บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1020

บทที่ 1020 ช่วงเวลาแห่งการตอบโต้

บทที่ 1020 ช่วงเวลาแห่งการตอบโต้

‘เบญจธาตุเป็นรากฐาน ข้ายังสามารถใช้ยันต์เทวะทั้งห้าธาตุได้ ดังนั้นหากข้าควบแน่นพลังแห่งกฎ ข้าก็ควรเริ่มด้วยธาตุทั้งห้า… ’

ด้วยคำสั่งในใจ ร่างกายของเฉินซีพลันปะทุด้วยความลึกล้ำอันไร้ขอบเขตของมหาเต๋าแห่งเบญจธาตุในทันที พวกมันไหลเวียนไปทั่วร่างกาย บางครั้งก็วูบวาบด้วยแสงสีเขียว บางครั้งก็พลุ่งพล่านด้วยแสงสีเหลืองเหมือนมังกร บางครั้งก็แพร่กระจายไปรอบ ๆ เหมือนโลหะเหลวสีทอง และบางครั้งก็ลุกโชนเป็นสีแดงเหมือนเปลวไฟ…

พวกมันถักทอเข้าด้วยกัน แล้วค่อย ๆ หดตัวลงช้า ๆ และควบแน่นทีละนิด!

โอม!

คลื่นพลังผันผวนแปลกประหลาดของเต๋ารู้แจ้งส่งเสียงดังกึกก้องราวกับท่วงทำนองของฟ้าดินที่ไหลเวียนอยู่ภายในนั้น มันเปล่งประกายรัศมีแห่งสวรรค์จำนวนนับไม่ถ้วนออกมา

กระแสความลึกล้ำของมหาเต๋า ดูเหมือนจะอยู่ในเตาหลอมของฟ้าดิน พวกมันถูกขัดเกลาครั้งแล้วครั้งเล่า ประหนึ่งหยกเนื้อดีที่ถูกเจียระไนด้วยหัตถ์สวรรค์อย่างระมัดระวัง

นี่คือวิวัฒนาการของเต๋ารู้แจ้ง และเป็นกระบวนการที่แฝงไปด้วยความล้ำลึกของฟ้าดิน

ซึ่งกฎกำลังถือกำเนิดขึ้นภายในนั้น

ในทำนองเดียวกัน นี่เป็นพลังที่สามารถครอบครองได้โดยเซียนสวรรค์เท่านั้น เป็นกฎของเซียนสวรรค์ และเป็นความก้าวหน้าในความเข้าใจต่อจักรวาลของเซียนสวรรค์

โลกไม่สามารถดำรงอยู่ได้โดยปราศจากกฎ

ทุกสิ่งในโลกล้วนเต็มไปด้วยร่องรอยของกฎ

ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ กฎจึงเป็นเต๋ารู้แจ้งในระดับที่สูงขึ้นไปอีก ซึ่งมีแต่จะต้องเข้าใจในกฎเท่านั้น จึงจะสามารถกลายเป็นเซียนสวรรค์ที่แท้จริงได้ และจะแตกต่างกับสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกอย่างสิ้นเชิง

อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครจินตนาการได้ว่า ทันทีที่เฉินซีเริ่มควบแน่นกฎ เขาจะเริ่มควบแน่นด้วยมหาเต๋าแห่งเบญจธาตุอันลึกล้ำทันที…

แน่นอนว่าเฉินซีไม่ทราบว่าการกระทำของตนจะสร้างความประหลาดใจถึงเพียงใด หากคนอื่นรู้ถึงเรื่องนี้เข้า

เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ

เฉินซีหมกมุ่นอยู่กับกระบวนการควบแน่นกฎ จิตใจผ่องใสไร้ที่ติราวกับมหาสมุทรใสกระจ่างสะท้อนภาพของพระจันทร์เต็มดวง ขณะเดียวกันใจของเขาปราศจากคลื่นซัดสาดเหมือนบ่อน้ำโบราณสะท้อนภาพผืนฟ้า ลืมการมีอยู่ของตนเองไปอย่างสิ้นเชิง และไม่รับรู้ถึงกาลเวลาที่ไหลผ่านไป

ที่นอกเหมือง ม่านแห่งรัตติกาลเคลื่อนคล้อยลงมา หมู่ดาวส่องประกายระยิบระยับอยู่บนท้องฟ้า

“ในอีกไม่ช้า เวลาก็จะผ่านไปครึ่งวัน แม้แต่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับก็อาจใกล้ตายแล้วในตอนนี้…”

เมื่อเวลาผ่านไป ความแค้นและความโหดเหี้ยมในใจของเสวี่ยคุนก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย แต่กลับทวีเพิ่มขึ้นแทน ใบหน้าอ้วนท้วมและขาวโพลนบิดเบี้ยว ทำให้รูปลักษณ์ของเขาดูน่าเกลียดยิ่ง

เหวยเจิ้งและโหลวเฟิงต่างก็นิ่งเงียบ เนื่องจากทั้งคู่ยอมรับความจริงแล้ว และตอนนี้ทำได้เพียงรอผล ก่อนจะลงมือกำจัดทุกคนที่รู้เรื่องหมอกวิบัติเบญจพิษอย่างโหดเหี้ยม

