บทที่ 1022 การเผชิญหน้า
บทที่ 1022 การเผชิญหน้า
ในราตรีอันมืดมิด แสงอรุณกำลังจะทะลวงผ่านความมืด
เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงร้องอย่างน่าสังเวชดังออกมาจากภายในอุโมงค์ ก่อนที่มันจะเลือนหายไป สีหน้าของเหวยเจิ้ง โหลวเฟิงกับเซวียคุนก็มืดมนและหนักอึ้งเป็นอย่างมาก
“พวกมันน่าจะตายหมดแล้ว” โหลวเฟิงขมวดคิ้ว ขณะที่กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“อาจไม่ใช่อย่างนั้น บางทีเหล่าผู้ข้ามผ่านและเจ้าเด็กนั่นอาจยังมีชีวิตอยู่” เหวยเจิ้งพึมพำ “เหมือนเราจะประเมินความสามารถของเจ้าเด็กนั่นต่ำไปอีกแล้ว”
“ข้าจะไปดูเอง” เซวียคุนกัดฟันแน่น เผยสีหน้าอำมหิตออกมา “บางทีอาจเกิดเหตุไม่คาดฝันบางอย่างในอุโมงค์ก็เป็นได้”
“ไม่จำเป็น” เว่ยเฟิงหยุดเขาด้วยเสียงอันน่ากลัว “หรือเจ้าอยากเดินตามรอยเท้าของหวงซิน? ถ้าไม่อยากตายก็จงอยู่ที่นี่อย่างเชื่อฟังซะ!”
ใบหน้าของเซวียคุนเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขณะจ้องมองเหวยเจิ้ง และถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ “แล้วเจ้าคิดว่าเราควรทำอย่างไร?”
“เราควรทำอย่างไรน่ะหรือ? มันง่ายมาก ยังไม่สายเกินไปที่จะฆ่าเจ้าเด็กนั้นเมื่อมันโผล่หัวออกมาจากอุโมงค์”
เว่ยเจิงกลับคืนสู่ความสงบแล้ว สายตาของเขาทั้งลึกล้ำและแฝงไปด้วยแสงเล็กน้อย “ข้าขอถามพวกเจ้า ถ้าเจ้าเด็กนั่นมีพลังที่สามารถเอาชนะพวกเราได้จริง ๆ อย่างนั้นเขาจะซ่อนตัวอยู่ในอุโมงค์ตลอดไปได้หรือ?”
โหลวเฟิงตกตะลึง “แต่หวงซินก็ตายด้วยน้ำมือของมัน!”
เซวียคุนคำรามด้วยความโกรธ “หยุดกล่าวถึงศิษย์น้องหวงซินเดี๋ยวนี้!”
“นั่นอาจเป็นอุบัติเหตุ หรืออาจเป็นเพราะเจ้าเด็กนั่นมีพลังที่สามารถสังหารเซียนสวรรค์ขั้นกลางที่ควบแน่นพลังของกฎได้ แต่หลังจากก่อเรื่องแล้ว มันก็ยังไม่กล้าโผล่หัวออกมาจากอุโมงค์ มีความหมายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เจ้าเด็กนั่นรู้ตัวว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเรา มันจึงได้แต่หดหัวอยู่ในอุโมงค์ และฉวยโอกาสนี้พัฒนาความแข็งแกร่งของมัน”
ดวงตาข้างเดียวของเหวยเจิ้งเต็มไปด้วยประกายแสงลึกล้ำ เย็นชา และน่าสยดสยอง “เป็นที่ทราบกันทั่วว่า ไม่ว่าพรสวรรค์ของผู้ข้ามผ่านจะไม่ธรรมดาสักเพียงใด ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะควบแน่นพลังของกฎได้ภายในสองวัน ดังนั้นหากเจ้าเด็กนั่นตั้งใจจะพึ่งพาพลังของมันเพื่อเอาชนะเรา มันย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะทำได้ในระยะเวลาอันสั้น”
โหลวเฟิงกับเซวียคุนครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งเมื่อได้ยินเรื่องทั้งหมดนี้
“ดังนั้นเราไม่อาจปล่อยให้มันได้พัฒนาความแข็งแกร่งอีกต่อไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายขึ้น สิ่งที่เราควรทำในตอนนี้ ไม่ใช่การเข้าไปในอุโมงค์ แต่ต้องบังคับให้มันโผล่หัวออกมาจากอุโมงค์!” เหวยเจิ้งกล่าวอย่างเย็นชา “ด้วยวิธีนี้ เราจะเห็นได้ด้วยสองตาของเราเองว่า เจ้าเด็กนั่นมีความสามารถแกร่งกล้าอันใด แม้เราจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน แต่อย่าลืมว่าใต้เท้าสยงหมิงได้เฝ้าระวังอยู่ตลอด ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เจ้าคิดว่าเจ้าเด็กนั่นจะมีโอกาสรอดอีกหรือไม่?”
