บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1033

บทที่ 1033 ขับไล่ศัตรูกลับไป

บทที่ 1033 ขับไล่ศัตรูกลับไป

จ้าวเฉิงจ้องมองแผ่นหลังของเฉินซี เมื่อเห็นว่าเฉินซีไม่มีความตั้งใจที่จะจากไป ใบหน้าของจ้าวเฉิงพลันมืดครึ้ม และกล่าวอย่างใจเย็น “สหาย โปรดเห็นแก่หน้าข้าเถิด ไปเสีย”

เฉินซีหันกลับมาด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก เปลวไฟแห่งความหดหู่ที่สะสมอยู่ในใจเป็นเวลานาน ก็ลุกโชนอย่างควบคุมไม่ได้

“วันนี้ข้าโชคร้ายจริง ๆ!”

“ไม่มีค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติ แล้วตัวข้ายังมากลายเป็นอาชญากรมีค่าหัว แถมยังถูกปิดประตูใส่หน้าทั้งที่ตั้งใจจะแลกเปลี่ยนกับวัตถุดิบเซียน ยิ่งกว่านั้น แม้แต่ตอนที่ข้าเข้าไปในภัตตาคาร ยังมีกลุ่มคนที่คิดหาเรื่อง และโวยวายว่าพวกเขากำลังวางแผนที่จะจับกุมตัวข้าอย่างไรดี…”

“หรือตัวข้าดูเหมือนคนอ่อนแอ จะรังแกอย่างไรก็ได้?”

เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ และสงบสติอารมณ์ที่กำลังปะทุภายในใจของเขา “ข้าแค่ต้องการความเงียบสงบ ดังนั้นอย่ารบกวนข้าจะเป็นการดีที่สุด”

เขาต้องการความเงียบสงบและไม่อยากสร้างปัญหาในตอนนี้ เพราะมีลางสังหรณ์ว่า หลังจากทุบตีสั่งสอนไอ้พวกสารเลวเหล่านี้แล้ว อาจเกิดเหตุร้ายที่ไม่คาดฝันขึ้น

แต่ทันทีที่พูดจบ สีหน้าของชายหนุ่มและหญิงสาวเหล่านั้นพลันมืดลง และไม่พอใจยิ่งกว่าเดิม พวกเขาไม่เข้าใจว่า ทำไมชายที่ดูธรรมดาตั้งแต่หัวจรดเท้า ถึงกล้ากล่าวเช่นนี้

“ไอ้หนู เมื่อกี้เจ้าว่าอะไรนะ? ข้าท้าให้เจ้ากล่าวอีกครั้ง!” จ้าวเฉิงขมวดคิ้ว และใบหน้าของเขามืดมนเล็กน้อย

“ห๊ะ! ดูเหมือนไอ้เด็กนี่จะไม่รู้กฎของเมืองรัศมีเมฆา ถึงกล้ากล่าวเช่นนั้นกับพวกเรา ดู ๆ ไปเขาดูเหมือนตัวโง่งมไม่รู้ความ”

“ช่างเถอะ ให้โอกาสเขาสักครั้ง ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด การถือสากับคนโง่เขลารังแต่จะทำให้เราแย่ลง”

คนอื่น ๆ ต่างกอดอกและร่วมเย้ยหยันเช่นกัน

ข้ารับใช้หญิงของภัตตาคารเซียนหลงระเริงรอบ ๆ ต่างหน้าซีด และสายตาที่ผู้คนมองมาที่เฉินซีก็มีความรู้สึกซับซ้อนเล็กน้อย ดูเหมือนพวกเขาจะยินดีในความโชคร้ายของเฉินซี แต่ก็สงสารในเวลาเดียวกัน แต่ส่วนใหญ่คือความงุนงงและประหลาดใจ

พวกเขาไม่สามารถเข้าใจได้อย่างแท้จริง และรู้สึกว่าเฉินซีเป็นคนโง่เขลา ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเหล่าชายหนุ่มหญิงสาวตรงหน้าล้วนเป็นศิษย์ที่โดดเด่นของขุมพลังอันยิ่งใหญ่ในเมืองรัศมีเมฆา ยิ่งกว่านั้น สี่คนในนั้นยังเป็นคนที่ได้รับการจัดอันดับในเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีป!

แต่เขากลับยังไม่รีบจากไป เอาแต่นั่งเหมือนคนโง่แทน นี่จึงไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย!

“ไอ้หนู หรือว่าเจ้าต้องการให้บิดาผู้นี้เชิญเจ้าออกไป?” เมื่อเห็นเฉินซียังคงนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อน และไม่แยแสใครทั้งสิ้น คิ้วของจ้าวเฉิงก็ขมวดเข้าหากันแน่นยิ่งขึ้น คำพูดของเขาเริ่มเจือความโกรธเกรี้ยวและคุกคาม

“เจ้าจะมาเสียเวลาอะไรกับคนผู้นี้? แค่โยนมันไปที่ถนนก็พอแล้ว” หวงเทียนหู่ผู้ที่มีอารมณ์รุนแรงที่สุดก้าวไปข้างหน้า ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยกลิ่นอายเย็นชา

จ้าวเฉิงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและมองไปที่หวงเทียนหู่ ก่อนจะกล่าวว่า “เทียนหู่นี่คือภัตตาคารเซียนหลงระเริง ดังนั้นอย่าได้รุนแรงนัก”

