บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1102

บทที่ 1102 การต่อสู้ปะทุขึ้น

บทที่ 1102 การต่อสู้ปะทุขึ้น

แมลงวันอย่างนั้นหรือ?

เจี่ยงหนิงชะงักไป พอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นเงากลุ่มหนึ่งกำลังพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วด้วยท่าทีไม่เป็นมิตรจากที่ไกล ๆ

ผู้ที่นำมาคือเว่ยเทียน!

แม้ว่าเจี่ยงหนิงจะไม่รู้จักเว่ยเทียน แต่พอเห็นภาพนี้ใบหน้าก็ขรึมลงทันที

“ไม่มีเวลาแล้ว ลงมือเลย!” เยว่เจิ้นตะโกนลั่นก่อนคว้าคอทหารยามที่ยืนอยู่หน้าค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติไว้แล้วเอ่ยเสียงเย็น “เปิดค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติเดี๋ยวนี้! ไม่เช่นนั้นก็จงตายเสียเถอะ!”

ทหารยามสีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม กำลังจะเอ่ยปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นสายตาเย็นชาเต็มไปด้วยจิตสังหารของเยว่เจิ้น ทั้งร่างพลันสั่นสะท้าน ประหนึ่งกลายเป็นหุ่นเชิดไม้ที่ถูกชิงวิญญาณไป เขาสร้างผนึกขึ้นมาแล้วเปิดใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติทันที

เจี่ยงหนิงเคลื่อนกายเข้าค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติโดยไม่รอช้า

ขณะเดียวกัน เมื่อทุกคนในค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติเห็นความโกลาหลตรงหน้า บางคนไม่อาจฝืนสัญชาตญาณพุ่งออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติเพื่อหลบเลี่ยงภัยร้าย

โชคร้ายที่ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป ยังไม่ทันได้เคลื่อนไหว ค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติก็ถูกเปิดใช้งาน เกิดเสียงดังลั่น แล้วทุกคนก็หายไปในพริบตา

เยว่เจิ้นเห็นดังนั้นก็ถอนหายใจโล่งอก จากนั้นเมื่อหันกลับมานัยน์ตาก็เยือกเย็นดั่งคนไร้อารมณ์

“บัดซบ! ค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติถูกเปิดใช้งานแล้ว!”

“ยังมีคนหนึ่งที่ไม่หนีไป ฆ่ามันก่อน! ฆ่ามันเลย!”

พร้อมกันนั้น เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ตระกูลเว่ยก็พากันเหินร่างเข้ามาพร้อมคำรามลั่นเมื่อเห็นว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติถูกเปิดใช้งาน แต่กลับสายเกินกว่าจะแก้ไขสิ่งใด ได้แต่ส่งสายตามองเยว่เจิ้นที่ยังอยู่นอกค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติ โดยไม่คิดปิดบังจิตสังหารสักนิด

“ช่างเป็นพวกโง่เง่าที่น่ารังเกียจยิ่ง!” เยว่เจิ้นถอนหายใจ ก่อนที่เว่ยเทียนกับคนอื่น ๆ จะทันลงมือ เงาร่างของเขาก็หายไปจากจุดนั้น เหินร่างไปไกลแล้ว

“ไล่ตามไป!”

“อย่าให้มันหนีไปได้!”

เงาร่างดำกลุ่มหนึ่งของคนตระกูลเว่ยไล่ล่าเยว่เจิ้นภายใต้การนำของเว่ยเทียนไป ทำให้ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาพากันกระโดดหลบด้วยความประหลาดใจ

รอยแยกยังคงปล่อยพลังผันผวน ห้วงเวลารอบข้างขยับเคลื่อน

อึดใจต่อมาก็เกิดแสงสว่างจ้าวาบขึ้นในหุบเขานอกเมืองประทีปแสง ภายในทวีปสัปยุทธ์เรืองรอง จากนั้นคนกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นภายในค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติในหุบเขาแห่งนั้น

พวกเขาคือเฉินซีกับคนอื่น ๆ นั่นเอง

ทันทีที่มาถึง ทุกคนก็รีบแยกย้ายไปทันที

ภาพที่เห็นในเมืองหยกขจีก่อนหน้านี้ทำให้ทุกคนเข้าใจว่าเจี่ยงหนิงมาพร้อมกับพวกตนมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ แล้วจะให้นั่งอยู่เฉย ๆ รออีกฝ่ายสร้างปัญหาหรือ?

