บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1064

บทที่ 1064 ทั้งหมดที่ข้าแสวงหาคือความพ่ายแพ้

บทที่ 1064 ทั้งหมดที่ข้าแสวงหาคือความพ่ายแพ้

ในช่วงก่อนที่เฉินซีจะกลับจากดินแดนจักรพรรดิแห่งการต่อสู้ เหลียงปิงก็ได้ทราบเรื่องทุกอย่างแล้ว แม้ว่านางจะถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าสู่ดินแดนจักรพรรดิแห่งการต่อสู้เป็นเวลาหกเดือน แต่ที่นั่นก็ไม่ได้ขาดแคลนเหล่าศิษย์จากตระกูลเหลียง

ดังนั้นนางจึงเก็บคำเตือนของเฉินซีไว้ และไม่ได้กังวลอะไร

ต่อให้เฉินซีจะสร้างความขุ่นเคืองใจให้กับเหล่าศิษย์ของตระกูลหลัวและตระกูลกู่ แต่เหลียงปิงก็หาได้สนใจไม่

ก่อนหน้านี้ นางได้พูดคุยกับเหลียงเทียนเหิงผู้เป็นบิดา ในฐานะผู้นำตระกูลเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงในเต๋าแห่งยันต์อักขระ ความคิดเห็นของเหลียงเทียนเหิงนั้นราบเรียบมาก “ในเมื่อศิษย์ของเขาเทพพยากรณ์อยู่ในอาณาเขตของเรา เราจะปล่อยให้เขาถูกข่มเหงได้อย่างไร?”

ย่อมไม่แน่นอน!

แม้ว่านี่จะเป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ แต่ก็แสดงทัศนคติของเหลียงเทียนเหิงต่อเรื่องนี้อย่างชัดเจน ตราบใดที่เฉินซีอยู่ในอาณาเขตของตระกูลเหลียง จะไม่มีผู้ใดสามารถแตะต้องเฉินซีได้แม้แต่ปลายเส้นผม!

ทว่า เหลียงปิงไม่ได้บอกเรื่องนี้แก่เฉินซี เพราะนางทราบดีว่าเฉินซีจำเป็นต้องแข็งแกร่งขึ้นมากกว่านี้ และไม่ต้องการการปกป้องใด ๆ ดังนั้นนางให้คำมั่นว่าเฉินซีสามารถต่อสู้ได้เท่าที่ต้องการ และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็หาได้สำคัญไม่

สำหรับคลื่นใต้น้ำที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างลับ ๆ เช่นเดียวกับการแก้แค้นของตระกูลอิน ตระกูลเหลียงย่อมต้องจัดการกับมันอยู่แล้ว เมื่อเหลียงเทียนเหิงออกหน้าจัดการให้ เฉินซีก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรอีก

แต่เหลียงปิงไม่ทราบว่า แท้จริงแล้วไม่มีใครกล้ารับคำท้าของเฉินซี นางจึงอดที่จะหัวเราะไม่ได้ และไม่ได้ปิดบังท่าทางเยาะเย้ยเลยสักนิด “พวกมันเป็นแค่ขยะไร้ค่ากลุ่มหนึ่ง และพวกมันคงได้แต่อยู่ในทวีปทักษิณาไปตลอดชีวิตเท่านั้น ไม่มีทางที่ประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้”

“ขยะไร้ค่ากลุ่มหนึ่ง…”

เฉินซีนึกถึงคำพูดของกู่อวี่ถังที่เรียกพวกเขาว่า ‘คนธรรมดาทั่วไป’ และครุ่นคิดในใจว่า ‘แน่นอนว่ามุมมองของผู้เยี่ยมยุทธ์ในระดับเหลียงปิงและคนอื่น ๆ นั้นคล้ายคลึงกันจนน่าตกใจ’

“อย่าได้กังวลไป ข้าจะหาผู้ช่วยสักสองคนมาช่วยเจ้าในอนาคต เมื่อเจ้าเข้าสู่ดินแดนจักรพรรดิแห่งการต่อสู้ เจ้าต้องรอให้ผู้อื่นมาท้าทายเจ้าอย่างใจเย็น พวกเขาจะช่วยเจ้าเลือกคู่ต่อสู้ และไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีผู้ท้าทาย” ในขณะเดียวกันดวงตาของเหลียงปิงก็สว่างวาบ และดูเหมือนนางจะมีความคิดบางอย่าง ทำให้ริมฝีปากสีแดงอันอ่อนนุ่มและเย้ายวนของนางกลายเป็นรอยยิ้มลึกลึบ

หลังจากนั้นไม่นาน เฉินซีได้พบกับ ‘ผู้ช่วย’ สองคนที่เหลียงปิงกล่าวถึง

คนหนึ่งสวมเสื้อผ้าสีขาวราวหิมะ หน้าตาหล่อเหลา เย็นชาและองอาจ เขามีนามว่า เหลียงเจิ้น

ส่วนอีกคน มีปากยื่นและผอมเหมือนไม้ไผ่ ทั่วทั้งร่างแผ่กลิ่นอายน่าสมเพชออกมา เขามีนามว่า เหลียงเลี่ยง

“นี่คือเฉินซีทำความรู้จักกันซะ งานของพวกเจ้าคือช่วยเขาเลือกคู่ต่อสู้ในดินแดนจักรพรรดิแห่งการต่อสู้” เหลียงปิงแนะนำอย่างเป็นกันเอง

