บทที่ 1079 ราคาที่ต้องจ่าย
บทที่ 1079 ราคาที่ต้องจ่าย
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะลั่นมาจากนอกห้องโถง เหลียงเทียนเหิงก็หุบยิ้มทันที และกลับมามีสีหน้าสำรวมตามปกติ
ในทางกลับกัน เหลียงปิงเผยสีหน้าเย้ยหยันเล็กน้อย ก่อนจะนั่งลงอย่างเคร่งขรึม ใบหน้าของนางยังคงไร้ความรู้สึก เย็นชา และทะนงตัว
เสียงฝีเท้ามั่นคงดังก้องมาจากนอกห้องโถง จากนั้นชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่หล่อเหลาและสง่างามในชุดเสื้อคลุมขนนกสีม่วงเข้มก็เดินเข้ามา
เขาก้าวย่างอย่างแข็งแรงดุจพยัคฆ์ ในขณะที่มีรอยยิ้มอยู่ที่มุมปากและสายตาที่ดุร้ายก็พุ่งออกมาราวกับสายฟ้าเย็นยะเยือก ทุก ๆ อิริยาบถล้วนแผ่กลิ่นอายแห่งการควบคุมและความเย่อหยิ่งออกมาอย่างน่าเกรงขาม
คนผู้นี้ย่อมเป็น อินเตอจ้าว ผู้นำแห่งตระกูลอินอย่างแน่นอน!
ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปราชญ์ที่มีอำนาจมหาศาลในทวีปทักษิณา!
หลังจากที่เดินเข้าไปในห้องโถง เขาตกตะลึงเล็กน้อย เมื่อเห็นเหลียงปิงนั่งอยู่ข้าง ๆ จากนั้นก็เลื่อนสายตาไปยังเหลียงเทียนเหิงที่นั่งอยู่บนที่นั่งของผู้นำตระกูล ก่อนจะแค่นหัวเราะ “พี่เหลียงคงไม่รังเกียจที่ข้าจะมาโดยไม่ได้รับเชิญกระมัง?”
แม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่อินเตอจ้าวก็รู้อยู่แก่ใจ ตั้งแต่เหลียงปิงสาวน้อยคนนี้ปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เขาอาจจะต้องจ่ายราคาสูงเพื่อให้ความปรารถนาของตนเป็นจริง
เพราะรู้ว่าชายหนุ่มที่ชื่อเฉินซี ดูเหมือนจะถูกเหลียงปิงพาเข้ามาในตระกูลเหลียง ทั้งยังปกป้องเขาอย่างมาก การที่นางมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ตอนนี้ เห็นได้ชัดว่านางได้ทราบข่าวแล้ว จึงมาห้ามไม่ให้เขากระทำการที่ขัดต่อผลประโยชน์ของเฉินซี
แต่อินเตอจ้าวก็ไม่ได้กังวลอันใด เขาเชื่อว่าตราบใดที่จ่ายในราคาที่เหมาะสม เขาจะไม่ต้องกังวลว่าเหลียงเทียนเหิงจะไม่ตกลงตามเงื่อนไขของตน สำหรับเหลียงปิง นางเป็นเพียงผู้น้อยและไม่มีความจำเป็นต้องคำนึงถึงทัศนคติของนาง
“พี่อิน ท่านกำลังกล่าวถึงเรื่องอะไรกัน เชิญนั่งเถิด” เหลียงเทียนเหิงยิ้มน้อย ๆ
อินเตอจ้าวนั่งบนเก้าอี้ด้านข้างตามคำเชื้อเชิญ จากนั้นก็ถอนหายใจ “กี่ปีแล้ว? ตั้งแต่ข้าเข้ารับตำแหน่งผู้นำตระกูล ข้าก็ถูกพัวพันด้วยเรื่องของตระกูลมาโดยตลอด ทำให้ข้าไม่สามารถหาโอกาสมาเยี่ยมเยียนพี่เหลียงเป็นการส่วนตัวได้ ช่างน่าเสียดายจริง ๆ”
เหลียงเทียนเหิงยิ้มและกล่าวว่า “แล้วเหตุใดตอนนี้พี่อินถึงมีเวลาว่างมาที่ตระกูลต่ำต้อยของข้าได้?”
