บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1042

บทที่ 1042 อำนาจหนึ่งท่ากระบี่

บทที่ 1042 อำนาจหนึ่งท่ากระบี่

เพียงชั่วพริบตา จำนวนศพภายในป่าทึบก็เพิ่มขึ้นอีกสอง

อู๋หยวนยืนมือไพล่หลัง มองจางจื่อฉุนกับจ้าวเฉิงนอนตายอย่างน่าสมเพช จากนั้นพึมพำเสียงเบา ๆ ว่า “อย่าโทษข้าหาว่าข้าโหดร้ายเลย เพื่ออนาคตของบุตรชาย แม้แต่คนจากตำหนักราชันเซียนข้ายังกล้าสังหาร นับประสาอะไรกับพวกเจ้าสองคน นิกายรัศมีเมฆาหรือ? ฮ่า ๆ ก็แค่พวกชั่วช้าประจำเมืองเท่านั้น…”

อู๋หยวนโบกมือแล้วเดินจากไปไม่คิดเสียเวลาไปมากกว่านี้

คนชุดดำด้านหลังเริ่มจัดการกับศพและรอยเลือดบนพื้นอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่ลงมือเช่นนี้

ไม่นานป่าทึบก็สะอาดหมดจด ไม่เหลือร่องรอยแม้แต่น้อย

ในวันนั้น ผู้อาวุโสสามนิกายรัศมีเมฆาจางจื่อฉุนและศิษย์สายตรงจ้าวเฉิงหายสาบสูญอย่างไร้ร่องรอย พร้อมกับข่าวการหายตัวไปของผู้บัญชาการซุนหงตำหนักราชันเซียนและลูกน้องอีกสองคนก็กระจายไปทั่วเมืองเช่นกัน…

“นายท่าน ป้ายชะตาวิญญาณของผู้บัญชาการซุนหงแตกแล้ว”

“ฝีมือใคร?”

“ไม่อาจทราบได้ รายงานที่ผู้บัญชาการซุนหงส่งมาก่อนเขาจะหายไปมาจากเมืองรัศมีเมฆา คงพบกับเป้าหมายที่นั่น ส่วนสาเหตุการตายกับศพเรายังไม่พบเบาะแสขอรับ”

“อ้อ?”

“จากแหล่งข้อมูลของเรา คนที่น่าสงสัยที่สุด คืออาจารย์สำนักศึกษาจตุรเทพ เสวียนอวิ๋น”

“เสวียนอวิ๋น?”

“ขอรับ ผู้อาวุโสสามนิกายรัศมีเมฆาจางจื่อฉุนและศิษย์เขาจ้าวเฉิงหายไปพร้อมกับผู้บัญชาการซุนหง เป็นวันที่เสวียนอวิ๋นออกจากเมืองรัศมีเมฆาพอดิบพอดี”

“อาจารย์สำนักศึกษาจตุรเทพล้วนเป็นปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระผู้มีฐานะสูงส่ง ยืนอยู่เหนือใครในใต้หล้า คงไม่ลงมือผลีผลามเช่นนี้ เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเป็นฝีมือของผู้อื่น?”

“อย่างนั้นก็เหลือศาลาเซียนคลื่นทองคำ เป้าหมายพักอยู่ในศาลาเซียนคลื่นทองคำเมืองรัศมีเมฆาอยู่หลายวัน ผู้บัญชาการซุนหงหายตัวไปในขณะเฝ้าดูศาลาเซียนคลื่นทองคำขอรับ”

“ศาลาเซียนคลื่นทองคำ? นับว่ารับมือยากอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสำนักศึกษาจตุรเทพหรือศาลาเซียนคลื่นทองคำ หากพวกเขาเข้ามาเกี่ยวข้อง ท่านราชันเซียนคงต้องปวดหัวแล้ว”

“ไม่แน่ทั้งสองอาจร่วมมือกันก็เป็นได้ เสวียนอวิ๋นเดินทางไปยังศาลาเซียนคลื่นทองคำเมืองรัศมีเมฆา รับบุตรชายของผู้ดูแลอู๋หยวนนามว่าอู๋ซวินเป็นศิษย์ ดังนั้นจึงมีความสัมพันธ์ค่อนข้างใกล้ชิด หากพวกเขาร่วมมือกันก็ไม่จำเป็นต้องไม่เกรงกลัวตำหนักราชันเซียนของเราอีกต่อไป”

“แต่เหตุใดต้องทำเช่นนี้? หรือการช่วยเจ้าเด็กที่มาจากภพมนุษย์ คุ้มค่าแก่การล่วงเกินตำหนักราชันเซียนของเราเลยงั้นหรือ? เป็นไปไม่ได้หรอก”

“ข้าก็มิอาจทราบได้”

“เจ้าไปได้แล้ว ข้าจะรายงานเรื่องนี้แก่ท่านราชันเซียน ส่วนงานของเจ้าคือติดตามเสวียนอวิ๋นให้ดีแล้วคอยรายงานข้าตลอดเวลา เจ้าต้องสืบสวนและหาทุกเบาะแสให้ได้ก่อนพวกนั้นจะออกจากทวีปสันติบูรพา”

“ขอรับ!”