“นายน้อยเฉินซี” เหลียงเจิ้นพยักหน้าเล็กน้อย ในขณะที่เขายังคงเย็นชาเหมือนเช่นเคย

“ที่แท้คือนายน้อยเฉินซีนี่เอง ข้าได้ยินเรื่องเกี่ยวกับท่านมามาก โปรดดูแลเราในอนาคตด้วย” เหลียงเลี่ยงหัวเราะเบา ๆ เผยให้เห็นถึงฟันสีเหลืองเต็มปากขณะประจบประแจงเฉินซี และรูปลักษณ์ของเขามีกลิ่นอายที่น่าสมเพช ทำให้ผู้พบเห็นต้องรู้สึกขนลุกชูชัน

การมีอยู่ของคนผู้นี้ ทำให้ท่าทางของเหลียงเจิ้นดูสง่างามและไม่ธรรมดายิ่งขึ้นไปอีก

เฉินซีอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าสองคนนี้ซึ่งมีบุคลิกและนิสัยต่างกันโดยสิ้นเชิงมารวมกันได้อย่างไร เหตุใดเหลียงปิงถึงไว้ใจพวกเขามากขนาดนี้

“เอาล่ะ พวกเจ้าทั้งสองจงไปเตรียมตัวเข้าสู่ดินแดนจักรพรรดิแห่งการต่อสู้ซะ” เหลียงปิงโบกมือไล่ทั้งสองออกไป จากนั้นนางก็หันกลับมาและยิ้มให้เฉินซี “ไว้รอดูฝีมือของพวกเขาเมื่อเจ้าเข้าสู่ดินแดนจักรพรรดิแห่งการต่อสู้ในวันพรุ่งนี้ รับรองว่าเจ้าจะต้องตกใจอย่างแน่นอน”

เฉินซีตกตะลึง เหลียงปิงนั่นเก่งกาจในทุกด้าน แต่ข้อบกพร่องเดียวของนางคือนางชอบให้คนอื่นคาดเดา

ในตอนเช้าตรู่ของอีกวัน

นับตั้งแต่ลืมตาตื่นจากการทำสมาธิ และออกจากโลกแห่งดารา เฉินซีรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะบรรลุขอบเขต เขาอยู่ห่างจากการบรรลุสู่ขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นกลางอีกไม่กี่ก้าวเท่านั้น

ทว่า มันยังขาดปัจจัยที่สำคัญยิ่ง

นั่นคือความแข็งแกร่งในการขัดเกลาขั้นสุดท้าย และไม่สามารถอธิบายได้ เหมือนกับว่าเมื่อใดที่สามารถเจาะผ่านกระดาษแผ่นนี้ คนผู้นั้นก็จะสามารถมองเห็นโลกใบใหม่ได้อย่างสมบูรณ์

“ข้าขาดแค่ความสำเร็จ…”

เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ และส่ายศีรษะ ในขณะที่ควบคุมแรงกระตุ้นในใจ ชายหนุ่มนั่งขัดสมาธิในห้องลับขณะถือป้ายคำสั่งวิญญาณยุทธ์ และเข้าสู่ดินแดนจักรพรรดิแห่งการต่อสู้หลังจากนั้นไม่นาน

ทันทีที่มาถึง คลื่นเสียงโห่ร้องก็ปะทะเข้าใบหน้าอย่างจัง

“เขากล้าโอ้อวดอย่างไร้ยางอาย! เป็นการดูหมิ่นคุณหนูอินเหมียวเมี่ยว! คนผู้นี้ช่างน่ารังเกียจเกินไปแล้ว!”

“ใช่แล้ว! การที่เขาสามารถเอาชนะผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับขั้นต้นนั่นเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาก็จริง ๆ แต่ยังกล้าพูดจาไร้สาระต่อหน้าคุณหนูอินเหมียวเมี่ยว! บัดซบ! ถ้าข้าเจอเขา ข้าจะฟาดมันให้แหลกคามือเลย!”

“ว่าแต่…ฝีมือของเจ้าคู่ควรกับเขาหรือ?”

“ฮึ่ม! แม้ฝีมือของข้าจะไม่คู่ควรกับเฉินซี แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของคุณหนูอินเหมียวเมี่ยว ข้าเชื่อว่าย่อมมีผู้เยี่ยมยุทธ์มากมายที่อยากจัดการไอ้เด็กคนนี้!”

“หยุดเอะอะโวยวายได้แล้ว เรารีบไปที่ชั้นที่ห้ากันเถอะ มีคนเสนอสมบัติอมตะระดับวิญญาณทมิฬ ให้คนผู้ที่สามารถเอาชนะเฉินซีได้!”

“เจ้าว่าอันใด? รางวัลเช่นนี้มีจริงหรือ?”

“มาเถอะ เราไปดูกัน ข้าอยากจะฟาดเจ้าเด็กนั่นมานานแล้ว ตอนนี้ข้าสามารถได้รางวัลจากการเอาชนะเขาแล้ว ย่อมเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่ง!”

เฉินซีฟังการสนทนาอื้ออึงเหล่านี้ พร้อมกับจ้องมองไปยังร่างจำนวนมากที่พุ่งทะลุท้องฟ้า และมุ่งหน้าไปยังสนามประลองที่อยู่ห่างไกล เฉินซีก็อดที่จะตกตะลึงไม่ได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]