บทที่ 1086 เป็นที่ได้รับความนิยม
บทที่ 1086 เป็นที่ได้รับความนิยม
“เฉินซีออกจากการปิดด่านบ่มเพาะแล้ว!”
“เร็วเข้า! รีบไปรายงานเรื่องนี้กับนายน้อย และขอให้นายน้อยรีบไปสนามประลองเร็ว!”
โชคดีที่ใช้เวลาไม่นาน ก่อนที่ผู้คนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงจะหายจากอาการตกใจ จากนั้นพวกเขาแผดเสียงร้องตะโกนและแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง
เฉินซีถูจมูก และรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ดูเหมือนการที่ข้าออกจากการปิดด่านบ่มเพาะจะทำให้คนอื่น ๆ ตื่นเต้นมาก?”
เฉินซีส่ายศีรษะและมุ่งตรงไปยังสนามประลอง
อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มได้สร้างความแตกตื่นในทุกหนทุกแห่งที่ผ่าน และเมื่อทุกคนรู้ถึงการมาของเขา ผู้คนต่างรีบไปรายงานข่าวเรื่องนี้ ราวกับว่าการที่เขาออกจากการปิดด่านบ่มเพาะเป็นเรื่องสำคัญใหญ่หลวง
อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ทำให้เฉินซีเข้าใจได้ในที่สุด เนื่องจากข่าวการชี้แนะต่อเหลียงเฉียวและเหลียงเจ๋อในวันนั้นอาจแพร่สะพัดออกไป มันจึงดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมาย
“เป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน หากข้าสามารถดึงดูดผู้เยี่ยมยุทธ์ให้เข้าร่วมได้มากขึ้น มันก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับข้าที่จะไต่อันดับ…”
เฉินซีครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งขณะก้าวเดิน และรู้สึกว่าสถานการณ์นี้ไม่เลวจริง ๆ เพราะสิ่งที่เขากังวลมากที่สุด มันคงเป็นสถานการณ์ที่น่าอาย หากไม่มีใครยอมรับคำท้าทายของตน
แต่เมื่อเขามาถึงสนามประลอง เฉินซีก็อดไม่ที่จะตกตะลึงกับฉากที่ยิ่งใหญ่ตรงหน้า และถึงขนาดที่ไม่เชื่อในสายตาของตนเอง
เพราะสนามประลองทั้งหมด ล้วนเต็มไปด้วยผู้คนมากมายจนหนาแน่น และคลื่นเสียงโหวกเหวกโวยวายครั้งใหญ่ ก็ทำให้ชั้นเมฆบนท้องฟ้าแตกกระจัดกระจายออกไปอย่างสิ้นเชิง
โดยเฉพาะบริเวณโดยรอบของสนามประลองหมายเลขหนึ่ง มันเต็มไปด้วยผู้คนจนแน่นขนัด และดูเหมือนที่จะเป็นที่นิยมอย่างมาก
“หรือว่ามีเรื่องสำคัญเกิดขึ้นในตระกูลเหลียง?”
เฉินซีรู้สึกงุนงงสับสนเพราะฉากนี้ยิ่งใหญ่เกินไป ไม่ใช่แค่เหล่าศิษย์รุ่นเยาว์ของตระกูลเหลียง แต่ยังสามารถเห็นผู้อาวุโสบางคนที่มีพลังมหาศาล และอย่างน้อยที่สุด พวกเขาก็อยู่ที่ขอบเขตเซียนทองคำ!
เฉินซีไม่กล้าเชื่อว่าเรื่องทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นเพียงเพราะตนออกจากการปิดด่านบ่มเพาะ
อย่างไรก็ตาม เฉินซีก็ต้องประหลาดใจ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปนี้ ทำให้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเชื่อ…
“เฉินซี! ในที่สุดเฉินซีก็มาแล้ว!”
“มันผ่านไปเพียงครึ่งเดือนเท่านั้น ข้าคิดว่าเขาคงต้องใช้เวลาปิดด่านบ่มเพาะสักสองสามปีเป็นอย่างน้อยเสียอีก!”
“บัดซบ! นี่เจ้าไม่กังวลหรือ? หากเป็นเช่นนั้น เหตุใดเจ้าถึงไม่รออีกสักพัก แล้วปล่อยให้โอกาสครั้งนี้เป็นของคนอื่นเล่า?”
“เราตกลงกันแล้วว่าข้าจะเป็นคนแรกที่ประลองกับเฉินซี เพราะข้าชนะเดิมพันก่อนหน้านี้!”
“ฮึ่ม! ไอ้สารเลว! ข้าเป็นลุงของเจ้า แต่เจ้าตั้งใจจะแย่งตำแหน่งของข้าจริง ๆ หรือ? เชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถตบเจ้าออกจากที่นี่ได้?!”
