บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1043

บทที่ 1043 ราชันเซียนผู้โกรธเกรี้ยว

บทที่ 1043 ราชันเซียนผู้โกรธเกรี้ยว

ณ ตำหนักราชันเซียน โถงแสงอำไพ

ชื่อของโถงนี้สื่อถึงพระอาทิตย์ที่สว่างไสวลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า และส่องสว่างไปทั่วโลก

ราชันเซียนลิ่นฮ่าว ผู้สวมชุดคลุมสีขาวและปล่อยผมยาวเคลียบ่า นั่งอยู่บนที่นั่งของเจ้าตำหนัก เขาไม่ได้แสดงสีหน้าเลยแม้แต่น้อยและยังคงเงียบสงบ สายฟ้าเย็นยะเยือกสะท้อนอยู่ในดวงตาทุกครั้งที่กะพริบ และมันก็น่าเกรงขามอย่างยิ่ง

บรรยากาศในห้องโถงช่างกดดันและเงียบงัน

เหล่าองครักษ์ทั้งหมดภายใต้คำสั่งของราชันเซียนและผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนทองคำสามคนที่ปลีกวิเวกบำเพ็ญเพียรอย่างสันโดษ ต่างก็มารวมตัวกันที่นี่ ทุกคนล้วนมีสีหน้าเคร่งเครียด รู้สึกไม่สบายใจและวิตกกังวลเล็กน้อย

ฉากก่อนหน้านี้ช่างน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง เนื่องจากมู่จวินหลิน ซึ่งเป็นหนึ่งในหกสุริยันอันเจิดจ้าและมีชื่อเสียงอย่างมากในภพเซียน ได้ทำลายประตูทางเข้าของตำหนักราชันเซียนด้วยการฟันกระบี่เพียงครั้งเดียว!

และมู่จวินหลินยังได้กล่าวเอาไว้อีกว่า ราชันเซียนลิ่นฮ่าวจะต้องเดินทางไปยังทวีปรัตติกาลภายในสามวัน เพื่อชดใช้ความผิดของเขา!

หากเซียนทองคำคนอื่นกล้ากล่าวเช่นนี้ ทุกคนก็คงคิดว่าเซียนทองคำคนนั้นเป็นตัวโง่งม และรนหาที่ตายอย่างแท้จริง

แต่เมื่อถ้อยคำเหล่านี้ถูกกล่าวโดยมู่จวินหลิน พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องให้ความสำคัญกับมัน

เพราะเขาคือหนึ่งในหกสุริยันอันเจิดจ้าของภพเซียน ทั้งยังมาจากหนึ่งในสี่มหาทวีปอย่างทวีปรัตติกาล ยังมีตระกูลมู่ซึ่งเป็นมหาอำนาจอันน่าเกรงขามและลึกลับ คอยหนุนหลังอีก…

แล้วจะมีใครกล้าเพิกเฉยต่อคำกล่าวของบุคคลผู้มีภูมิหลังยิ่งใหญ่เช่นนี้หรือ?

แม้แต่ราชันเซียนลิ่นฮ่าวยังไม่กล้าเพิกเฉย และไม่ได้รั้งมู่จวินหลินด้วยซ้ำ สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าราชันเซียนลิ่นฮ่าวไว้หน้ามู่จวินหลินอยู่หลายส่วน

แม้มู่จวินหลินจะเป็นเพียงเซียนทองคำ แต่กลิ่นอายอันน่าเกรงขามที่ล้อมรอบกาย ก็เพียงพอที่จะทำให้ราชันเซียนลิ่นฮ่าวผู้มีการบ่มเพาะขอบเขตเซียนปราชญ์ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม

ด้วยเหตุนี้ ราชันเซียนลิ่นฮ่าวจึงเรียกระดมกำลังที่อยู่ใต้คำบังคับบัญชาของตน เพื่อสืบหามูลเหตุที่ทำให้มู่จวินหลินโกรธเคืองเช่นนี้

เป็นเรื่องง่ายหากจ้าวผู้ครองทวีปต้องการข้อมูลบางอย่าง ในเวลาไม่นานนัก องครักษ์คนหนึ่งก็พุ่งเข้ามาในห้องโถงพร้อมกับเหงื่อชโลมกาย จากนั้นก็คุกเข่าลงบนพื้นพร้อมกับตัวสั่นด้วยความกลัว ก่อนจะรายงานข้อมูลที่ได้รวบรวมมา

ข้อมูลนั้นเรียบง่ายมาก เป็นบันทึกรายละเอียดทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเหมืองวิญญาณคราม รวมถึงชื่อของผู้ข้ามผ่านทุกคน ซึ่งน่าตกใจที่มีชื่อของเฉินซีและมู่หลิงหลงรวมอยู่ด้วย

เมื่อเห็นคำว่า ‘มู่หลิงหลง’ ราชันเซียนลิ่นฮ่าวก็เข้าใจทุกอย่างในทันที พริบตาต่อมา สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชาและมืดมนจนถึงขีดสุด

