บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1087

บทที่ 1087 ดาบเพลิงปีศาจสังหาร

บทที่ 1087 ดาบเพลิงปีศาจสังหาร

เหลียงถูที่อยู่ในอันดับที่ยี่สิบเอ็ดพ่ายแพ้แล้ว!

ขณะที่พวกเขามองไปยังร่างสูงของเฉินซีที่ยืนอยู่บนสนามประลอง ศิษย์ของตระกูลเหลียงทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออก และอดไม่ได้ที่จะแสดงความเคารพในใจ

การต่อสู้ทั้งสิบครั้งในวันนี้ ได้พิสูจน์ความแข็งแกร่งของเฉินซีแล้ว!

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการต่อสู้ระหว่างเขากับเหลียงถู มันดำเนินมาตั้งแต่เที่ยงวันจนถึงตอนนี้ และนี่เป็นสิ่งที่เหนือล้ำเกินกว่าจะจินตนการได้ เพราะมีแต่การดำรงอยู่ที่ขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นสูงเท่านั้น ที่จะสามารถยืนหยัดได้นานขนาดนี้

และที่สำคัญ เหลียงถูก็พ่ายแพ้ในที่สุด!

หลังจากนี้ จะมีใครกล้าเรียกเฉินซีว่าเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ธรรมดาทั่วไปได้อีกหรือ?

และในทวีปทักษิณา จะมีใครบ้างที่มีพลังฝีมือท้าทายสวรรค์เช่นเฉินซี ในขณะที่มีการบ่มเพาะเพียงขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นสูง?

แล้วจะเป็นไปได้หรือที่ตัวตนเช่นนี้ ไม่สมควรได้รับการเคารพ?

เหลียงปิงเองก็นึกไม่ถึงว่าเฉินซีจะสามารถเอาชนะเหลียงถูได้ และมีอยู่ช่วงหนึ่งที่นางมึนงง และรู้สึกตกใจอย่างสุดจะพรรณนา

บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบสงัด

พลังฝีมือที่เฉินซีได้เปิดเผยในวันนี้ ได้เอาชนะใจของคนส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่ รวมถึงเหลียงปิงด้วย

แม้ว่าฉินซีจะอยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้เล็กน้อย ร่างกายเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ สีหน้าก็ซีดเซียว แต่ก็ไม่มีใครกล้าหัวเราะเยาะเขา

“เข้ามาอีก” เสียงทุ้มต่ำที่สงบดังออกมาจากระหว่างริมฝีปากของเฉินซี และมันดังก้องอยู่ในหูของทุกคนอย่างชัดเจนท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงัดนี้ ทุกคนล้วนเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ ในขณะที่เก็บงำความรู้สึกที่ซับซ้อนไว้ในใจ “เขายังคิดต่อสู้อีกหรือ?”

“ข้าเกรงว่าจะเป็นไปไม่ได้” เหลียงปิงตกตะลึง จากนั้นนางก็อธิบายด้วยเสียงแผ่วเบา

เฉินซีชะงัก “เพราะเหตุใด?”

แม้ว่าการต่อสู้ครั้งก่อนกับเหลียงถูจะยากลำบากมาก ทำให้ได้รับแรงกดดันอย่างหนักและตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่เล็กน้อย แต่ด้วยการสนับสนุนของต้นอ่อนเงาทมิฬ และการบ่มเพาะดวงจิตแห่งเต๋าที่ขอบเขตวิญญาณดวงใจ เขาก็สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงมีพละกำลังเพียงพอที่จะต่อสู้ในศึกถัดไป

“หรือว่าเจ้าคิดจะสู้กับข้า?” เหลียงปิงถามโดยตรง

เฉินซีเข้าใจทันทีว่านางหมายถึงอะไร เห็นได้ชัดว่ามีเพียงอันดับของเหลียงปิงเท่านั้นที่อยู่เหนือเหลียงถูท่ามกลางผู้คนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ สำหรับคนอื่น พวกเขาไม่มีคุณสมบัติ

“ไม่” เฉินซีปฏิเสธโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ช่างเป็นเรื่องที่น่าตลกสิ้นดี ไม่ต้องกล่าวถึงอันดับเก้าในเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีปของนาง แม้แต่สมบัติอมตะระดับจักรวาลอย่างกระสวยแสงเงินที่นางครอบครองอยู่ก็เหนือล้ำกว่าเขา