เมืองวิหคเพลิงพำนักนับเป็นเมืองศูนย์กลางอำนาจแห่งทวีปสันติบูรพาโดยแท้จริง และเป็นสถานที่ตั้งของตำหนักราชันเซียนด้วย ซึ่งทำหน้าคล้ายกับสถานที่ตั้งของทางการในภพมนุษย์

ตอนนี้ภายในลานหน้าเรือนแห่งหนึ่งในเมืองวิหคเพลิงพำนัก ชายวัยกลางคนชุดเทาเจ้าของท่วงท่าธรรมดากำลังส่งชายหนุ่มคนหนึ่งจากไป แล้วจึงหันหลังปิดประตู รีบร้อนออกจากเรือน

เขาคือฉินจง ผู้บัญชาการตำหนักราชันเซียนที่คอยช่วยราชันเซียนสืบข้อมูลอย่างลับ ๆ มาโดยตลอด ชื่อเสียงไม่ได้โด่งดังอะไรนัก แต่มีความสำคัญยิ่ง

ข่าวที่ได้รับมาในวันนี้น่าตกใจยิ่งนัก ดังนั้นตัวฉินจงจึงไม่สามารถตัดสินใจเองได้ ต้องรายงานให้ราชันเซียนลิ่นฮ่าวเป็นผู้ตัดสินใจ

ตำหนักราชันเซียนตั้งอยู่ใจกลางเมืองวิหคเพลิงพำนัก ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางอำนาจควบคุมทั่วทั้งทวีป ตำหนักราชันเซียนจึงถูกสร้างขึ้นอย่างใหญ่โตหรูหรา กินพื้นที่กว้างขวาง มีหอสูงเสียดฟ้าหลายแห่ง ปลดปล่อยกลิ่นอายน่าเกรงขามออกมา

แค่ประตูทางเข้าก็สูงถึงหกลี้ไปแล้ว ทั้งยังทำจากทองเซียนสัมฤทธิ์ที่ถูกกลั่นนับร้อยครั้ง มันสว่างสดใส ยิ่งใหญ่ และเผยความงดงามดั่งประตูสู่สวรรค์ เมื่อไปยืนอยู่หน้าประตูจึงให้ความรู้สึกเหมือนตนเองตัวเล็กดังมดตัวหนึ่ง

เมื่อฉินจงมาถึงหน้าประตูตำหนักราชันเซียนก็มองไปด้านข้างอย่างเหม่อลอย

มีชายหนุ่มและหญิงสาวยืนอยู่ตรงนั้น เรือนผมของหญิงสาวงดงามทิ้งตัวดั่งน้ำตก ผิวสีขาวสะอาด ใบหน้างดงามน่าทะนุถนอม เอวเรียวคอดที่โอบได้ด้วยแขนข้างเดียว นับว่าเป็นสตรีที่มีเสน่ห์เย้ายวนคนหนึ่ง

ส่วนชายหนุ่มยืนหลังเหยียดตรง คิ้วคมดั่งกระบี่ สวมชุดสีขาวเสียยิ่งกว่าหิมะ กำลังยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสายตาเย็นชาพร้อมกับใบหน้าหล่อเหลาดั่งรูปสลัก ปลดปล่อยกลิ่นอายดุดันมั่นคงออกมา

ฉินจงรู้ได้ทันทีว่าทั้งสองเป็นแขกของท่านราชันเซียน!

จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?

หลังจากทั้งสองมาถึงเมืองวิหคเพลิงพำนักเมื่อเจ็ดวันก่อน พวกเขาก็มารอที่นี่ทุกวันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สร่าง แล้วกลับไปเมื่อท้องฟ้ายามค่ำคืนมาถึง

ราชันเซียนลิ่นฮ่าวเป็นผู้ครองทวีป ไม่ใช่ผู้ที่ใครจะมาขอพบได้โดยง่าย

แน่นอนว่าฉินจงเองก็รู้ดีว่าช่วงนี้ราชันเซียนลิ่นฮ่าวออกเดินทางไปพบสหายที่อื่น ไม่ได้อยู่ในตำหนักราชันเซียน และเพิ่งกลับมาวันนี้

แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าท่านราชันเซียนจะยอมให้ชายหนุ่มหญิงสาวเข้าพบได้ แม้ทั้งคู่จะมายืนรอตรงนี้ทุกวันเพื่อแสดงให้เห็นถึงความจริงใจอย่างไรก็ไม่เป็นผล

อย่างที่ว่าไว้ นี่คือตำหนักราชันเซียน ราชันเซียนลิ่นฮ่าวเป็นผู้ครองทวีป ไม่ใช่ผู้ที่เข้าพบได้โดยง่าย

ฉินจงส่ายหน้าแล้วไม่สนใจอีก ก่อนจะเดินเข้าประตูเล็กด้านข้างไป

เทียบกันแล้วประตูสูงหกลี้นั้นดูโอ่อ่ายิ่ง ทั้งยังเต็มไปด้วยข้อจำกัดมากมายฝังอยู่ เผยให้เห็นอำนาจแห่งตำหนักราชันเซียน ปกติแล้วไม่เปิดต้อนรับใคร เว้นเสียแต่จะมีแขกคนสำคัญมาเยือนหรือมีเรื่องสำคัญจะประกาศ

แต่ประตูเล็กด้านข้างนั้นเป็นเส้นทางเดียวที่ผู้บัญชาการอย่างฉินจงสามารถเข้าออกได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]