี้เสีย เราไม่อาจปล่อยให้ข่าวนี้รั่วไหลออกไปได้ มิฉะนั้น เมื่อราชันเซียนลิ่นฮ่าวมอบบทลงโทษ เขาไม่ปล่อยเราทุกคนมีชีวิตอยู่ต่อแน่!”
โหลวเฟิงตกตะลึงเมื่อได้รับคำตอบจากสยงหมิง ฆ่าพวกเขาทั้งหมด? ในหมู่คนเหล่านี้มีคนมากมายเท่าใดกัน?
หลังจากเขาบอกเรื่องนี้กับเหวยเจิ้ง ดวงตาข้างเดียวของอีกฝ่ายเผยจิตสังหารอันเยือกเย็น ในขณะที่อีกฝ่ายพูดอย่างเย็นชา “ถ้าอย่างนั้นเราก็ฆ่าพวกมันให้หมด มีอะไรให้ลังเล?”
โหลวเฟิงตกตะลึง จากนั้นถอนหายใจ “อนิจจา เราคงทำได้เพียงเท่านี้”
…
บนทางเดินลึกภายในเหมือง มู่หลิงหลงค่อย ๆ ตื่นจากการทำสมาธิ และก้มหน้าลงด้วยความเขินอายเมื่อเห็นเฉินซียืนคุ้มกันนาง “คราวนี้ข้าคงรบกวนคุณชายเฉินซีอีกแล้ว”
เฉินซีส่ายหัว “ไม่ใช่เรื่องลำบากอะไร”
มู่หลิงหลงดูเหมือนจะจำอะไรบางอย่างได้ “ใช่แล้ว ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้จะมีคนมาช่วยเรา เหตุใด… จู่ ๆ เขาถึงหายไปกัน?”
เฉินซีตกตะลึง จากนั้นก็เข้าใจว่านางกำลังพูดถึงร่างหลักของเขา จึงพูดด้วยรอยยิ้ม “นั่นเป็นเพียงวิชาของข้าเท่านั้น”
ทันใดนั้น ดวงตาที่กระจ่างใสของมู่หลิงหลงก็เปล่งประกายด้วยความเข้าใจ
ฟู่~! ฟู่~!
เวลานี้ ปราณวิญญาณครามที่ล้อมรอบอยู่ห่าง ๆ ได้ปล่อยคลื่นเสียงรุนแรงและหมุนวนไปมาไม่หยุด เฉินซีสังเกตเห็นบางสิ่งได้ราง ๆ คล้ายกลุ่มหมอกควันชั่วร้ายกำลังแทรกซึมผ่านปราณวิญญาณครามและพุ่งตรงเข้าหาพวกเขา
ควันจาง ๆ ราวกับความฝันและภาพลวงตาสวยงามเป็นพิเศษ ภายในอุโมงค์เหมืองอันมืดมิด พวกมันเปล่งแสงเรืองรองน่าหลงใหลชวนให้หัวใจต้องมนต์สะกด
แต่เมื่อเฉินซีกวาดตาไปโดยรอบ สีหน้าพลันเปลี่ยนไป และถามด้วยความประหลาดใจ “หมอกวิบัติเบญจพิษ?”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ใบหน้าเล็ก ๆ ของมู่หลิงหลงซีดเผือดทันควัน “จะเป็นสมบัติอันตรายเช่นนั้นได้อย่างไร! ข้าได้ยินมาว่ามันถูกห้ามไม่ให้ขัดเกลาไม่ใช่หรือ?!”
เห็นได้ชัดว่านางเคยได้ยินเกี่ยวกับหมอกวิบัติเบญจพิษเช่นกัน
“ฮึ่ม! ในโลกนี้มีคนมากมายที่ไม่กลัวความตาย และตราบใดที่มันถูกลอบขัดเกลาขึ้นมา ใครเล่าจะรู้? ไปกันเถิด ไปซ่อนในช่องว่างภายในกำแพงหินก่อน แม้ว่าสิ่งนี้จะเป็นอันตราย แต่ข้าก็มีวิธีจัดการกับมัน” เฉินซีหัวเราะอย่างเย็นชา และคว้ามือของมู่หลิงหลงก่อนจะเข้าไปในช่องว่างแคบ ๆ ที่เห็น
โอม!
ทันทีที่เข้าไป เฉินซีไม่ลังเลที่จะเอาโคมเขียวปัดเป่าภัยพิบัติออกมาแขวนไว้ข้างหน้า เปลวไฟภายในพลิ้ววูบไหว ในขณะที่มันเปล่งแสงสีขาวราวกับหยกและเคร่งขรึมออกมาห่อหุ้มร่างของพวกเขาไว้ภายใต้รัศมีของมัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...