อินเตอจ้าวส่ายศีรษะ “มันมิใช่เวลาว่างหรอก แต่ครั้งนี้ข้ามีธุระสำคัญที่ต้องจัดการ ถ้าข้าจะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จได้ ข้าก็ต้องพึ่งพาพี่เหลียง”
เหลียงเทียนเหิงกล่าวอย่างเบิกบานใจ “เชื่อหรือไม่? พี่อินทำให้ข้ารู้สึกท่วมท้นจากความโปรดปรานนี้”
สีหน้าของอินเตอจ้าวกลายเป็นเคร่งขรึม ในขณะที่เขากล่าวอย่างจริงจังว่า “พี่เหลียง เรื่องนี้ไม่สามารถทำได้ หากปราศจากข้อตกลงของท่าน”
สีหน้าของเหลียงเทียนเหิงยังคงสงบ “โอ้ แล้วบอกข้าได้หรือไม่ว่ามันคือเรื่องใด? แต่ข้าขอบอกไว้ก่อนว่า แม้ข้าจะเป็นผู้นำของตระกูลเหลียง แต่ข้าต้องคำนึงถึงความรู้สึกของคนในตระกูลเป็นอันดับแรก ก่อนที่จะตัดสินใจ หากคำขอของพี่อินมากเกินไป ข้าก็คงไม่สามารถช่วยได้”
“ไม่ต้องห่วงพี่เหลียง เรื่องนี้ง่ายดายเหมือนกระดิกนิ้ว” อินเตอจ้าวกล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่ในใจเขากลับสาปแช่ง ‘เจ้าจิ้งจอกเฒ่า ข้ารู้ว่าเจ้าจะต้องกล่าวเช่นนั้น’
หลังจากนั้น เขาจึงเปิดเผยเหตุผลของการมาเยือนครั้งนี้ในลักษณะที่กระชับและครอบคลุม กล่าวเป็นนัยว่า หากตระกูลเหลียงยอมมอบตัวเฉินซี ตระกูลอินเต็มใจที่จะจ่ายในราคาที่ตระกูลเหลียงจะต้องพึงพอใจอย่างแน่นอน
หลังจากกล่าวมาจนถึงตอนนี้ ในที่สุดก็ถึงเวลาที่จะเข้าสู่ประเด็นหลักเสียที
เหลียงเทียนเหิงแสดงท่าทีสนใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้ แต่เขาไม่ได้กล่าวถึงเงื่อนไขใด ๆ และดูเหมือนกำลังครุ่นคิด “ดูเหมือนว่าพี่อินจะเป็นห่วงเป็นใยกับเรื่องของยัยหนูเหมียวเมี่ยวจริง ๆ”
เหมียวเมี่ยวที่ว่านั้น ย่อมหมายถึงอินเหมียวเมี่ยว
อินเตอจ้าวรู้ว่าทำไมเหลียงเทียนเหิงถึงกล่าวเช่นนี้ และเขาไม่ได้กล่าวอย่างสุภาพ แต่กลับยิ้มอย่างภาคภูมิใจแทน “แน่นอน เถี่ยชิวอวี้จากโถงวิญญาณยุทธ์ได้ประเมินเหมียวเมี่ยวว่า นางเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์อันโดดเด่น มีคุณสมบัติที่จะกลายเป็นสุริยันอันเจิดจ้าดวงใหม่ หากไม่มีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น นางจะกลายเป็นหนึ่งในหกสุริยันอันเจิดจ้าได้ภายในหนึ่งร้อยปี และกลายเป็นสุริยันอันเจิดจ้าดวงที่เจ็ดของภพเซียน!”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ เขาไหวไหล่และกล่าวด้วยสีหน้าอับจนหนทาง “พี่เหลียง ช่วยบอกข้าที ข้าจะปฏิเสธคำขอจากเหมียวเมี่ยวได้อย่างไร?”
แม้จะเปิดเผยสีหน้าที่ทำอะไรไม่ถูก แต่น้ำเสียงและการกระทำของเขากลับเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและความพึงพอใจ สิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เขาให้คุณค่ากับอินเหมียวเมี่ยวมากเพียงใด
“สุริยันดวงที่เจ็ด…”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหลียงปิงที่ฟังอยู่ข้าง ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
แม้ว่าเสียงหัวเราะของนางจะเบามาก แต่อินเตอจ้าวก็เป็นตัวตนขอบเขตเซียนปราชญ์ ดังนั้นเขาจึงได้ยินอย่างชัดเจน ทว่าสีหน้าของชายชรายังคงไม่เปลี่ยนแปลง มีรอยยิ้มอันภาคภูมิใจและพึงพอใจประดับอยู่บนใบหน้า
เขารู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างอินเหมียวเมี่ยวและเหลียงปิงนั้นเลวร้ายมาก ดังนั้นปฏิกิริยาของเหลียงปิงจึงไม่ผิดไปจากความคาดหวังเท่าใดนัก แล้วเขาจะโกรธได้อย่างไร?
ในฐานะผู้นำของตระกูลอิน อย่างน้อยเขาก็มีความสามารถในการปกปิดอารมณ์ของตน
ในขณะเดียวกัน เหลียงเทียนเหิงก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าอย่างนั้น ข้าต้องแสดงความยินดีกับพี่อินจริง ๆ แม้ว่าตาเฒ่าเถี่ยชิวอวี้จะโลภมาก แต่ดวงตาเฉียบแหลม และไม่มีใครในเมืองจตุรเทพที่สามารถเปรียบเทียบกับเขาได้”
อินเตอจ้าวแค่นหัวเราะและโบกมือไปมา “ไม่จำเป็นต้องแสดงความยินดี ข้อตกลงของพี่เหลียงต่อคำขอของข้า คือของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับเหมียวเมี่ยว”
จู่ ๆ เหลียงเทียนเหิงก็เงียบไป แย้มยิ้มขณะมองอินเตอจ้าว
เมื่อเห็นสิ่งนี้ อินเตอจ้าวก็สาปแช่งในใจ ‘ไอ้จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ เจ้าจะไม่ปล่อยนกอินทรีออกมาโดยไม่ได้เห็นกระต่ายจริง ๆ’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...
ลงวันละหลายตอนใต้ใหม่ครับ...