ดวงตาของโหลวเฟิงเป็นประกาย เขาปรบมือและกล่าวว่า “นั่นเป็นแผนการที่ยอดเยี่ยม”
เซวียคุนกลับแค่นเสียงเย็น “บังคับให้มันโผล่ออกมา? ช่างน่าขบขันเสียจริง! แม้แต่หมอกวิบัติเบญจพิษก็ทำอะไรไอ้สารเลวนั่นไม่ได้!”
“งั้นเราจะทำลายอุโมงค์นี้ซะ!” เหวยเจิ้งตอบโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย และน้ำเสียงของเขาก็เผยถึงความเหี้ยมโหด
“ตราบใดที่เราสามารถขจัดปัญหาทั้งหมดในอนาคตได้ การสูญเสียศิลากำเนิดวิญญาณครามไปบางส่วนก็หาได้เป็นอะไรไม่ แม้ว่าใต้เท้าสยงหมิงจะรู้เรื่องนี้เข้า แต่ท่านจะไม่ถือสาแน่นอน”
โหลวเฟิงกับเซวียคุนมองหน้ากัน และไม่กล่าวอะไรอีก
“ถ้าเจ้าทั้งคู่ตกลง งั้นเรามาลงมือกันเถอะ รุ่งสางใกล้จะมาถึงแล้ว และเราจะชักช้าไม่ได้” เหวยเจิ้งแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ลึกล้ำและมืดมิด
…
ตู้ม!
จู่ ๆ คลื่นสั่นสะเทือนรุนแรงก็เกิดขึ้นภายในอุโมงค์ ทำให้หินถล่มและฝุ่นฟุ้งกระจายไปในอากาศ
ผู้ข้ามผ่านทุกคนที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นโดยมีศิลาอมตะอยู่ในมือ ขณะกำลังฟื้นฟูพลังอมตะของตนต่างถูกแรงสั่นสะเทือนปลุกให้ตื่นจากการทำสมาธิ และรู้สึกงุนงงเล็กน้อย
“ดูเหมือนว่าพวกมันจะไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไปเช่นกัน พวกมันตั้งใจทำลายอุโมงค์นี้เพื่อบังคับให้เราออกไป” เสียงของเฉินซีดังก้องออกไปโดยรอบ และทำให้สีหน้าของผู้ข้ามผ่านเคร่งเครียดขึ้น
พวกเขาอยู่ลึกลงมาใต้พื้นดินมาก หากอุโมงค์นี้ถูกทำลาย ก็ยากจะกลับขึ้นไปบนผืนดิน
ถึงขนาดที่ชีวิตอาจตกอยู่ในอันตรายด้วยซ้ำ!
แม้อุโมงค์นี้จะเต็มไปด้วยปราณวิญญาณคราม และไม่มีใครสามารถคงอยู่ได้ หากไม่มีศิลาอมตะเพียงพอก็ตาม
มีเพียงเฉินซีเท่านั้นที่มีท่าทางค่อนข้างสงบ ราวกับว่าเขาได้คาดถึงสิ่งนี้อยู่แล้ว
“เราเสียเวลาไม่ได้แล้ว ไปกันเถอะ!” เฉินซีสั่ง แต่ไม่ได้เป็นคนแรกที่ออกไป เขากลับเดินไปทางกำแพงแทน ก่อนจะพามู่หลิงหลงออกมา
อันที่จริง เฉินซีไม่จำเป็นต้องสั่งพวกเขาเลย เมื่อรู้ว่าอุโมงค์กำลังถูกทำลาย จึงไม่มีใครคิดจะอยู่ที่นี่อีกต่อไป ทุกคนพากันพุ่งตัวไปยังทางออกอย่างบ้าคลั่งด้วยสีหน้าวิตกกังวล และหวาดกลัวอย่างยิ่งว่าจะถูกกลบฝังทั้งเป็นอยู่ที่นี่ หากล่าช้าเกินไป
“เหตุใดพวกเขาถึงทำเช่นนี้!? ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะช่วยเหลือท่านหรือ? เหตุใดถึงพากันหนีไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ แล้วพวกเขาจะช่วยพวกเราได้อย่างไร?!”
มู่หลิงหลงโกรธจัด คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างช่วยไม่ได้
“ข้าไม่เคยตั้งความหวังว่าพวกมันจะให้ความช่วยเหลือใด ๆ ที่ข้ามอบศิลาอมตะแก่พวกมัน ก็เพื่อฟื้นปราณเซียนของพวกมันเท่านั้น ข้าแค่ไม่ต้องการให้พวกมันช่วยเหลือศัตรู ฉะนั้นไม่ต้องกล่าวถึงแนวป้องกันมากมายที่อาจถูกตั้งขึ้นในอุโมงค์นี้ แล้วพวกมันจะหลบหนีไปได้อย่างไร” เฉินซีหัวเราะเบา ๆ และพุ่งไปยังทางออกของอุโมงค์อย่างรวดเร็วพร้อมกับมู่หลิงหลง
“ท่านไม่กังวลว่าพวกมันจะหันกลับมาแว้งกัดท่านหรือ?” มู่หลิงหลงกล่าวด้วยความกังวล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...