สิ่งที่สามารถทำให้เซียนปราชญ์โกรธได้ถึงขนาดนี้ ย่อมแสดงให้เห็นว่าข้อมูลชิ้นนี้มีผลต่อราชันเซียนลิ่นฮ่าว

บรรยากาศในห้องโถงกดดันมากขึ้น มันเยือกเย็น และทำให้ทุกผู้รู้สึกหายใจไม่ออก พลางปิดปากเงียบสนิทเหมือนจักจั่นในฤดูหนาว ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น

“ประเสริฐมาก พวกเจ้าไม่แยกแยะและจับทุกคนแบบไม่เลือกหน้า ช่างน่าประทับใจเสียจริงเชียว!” ราชันเซียนลิ่นฮ่าวกล่าวเน้นย้ำทีละคำ แค่นเสียงผ่านซี่ฟัน ดั่งค้อนศึกที่กระแทกหัวใจของทุกคน พวกเขาตกใจจนหน้าซีดเผือด ร่างกายเปียกโชกด้วยเหงื่อเย็นเยียบ

ร่างขององครักษ์ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นอ่อนแรงลงทันที เขาล้มลงกับพื้น สีหน้าซีดเผือดอย่างน่าสยดสยอง ร่างกายสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้ เพราะไม่อาจต้านทานพลังของเซียนปราชญ์ที่กำลังเดือดดาลได้

โชคดีที่ราชันเซียนลิ่นฮ่าวได้เก็บพลังและความโกรธของตนกลับไป เขาตระหนักดีว่าการระบายความโกรธเกรี้ยวตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ประกอบกับต้องคิดหาวิธีจัดการกับเรื่องนี้เป็นการเร่งด่วน

มิฉะนั้น อาจมีกลุ่มตัวประหลาดเฒ่าจากทวีปรัตติกาลดาหน้าเข้ามาสังหารตนในอีกสามวันนับจากนี้…

“ใครเป็นคนดูแลเหมืองวิญญาณคราม” ขณะกล่าว ใบหน้าของราชันเซียนลิ่นฮ่าวกลายเป็นเฉยเมยและไร้อารมณ์อย่างมาก

“ผู้… ผู้บัญชาการเมิ่งซิงขอรับ” องครักษ์ที่อยู่บนพื้นกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ

“สั่งให้เขามาหาข้าก่อนฟ้ามืด ไม่เช่นนั้นก็ไม่ต้องกลับมาอีก!” ราชันเซียนลิ่นฮ่าวสั่งเสียงเย็น และแสดงบุคลิกเด็ดขาดของจ้าวผู้ปกครองอย่างเต็มที่

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ทุกคนต่างลอบถอนหายใจ เมื่อรู้ว่าผู้บัญชาการเมิ่งซิงจะกลายเป็นแพะรับบาปในครั้งนี้

“นายท่าน แล้วเราควรทำอย่างไรกับเฉินซี?” ในขณะเดียวกัน ฉินจงถามเสียงแผ่วเบา เพราะก่อนที่มู่หลิงหลงจะจากไป นางได้แสดงออกอย่างชัดเจนว่า ถ้าพวกเขากล้าสร้างปัญหาให้กับเฉินซี นางก็จะถือว่าพวกเขาเป็นศัตรูเช่นกัน

ท่าทีของราชันเซียนลิ่นฮ่าวกลับมั่นคงเป็นอย่างยิ่ง และตอบโดยไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย “จับตัวมันซะ! ไม่ว่าจะอย่างไร เรามิอาจปล่อยให้มันหลบหนีไปจากทวีปสันติบูรพาได้!”

ทุกคนตกตะลึงและงุนงง พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมราชันเซียนลิ่นฮ่าวถึงยังคงยืนกรานภายใต้สถานการณ์เช่นนี้

“ตระกูลมู่นั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีใครสามารถต่อกรกับพวกมันได้” ราชันเซียนลิ่นฮ่าวดูเหมือนจะนึกบางอย่างได้ ท่าทางของเขาจึงดูมีความมั่นใจมากขึ้นเล็กน้อย

เมื่อทุกคนได้ยินเรื่องนี้ ต่างรู้สึกลังเล อาจมีคนร้องขอให้ราชันเซียนลิ่นฮ่าวจับตัวเฉินซี และตัวตนของบุคคลที่อยู่เบื้องหลัง สามารถต่อกรกับตระกูลมู่ได้!

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ทุกคนก็รู้สึกผงะ คนผู้นั้นสามารถทำให้ราชันเซียนเชื่อฟังคำสั่งได้ เป็นไปได้ไหมว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลัง คือมหาอำนาจจากหนึ่งในสี่มหาทวีป?

ในทางกลับกัน ตัวตนของเฉินซีคืออะไรกันแน่? ทำไมถึงสามารถดึงดูดความเกลียดชังของผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้?

ยิ่งคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งตกใจมากเท่านั้น ในยามนี้ พวกเขาก็ตระหนักได้ว่า ผู้ข้ามผ่านคนนี้จะต้องมีความลับที่ยิ่งใหญ่มากแน่!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]