“เจ้าเด็กนั้นเพิ่งข้ามมายังภพเซียน แล้วมันจะเทียบกับเซียนลึกลับได้อย่างไร? มันคงตายไปนานแล้วกระมัง?” โหลวเฟิงอดไม่ได้ที่จะถาม

เสวี่ยคุนขมวดคิ้ว ใกล้หมดความอดทนเมื่อถูกรบกวน ขณะกำลังจะกล่าวตำหนิโหลวเฟิง ทันใดนั้นใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ก่อนจะร้องออกมาอย่างตระหนก “ไม่สิ สมบัติของข้ากำลังอ่อนแรงลง มารดามันเถอะ! เกิดอะไรขึ้น?”

สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นมืดมนและซีดเซียว

“เจ้าว่ากระไรนะ?” เหวยเจิ้งและโหลวเฟิงตกตะลึง

“จะอะไรเสียอีก พลังของหมอกวิบัติเบญจพิษกำลังอ่อนแรงลง!” เสวี่ยคุนตะโกนอย่างบ้าคลั่งด้วยความโกรธเกรี้ยว เพราะเดิมทีเขาตั้งใจจะเหวี่ยงตาข่าย แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น และถ้าไม่ใช่เพราะสัมผัสได้เร็ว คงแทบไม่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้

“เป็นไปไม่ได้! นั่นคือหมอกวิบัติเบญจพิษ!” โหลวเฟิงกล่าวด้วยความตกใจ

“เจ้าคิดว่าข้าจะล้อเล่นกับสมบัติที่ข้าเพียรพยายามขัดเกลาหรือ?” เสวี่ยคุนเริ่มกระสับกระส่าย และคำรามดุจเสียงหอนสัตว์ป่า “ไม่ได้การแล้ว ข้าจะลงไปดูเอง!”

“ช้าก่อน!” เหวยเจิ้งและโหลวเฟิงกล่าวพร้อมกัน เพื่อขัดขวางเสวี่ยคุน

“เนื่องจากมีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้น จะเป็นการดีกว่าหรือไม่ถ้าจะส่งผู้ข้ามผ่านไปตรวจสอบ เพราะยังไงพวกมันก็ต้องตายอยู่ดี” เหวยเจิ้งกล่าวอย่างเฉยเมย และดูเหมือนเขาจะเลือดเย็นมาก

“แม้แต่หวงซินก็ตายไปแล้ว พวกมันจะไปทำอะไรได้” เสวี่ยคุนถามด้วยเสียงน่ากลัว

เหวยเจิ้งตบไหล่เสวี่ยคุนและกล่าวว่า “อย่างน้อยเราก็สามารถระบุได้ ว่าเจ้าเด็กนั่นตายจริงหรือไม่”

สีหน้าของเสวี่ยคุนเปลี่ยนไปมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ฝืนกัดฟันตอบตกลง

มือหยิบขวดสีดำออกมา และสร้างผนึกด้วยนิ้วมือของตน ทำให้เกิดเสียงคร่ำครวญออกมาจากปากขวดสีดำ ต่อมามวลหมอกวิบัติเบญจพิษก็พุ่งออกมาจากอุโมงค์

แต่เมื่อรวบรวมหมอกพิษทั้งหมดกลับมา สีหน้าของเสวี่ยคุนไม่น่าดูเอาเสียเลย เพราะหมอกพิษลดลงอย่างมาก เขาสูญเสียมันไปกว่าเจ็ดส่วนแล้ว!

“บัดซบ!”

“ถ้าข้ารู้ว่าใครเป็นคนทำ ข้าจะเผามันทั้งเป็น และโปรยเถ้ากระดูกมันทิ้งซะ!

หัวใจของเสวี่ยคุนหลั่งเลือด เพราะมันเป็นสมบัติที่ใช้เวลาหลายปีและต้องอาศัยความเพียรพยายามขัดเกลาอย่างมาก ทว่าตอนนี้ก็ยังไม่ทราบชะตากรรมของศัตรูของตน แต่ยามนี้สมบัติของเขาได้รับความเสียหายไปกว่าเจ็ดส่วน จะไม่รู้สึกเจ็บปวดได้อย่างไร?

“อะไรกัน? พวกเจ้าต้องการให้เราเข้าไปในอุโมงค์หรือ?”

“หรือว่าพวกเจ้าตั้งใจสังหารพวกเรา? ในอุโมงค์นั้นเต็มไปด้วยหมอกพิษ การให้พวกเราเข้าไปในนั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับส่งพวกเราไปตายมิใช่หรือ?”

“ไม่! ข้าไม่ยอมเด็ดขาด!”

ในขณะเดียวกัน โหลวเฟิงและเหวยเจิ้งก็ได้พาผู้ข้ามผ่านทั้งหมดมา เมื่อพวกเขารู้ว่าจำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตและเข้าไปในอุโมงค์เพื่อจับตัวเฉินซี สีหน้าของทุกคนกลายเป็นซีดเซียว และตะโกนออกมาติดต่อกัน

ฉับ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]