เมื่อพวกเขาเห็นร่างสูงใหญ่ของเฉินซี ปรากฏอยู่ไกลออกไปนอกสนามประลอง ผู้คนโดยรอบก็แตกตื่นทันที ในขณะที่คลื่นเสียงโห่ร้องดังก้องราวกับกลายเป็นตลาดสด
เมื่อเผชิญหน้ากับฉากดังกล่าว แม้แต่เฉินซีก็ยังลังเลเล็กน้อยว่าเขาควรจะออกไปเพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นที่สนใจหรือไม่ เพราะฉากนี้น่าตกตะลึงเกินไป “จะทำอย่างไรดีหากพวกเขากระตือรือร้นจนไม่ยอมปล่อยข้าไป? แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาใช้กำลังจนเกิดเหตุการณ์บานปลาย?”
“พวกเจ้าทุกคนหุบปากซะ!” โชคดีที่เหลียงปิงปรากฏตัวได้ทันเวลาราวกับผู้กอบกู้ที่สวรรค์ส่งมา ดวงตาสุกใสและเย็นชาของนางกวาดมองไปทั่วบริเวณ ริมฝีปากสีแดงเย้ายวนเผยอออกเล็กน้อย และแม้ว่านางจะกล่าวเพียงไม่กี่คำ แต่ดูเหมือนมีมนต์สะกดที่สามารถลบล้างเสียงอึกทึกครึมโครมในบริเวณนี้ได้อย่างสมบูรณ์
บรรยากาศกลับคืนสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ทุกสายตาที่จ้องมองไปยังเฉินซีกลับทวีความร้อนแรงมากขึ้น ราวกับพวกเขาเป็นหมาป่าดุร้ายตัวใหญ่ที่จ้องมองกระต่ายสีขาวตัวน้อย มันน่ากลัวมาก
“ตามข้ามา” เหลียงปิงไม่สามารถใส่ใจกับเรื่องทั้งหมดนี้ได้ และนางก็พาเฉินซีไปที่สนามประลอง ซึ่งฝูงชนก็เปิดเส้นทางให้แต่โดยดี
“เกิดอะไรขึ้น?” เฉินซีตามมาที่ด้านข้างของเหลียงปิง และอดไม่ได้ที่จะถามเบา ๆ
เหลียงปิงจ้องเขม็งมาที่เขาและกล่าวด้วยความโกรธ “ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้า ตอนนี้ทุกคนในตระกูลเหลียงล้วนรู้ว่า เจ้ามีความสามารถที่ขัดเกลาสมบัติอมตะได้ ดังนั้นเจ้าคิดว่าทุกคนจะยอมนิ่งเฉยภายใต้สถานการณ์เช่นนี้หรือ”
เฉินซีกล่าว “แต่มีคนตั้งมากมายขนาดนี้ และดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้มาเพื่อต่อสู้กับข้าใช่หรือไม่?”
มีอีกสิ่งหนึ่งที่เฉินซีไม่ได้กล่าว เพราะแม้แต่เซียนทองคำก็ยังปรากฏตัวที่นี่ หากผู้สูงส่งเหล่านั้นต้องการต่อสู้กับเขาจริง จะเป็นการดีกว่าหรือไม่หากเขาจะหันหลังกลับและจากไป?
“ไม่ต้องกังวล เฉพาะผู้ที่มีอันดับสูงกว่าเจ้าเท่านั้นที่มีคุณสมบัติ สำหรับคนอื่น ๆ… มาเพื่อชมการแสดงเท่านั้น และข้าบอกพวกเขาไปแล้วว่า หากสามารถผลิตศิลาโลหิตจ้าววิญญาณเซียนได้เพียงพอ ก็พอจะพูดคุยกันได้ ส่วนจะช่วยหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวเจ้า” เหลียงปิงอธิบาย
เฉินซีชมเชย “ความคิดนี้ไม่เลวเลย”
ปัจจุบัน ร่างอวตารติดอยู่ที่ขอบเขตเซียนปฐพี และสิ่งที่ขาดแคลนคือศิลาโลหิตจ้าววิญญาณเซียน หากได้รับสิ่งเหล่านี้จากบรรดาศิษย์ของตระกูลเหลียง เขาก็ไม่รังเกียจที่จะให้คำชี้แนะแก่คนเหล่านี้
…
ไม่นาน ทั้งคู่ก็มาถึงหน้าสนามประลอง
เมื่อเห็นเฉินซีก้าวขึ้นไปบนลานประลอง เสียงที่ไม่พึงประสงค์อย่างยิ่งก็ดังก้องขึ้นมาทันที และทำลายความเงียบในที่เกิดเหตุ “พี่เฉิน พี่เฉิน ข้าจะคุกเข่าขอร้อง!”
“คุกเข่าขอร้อง…” สีหน้าของทุกคนแข็งทื่อ “ผู้ใดกันที่กล้ากล่าววาจาไร้ยางอายเช่นนี้!?”
ทุกคนล้วนมองไปทางต้นตอของเสียง และทันใดนั้น พวกเขาก็เห็นชายร่างผอมที่มีปากแหลม ซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายน่าสมเพชจนไม่สามารถปกปิดได้
น่าแปลกที่คนผู้นั้นคือเหลียงเลี่ยง
ทุกคนจึงเข้าใจว่า ที่แท้ก็คือเจ้าคนประหลาดที่น่าสมเพช!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...
ลงวันละหลายตอนใต้ใหม่ครับ...