อย่างไรก็ตาม กระสวยแสงเงินในตอนนี้ก็ไม่สามารถเทียบได้กับในอดีตได้ เนื่องจากพลังของมันได้เพิ่มขึ้นถึงสี่ส่วน หากเหลียงปิงต้องการ นางย่อมสามารถไต่อันดับไปถึงห้าอันดับแรกในเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีปได้อย่างแน่นอน

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การต่อสู้กับเหลียงปิงก็เหมือนกับการแส่หาเรื่องถูกทุบตี และโอกาสที่จะได้รับชัยชนะก็มีไม่มากนัก แน่นอนว่าเฉินซีก็รู้ตัวดีว่าหากสามารถบรรลุขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นสมบูรณ์แบบได้ บางทีเขาอาจจะมีพลังพอที่จะต่อสู้กับเหลียงปิงได้

เมื่อนางเห็นเฉินซีปฏิเสธอย่างเด็ดขาด เหลียงปิงก็แย้มยิ้มงดงามออกมา ในขณะที่เหล่าศิษย์ของตระกูลเหลียงที่อยู่ใกล้เคียงก็ยิ้มและเข้าใจความหมายดี เพราะพวกเขารู้อย่างชัดเจนถึงความแข็งแกร่งของคุณหนูใหญ่ ดังนั้นจึงรู้ว่าการกระทำของเฉินซีนั้นสมเหตุสมผลเพียงใด

หลังจากนั้น เฉินซีก็กลับไปที่ห้องของเขา และตั้งใจพักผ่อนก่อนจะเข้าสู่การปิดด่านบ่มเพาะต่อไป

อย่างไรก็ตาม เหลียงปิงได้บอกไว้ว่า พรุ่งนี้เช้าให้เดินทางไปที่ศาลาเมฆารุ้ง ซึ่งคนของตระกูลเหลียงหลายคนจะนำศิลาโลหิตจ้าววิญญาณเซียนมาด้วย และจะรวมตัวกันที่นั่น หากเฉินซีเต็มใจ ก็สามารถชี้แนะการขัดเกลาสมบัติของพวกเขา เพื่อแลกกับศิลาโลหิตจ้าววิญญาณเซียน

เฉินซีตอบรับคำขอนี้โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

การบ่มเพาะร่างอวตารของเฉินซีได้กลายเป็นปมในใจมานานแล้ว ดังนั้นเขาจะปล่อยให้โอกาสดังกล่าวหลุดลอยไปได้อย่างไร

แต่ถึงจะไม่ใช่เพื่อศิลาโลหิตจ้าววิญญาณ ตราบใดที่เหลียงปิงร้องขอ เขาจะไม่ปฏิเสธที่จะชี้แนะในการขัดเกลาสมบัติอมตะแก่คนในตระกูลของนางอย่างแน่นอน

เหตุผลก็ง่ายมากเช่นเดียวกัน เพราะเหลียงปิงได้ช่วยเขามามากเหลือเกิน

เช้าตรู่วันถัดมา

ณ ศาลาเมฆารุ้ง

เมื่อเฉินซีมาถึง ทั้งห้องโถงก็เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย และส่วนใหญ่เป็นผู้อาวุโสของตระกูลเหลียง พวกเขาทั้งหมดล้วนครอบครองพลังมหาศาล และเกือบทั้งหมดมีการบ่มเพาะอยู่ที่ขอบเขตเซียนทองคำ ทำให้เฉินซีตกใจอย่างมากกับภาพที่เห็นนี้

จากมุมมองของคนอื่น สิ่งนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าในฐานะของตระกูลที่มีชื่อเสียงในเต๋าแห่งยันต์อักขระ ทรัพยากรและอำนาจของตระกูลเหลียงนั้นลึกล้ำและน่าเกรงขามเพียงใด

สำหรับศิษย์รุ่นเยาว์ของตระกูลเหลียง ก็มีไม่มากนักที่ได้มาที่นี่ เพราะถึงอย่างไร ศิลาโลหิตจ้าววิญญาณนั้นหายากเสียเหลือเกิน และพวกมันมีประโยชน์ต่อผู้ขัดเกลากายาเท่านั้น จึงไม่มีประโยชน์สำหรับผู้บ่มเพาะลมปราณ ดังนั้นจึงไม่มีใครคิดรวบรวมพวกมัน

เมื่อเฉินซีมาถึง บรรดาผู้อาวุโสของตระกูลเหลียงทั้งหมดต่างพยักหน้าให้เขาด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร และทักทายเฉินซีอย่างอบอุ่น ทำให้เฉินซีรู้สึกตื้นตันเล็กน้อยกับความโปรดปรานที่ไม่คาดคิดนี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]