“ไม่ต้องห่วง ข้าเพียงจะโยนเจ้าเด็กนี้ออกไปเท่านั้น” หวงเทียนหู่แสยะยิ้ม ก่อนจะก้าวไปยืนหน้าโต๊ะของเฉินซีอย่างรวดเร็ว เขากางฝ่ามือออกเหมือนที่ตักขยะ มันพลุ่งพล่านด้วยปราณเซียนพิสุทธิ์อันเย็นยะเยือก และคว้าไปที่ไหล่ของเฉินซี

“ไอ้เด็กอวดดี บิดาผู้นี้จะสั่งสอนเจ้า ถึงผลของการไม่เห็นคุณค่าในความเมตตาของผู้อื่นในวันนี้!” ฝ่ามือของเขาคว้าลงมาด้วยพลังอันดุร้าย แม้จะกล่าวว่าไม่ทำร้ายเฉินซี แต่ภายใต้พลังฝ่ามือนี้ หากเป็นคนอื่นจะต้องประสบกับความเจ็บปวดที่ไหล่ราวกับกระดูกแตกเป็นเสี่ยง ๆ ไปแล้ว!

“ไสหัวไปซะ!” จู่ ๆ เฉินซีก็ยกมือขึ้น เปลวไฟลุกโชนอยู่ในดวงตา ชายหนุ่มเหยียดมือออกไปดุจโซ่เหล็กที่พาดผ่านแม่น้ำ แล้วคว้าข้อมือขวาของหวงเทียนหู่เอาไว้ ก่อนที่จะเหวี่ยงเบา ๆ ทำให้ร่างกำยำของหวงเทียนหู่ถูกโยนออกไปนอกหน้าต่างทันที!

“อ๊าก!!!” ใบหน้าของหวงเทียนหู่เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม และพลิกตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพุ่งเข้าหาเฉินซีอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เฉินซีเพียงดีดนิ้วใส่หวงเทียนหู่ ก่อให้เกิดพลังสายหนึ่งแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว มันตรงเข้าไปปิดผนึกเลือดลมในร่างกาย ทำให้หวงเทียนหู่กลายเป็นหุ่นเชิดไม้แข็งทื่อ

ต่อมา เสียงโครมครามก็ดังขึ้น หวงเทียนหู่ล้มกองลงบนถนนด้านนอกโดยที่ใบหน้าของเขานาบไปกับพื้น และหมดสติไป ร่างกายถูกปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็ง ซึ่งเกิดจากกระแสพลังของกฎแห่งวารีที่แฝงอยู่ในการโจมตีของเฉินซี และผนึกเลือดลมในร่างกายของเจ้าตัวไว้

บนชั้นสองของภัตตาคาร ภาพของหวงเทียนหู่ที่หมดสติกองอยู่กับพื้นถนน ทำให้สีหน้าของจ้าวเฉิงและคนอื่น ๆ เคร่งขรึมทันควัน

“เป็นไปได้อย่างไรกัน?”

ในบรรดาพวกเขาทั้งหมด หวงเทียนหู่มีการบ่มเพาะที่ขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นกลาง และควบแน่นพลังแห่งกฎสองประเภทแล้ว นอกจากนี้ อันดับของเขาในเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีปยังต่ำกว่าจ้าวเฉิงและเหริ่นเยว่เอ๋อร์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

แต่ชายที่มีการแต่งตัวและการบ่มเพาะแสนธรรมดาผู้นี้ กลับบดขยี้หวงเทียนหู่ได้ในพริบตา ราวกับฉากฝันร้ายตื่นหนึ่ง

“เจ้าเป็นใครกัน? ถ้ายังไม่เปิดเผยตัวตนก็อย่าหาว่าพวกเราล่วงเกิน!” จ้าวเฉิงกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ สีหน้ามืดมนเป็นอย่างยิ่ง เพราะรู้ดีว่าคนที่สามารถเอาชนะหวงเทียนหู่ได้ จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน

คนอื่น ๆ ต่างแสดงสีหน้าไม่เป็นมิตรเช่นกัน

“ไสหัวไปซะ!” เมื่อได้ลงมือแล้ว เฉินซีตระหนักว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะยุติเรื่องนี้ได้อย่างสันติ ดังนั้นในพริบตาต่อมา เขาจึงลุกยืนขึ้น สายตาที่เหมือนสายฟ้าฟาดกวาดผ่านจ้าวเฉิงและคนอื่น ๆ อย่างเย็นชา

“ไสหัวไปซะ?”

เมื่อสองคำนี้ลอดเข้าหู จ้าวเฉิงและคนอื่น ๆ ต่างรู้สึกเหมือนถูกตบเข้าที่ใบหน้า ในเมืองรัศมีเมฆา จะมีใครอาจหาญกล่าวเช่นนี้กับพวกเขาบ้าง?

“ฆ่ามัน!”

“สั่งสอนมันซะ!”

จ้าวเฉิงและคนอื่น ๆ สบตากันแวบหนึ่ง พวกเขาตะโกนเรียกสหายของตน และโถมเข้าโจมตีอย่างดุเดือด

‘อย่างที่คิดไว้ ครั้งนี้ข้าไม่สามารถหลีกหนีแมลงวันน่ารำคาญเหล่านี้ได้จริง ๆ… ’

เฉินซีหัวเราะเยาะเย้ยตัวเอง ความรู้สึกแย่ ๆ ในใจที่สั่งสมมาตลอดทั้งวันเปลี่ยนเป็นจิตต่อสู้พลุ่งพล่านออกมาจากร่าง ทันใดนั้น เฉินซีคล้ายเปลี่ยนเป็นคนละคน ราวกับกระบี่สังหารไร้เทียมทาน อาบย้อมไปด้วยเลือดของผู้คนนับไม่ถ้วนและถูกปลดออกจากฝัก!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]