บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1065

บทที่ 1065 ขยี้บุปผาอย่างไร้ปรานี

บทที่ 1065 ขยี้บุปผาอย่างไร้ปรานี

ไม่ว่าจะเสียงหรือรูปลักษณ์ของเหลียงเลี่ยงล้วนน่าสมเพช และร่างกายของเขาก็ยังแผ่กลิ่นอายอันน่าสมเพชออกมาด้วย

เมื่อเห็นคนเช่นนี้พูดพล่ามอยู่ต่อหน้าเป็นเวลานาน ก็ทำให้ผู้เยี่ยมยุทธ์ที่อยู่ใกล้เคียงอยากทุบตีเขาจนจุกอก

แต่มันก็ช่วยไม่ได้ เพราะคนผู้นี้มีท่าทางราวกับอยากถูกทุบตี!

“เจ้าหยุดพล่ามเรื่องไร้สาระได้หรือยัง? รีบถอยไปซะ ข้าต้องการท้าทายไอ้บัดซบอวดดีคนนี้เอง!”

ชายร่างกำยำแหวกฝูงชนออก และจ้องมองเหลียงเลี่ยงอย่างดุดัน เจตนาคุกคามอย่างชัดเจน

เหลียงเลี่ยงหัวเราะเบา ๆ “มองแวบแรก เจ้าดูเหมือนเป็นคนที่ไม่ธรรมดา แต่เจ้าแน่ใจแล้วหรือ? ว่าอันดับของเจ้าในเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีปจะเหนือกว่านายน้อยของข้า?”

ใบหน้าของชายร่างกำยำแข็งทื่อ ก่อนจะกล่าวอย่างเดือดดาล “เจ้าพล่ามอะไร? ผู้ที่มีอันดับต่ำกว่าไม่ได้รับอนุญาตให้ท้าทายเขาหรือ?”

สีหน้าของเหลียงเลี่ยงเปลี่ยนไปทันที เขาถ่มน้ำลายรดพื้นขณะเอ่ยเย้ยหยัน “เจ้ากล้าหลอกข้าหรือ? ถ้าเจ้าไม่มีคุณสมบัติก็รีบถอยไปซะ อย่าให้ผู้อื่นต้องเสียเวลา”

ใบหน้าของชายร่างกำยำพลันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม และเขาชี้นิ้วไปไปที่เหลียงเลี่ยงแล้วตวาดเสียงดัง “เจ้าหมา! ข้าท้าให้เจ้ากล่าวอีกครั้ง!”

“อะไร? เจ้าคิดว่าตระกูลเหลียงของข้าไม่มีผู้มีความสามารถหรือ?” จู่ ๆ เหลียงเจิ้นก็หันกลับมาด้วยสายตาเย็นยะเยือกราวกับใบมีดและจ้องมองอย่างเย็นชา เขาทั้งหล่อเหลา องอาจ อีกทั้งยังเผยท่าทางของผู้เยี่ยมยุทธ์ ประกอบกับชื่อเสียงของตระกูลเหลียงแล้ว เขาจึงมีอำนาจอย่างมาก

ใบหน้าของชายร่างกำยำเปลี่ยนไปอีกครั้ง และกลิ่นอายน่าเกรงขามของคนผู้นี้ก็อ่อนลงทันที ก่อนจะพึมพำอย่างไม่พอใจ แล้วหันหลังหายเข้าไปในฝูงชน

เมื่อคนอื่น ๆ ได้ยินก็ทำให้พวกเขาตกใจทันที แน่นอนแล้วว่า การที่เฉินซีกล้าต่อต้านตระกูลอินเป็นเพราะได้รับการสนับสนุนจากตระกูลเหลียงอย่างลับ ๆ นี่เอง!

“ฮิ ฮิ ไยถึงไม่ให้ข้าได้เล่นสนุกกับนายน้อยเฉินซีเล่า” ในขณะเดียวกัน เสียงอันไพเราะจับใจก็ดังขึ้น จากนั้นร่างอันสง่างามก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน เสื้อผ้ารัดรูปสีม่วงอ่อนของนางได้ดึงส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างกายออกมาอย่างชัดเจน และทรวงอกใหญ่โตดุจภูเขาสองลูกก็เกือบจะปริออกจากเสื้อผ้าแสนสบายของนาง เผยให้เห็นผิวขาวนวลเนียนดุจหิมะ

ผมของนางถูกรวบเป็นมวยสูงเหนือศีรษะ เผยให้เห็นคอเรียวระหงขาวราวกับหิมะ ประกอบกับรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์อันเย้ายวน

ทุกคนล้วนตกตะลึง

ผู้หญิงคนนี้เป็นเหมือนกุหลาบป่าที่อ่อนโยนและสวยงาม นางทั้งดูอบอุ่น กล้าหาญ และสามารถหลอมละลายหัวใจของเหล่าบุรุษได้ในพริบตา ทำให้สายตาของผู้เยี่ยมยุทธ์หลายคนเริ่มลุกโชนด้วยไฟปรารถนา ในขณะที่ผู้หญิงบางคนในฝูงชนเต็มไปด้วยความเกลียดชัง และพวกนางก่นด่าคำว่า ‘นางปีศาจ’ อย่างลับ ๆ!

ในขณะเดียวกัน เหลียงเลี่ยงที่จดจ้องอยู่ก็เริ่มน้ำลายไหล ดวงตาที่น่าสมเพชเปล่งประกาย แอบชำเลืองมองไปยังเนินอกอันเย้ายวนของนางอย่างรวดเร็วราวกับหมาป่าผู้หิวโหย ทำให้ท่าทางของเขาดูน่าสมเพชยิ่งขึ้นไปอีก

“สหายเต๋าจากตระกูลเหลียง สายตาของเจ้าช่างน่ากลัวจริง ๆ” หญิงสาวมากเสน่ห์มองเหลียงเลี่ยง ขณะที่คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ดวงตาของนางพร่ามัว ในขณะที่ยืดตัวขึ้นเล็กน้อย ทำให้ก้อนเนื้อสีขาวราวหิมะตรงหน้าอกสั่นกระเพื่อม มันเต็มไปด้วยเสน่ห์อันเย้ายวน ทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นั่นรู้สึกราวกับว่าปากของพวกเขาแห้งผาก เลือดลมในกายเดือดพล่าน

ลมหายใจของเหลียงเลี่ยงหนักขึ้น เลือดแทบพ่นออกมาจากจมูก เขาจึงรีบหัวเราะเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “ที่แท้ก็คุณหนูหนานปี่อวินแห่งเมืองวารีมายานี่เอง ด้วยพลังฝีมือจนได้อันดับที่สองร้อยสามสิบหก ควบคู่ไปกับเคล็ดเสน่ห์เซียนที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้ แม่นางยังต้องกลัวสิ่งใดอีก? ไม่มีทางที่ข้าจะกินเจ้าได้หรอก”

ขณะที่กล่าว เหลียงเลี่ยงก็ยกแขนเสื้อเช็ดน้ำลาย การเคลื่อนไหวของเขาเป็นธรรมชาติและชำนาญ แต่กลิ่นอายอันน่าสมเพช ไม่สามารถปกปิดได้ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ตาม

เฉินซีเริ่มเคลื่อนไหว และรู้สึกว่าเหลียงเลี่ยงดูเหมือนจงใจเผยข้อมูลบางอย่างเกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนี้แก่เขา

“เคล็ดเสน่ห์เซียนหรือ?”

“ดูเหมือนนางจะมีฝีมือในการโจมตีจิตใจที่ไร้รูปแบบ…”

ในขณะเดียวกัน เหลียงเจิ้นเหลือบมองไปที่เฉินซีซึ่งอยู่บนสนามประลอง เฉินซีจึงยืนขึ้นและพยักหน้า

“เจ้าขึ้นไปได้” เมื่อเห็นสิ่งนี้ เหลียงเจิ้นจึงหันกลับมาและมองหนานปี่อวินอย่างเย็นชา

“โอ้ พี่ใหญ่สุดหล่อ ถ้าไม่ใช่เพื่อประลองกับนายน้อยเฉินซี ข้าชักอยากจะเลี้ยงสุราท่านสักมื้อจริง ๆ” หนานปี่อวินยิ้มอย่างอ่อนหวานให้เหลียงเจิ้น ด้วยดวงตาชุ่มชื้นราวกับว่าพวกมันจะล้นออกมาได้ทุกเมื่อ ทำให้ผู้เยี่ยมยุทธ์ที่อยู่โดยรอบต่างกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว หัวใจของพวกเขาต่างร้อนรุ่ม นางช่างเป็นปีศาจที่น่าหลงใหลจริง ๆ!

ขณะที่นางกล่าว หนานปี่อวินก็ลอยขึ้นไปบนสนามประลองช้า ๆ และร่างของนางแกว่งไกวไปมา ดวงตาอันงดงามพลันเปล่งประกาย ขณะจ้องมองเฉินซีไม่วางตา

“คุณชายเฉินซี อันที่จริงข้าไม่ต้องการต่อสู้กับเจ้า ข้าแค่อยากรู้จักเจ้าเท่านั้น บางทีเราอาจสานสัมพันธ์อันดีต่อกันได้ ดังนั้นช่วยปล่อยให้ข้าเป็นฝ่ายชนะได้หรือไม่?” ทันใดนั้นนางก็กะพริบตาแผ่วเบา เผยให้เห็นท่าทางน่าสงสารและเปี่ยมด้วยเสน่ห์ ราวกับสัตว์ร้ายตัวน้อยที่กำลังกระดิกหางออดอ้อนขอความเมตตาจากเจ้านาย

“ไม่” เฉินซีตอบโดยไม่ลังเล น้ำเสียงของเขาทั้งสงบและเรียบนิ่ง

ดวงตาของหนานปี่อวินแดงเรื่อทันที ท่าทีเปลี่ยนเป็นเศร้าโศก และยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเหนียมอาย ในขณะที่ขนตาสีดำสนิทสั่นไหวเล็กน้อย ราวกับหยาดน้ำตากำลังจะร่วงหล่นจากดวงตา ซึ่งดูเหมือนนางไม่ได้มาเพื่อต่อสู้เลยแม้แต่น้อย แต่เหมือนเด็กสาวแรกรุ่นที่ลุ่มหลงในความรักมาตามหาคู่แท้เสียมากกว่า

ปัง!

ทันใดนั้น กลิ่นอายของเฉินซีพลันเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง ราวกับคลื่นพายุที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ในชั่วพริบตา มันสาดซัดราวกับทะเลคลั่ง จากนั้นเขาก็ฟาดฝ่ามือออกไปโดยไม่ลังเล!

นับตั้งแต่นางก้าวเข้าสู่สนามประลอง หญิงสาวคนนี้ก็ได้ใช้เคล็ดวิชาหว่านเสน่ห์ ทุก ๆ คำที่นางได้กล่าวออกมา เต็มไปด้วยพลังที่ไร้รูปร่าง บุกทะลวงเข้าสู่หัวใจโดยตรง ทำให้ยากที่จะป้องกันได้

แม้แต่เฉินซีก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีที่ไร้รูปร่างเช่นนี้ได้เช่นกัน ภาพลวงตามากมายถาโถมเข้าสู่จิตใจทันที มีหญิงสาวมากเสน่ห์และอ่อนโยน สวมเสื้อผ้าโปร่งบางเผยผิวหนังเล็กน้อยกำลังเริงระบำ พร้อมกับกระซิบเบา ๆ ด้วยเสียงชวนหัวใจสั่นไหว มีฉากการร้องรำทำเพลงที่อบอวลไปด้วยเสน่ห์อันเย้ายวน ท่ามกลางบรรยากาศหรูหราโอ่อ่า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]