“หยุดเดี๋ยวนี้! ใครที่กล้าหนีไปข้าจะสังหารมันอย่างไร้ปรานี!” ทันใดนั้น น้ำเสียงเย็นชาโหดเหี้ยมก็ดังขึ้นภายในหุบเขา ดังก้องไปทั่วชั้นฟ้า พร้อมกันนั้นจิตสังหารหนาแน่นที่ไม่อาจยับยั้งได้ก็แผ่กระจายไปทั่วเหมือนพายุโหมกระหน่ำ

เจี่ยงหนิงคล้ายกลายร่างเป็นเทพแห่งการสังหาร พลังชีวิตโคจรไปทั่วร่างอย่างเต็มกำลัง แผ่กระจายโอบล้อมทุกร่าง หว่างคิ้วคมกริบดั่งกระบี่เต็มไปด้วยความเยือกเย็น

ทุกคนรู้สึกหนาวสะท้าน ชะงักเท้าที่กำลังย่างก้าวทันควัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง คนส่วนมากมีพลังบ่มเพาะอยู่ขอบเขตเซียนสวรรค์ แต่กลิ่นอายน่าเกรงขามที่เจี่ยงหนิงปล่อยออกมานั้น ถึงขนาดที่มีคนขอบเขตเซียนลึกลับหลายคนรู้สึกผวาจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่างเลยทีเดียว

ขอบเขตเซียนลึกลับขั้นกลาง!

แกร่งกว่าข้าเสียอีก!

เมื่อสัมผัสถึงพลังชีวิตที่แผ่ออกจากร่างเจี่ยงหนิง เฉินซีก็หรี่ตาลงและรู้ว่าเจี่ยงหนิงมีความแข็งแกร่งน่าเกรงขามเพียงใด ยอดยุทธ์เช่นนี้ย่อมสามารถติดอันดับหนึ่งในสามเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีปของทวีปทักษิณาได้อย่างแน่นอน!

ถึงขั้นที่เฉินซีสงสัยว่าเจี่ยงหนิงจะสามารถรุดหน้าขึ้นติดอันดับหนึ่งพันแรกของเทียบอันดับเซียนทะยานฟ้าได้ด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ว่าจะอยู่อันดับใดกันแน่

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเจี่ยงหนิงแข็งแกร่งจริง ๆ!

“ข้าไม่อยากทำให้พวกเจ้าต้องลำบาก ฉะนั้นพวกเจ้าก็แค่ยืนอยู่ตรงนั้นเงียบ ๆ แล้วให้ข้าค้นความทรงจำเสียแต่โดยดี หากเจ้าไม่ใช่คนที่ข้าตามหาก็สามารถไปได้อย่างปลอดภัย” เจี่ยงหนิงเอ่ยเสียงเย็นอันเด็ดขาดออกมา “ใครกล้าขัดขืนจะต้องตายสถานเดียว!”

ทันทีที่พูดจบ ทุกคนก็ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ความหวาดกลัวในใจเริ่มแฝงแววขุ่นเคือง กล้ามาค้นความทรงจำของพวกเราอย่างนั้นหรือ! ชั่วช้ายิ่ง! นับว่าหมิ่นเกียรติและความเป็นส่วนตัวอย่างใหญ่หลวง ทำให้พวกเขาโกรธจัดทีเดียว!

เฉินซีเองก็ขมวดคิ้วเช่นกัน สถานการณ์นี้น่าปวดหัวไม่น้อย เขาอาจใช้ร่างอวตารปกปิดตัวตนที่แท้จริงไว้ได้ แต่ไม่อาจปิดบังความทรงจำ คงถูกเจี่ยงหนิงจับได้เป็นแน่

“แล้วพวกเราต้องยอมให้เจ้าทำเช่นนั้นด้วยเหตุอันใด?” มีคนถามขึ้นมาด้วยเสียงโกรธเกรี้ยว เขาเป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนลึกลับขั้นสูง นับว่ามีพลังบ่มเพาะสูงส่งกว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่ ดังนั้นจึงไม่หวาดกลัวเจี่ยงหนิงเหมือนคนอื่น

เฉินซีร้องขึ้นในใจ ‘แย่แล้ว!’

แน่นอนว่าเจี่ยงหนิงคลี่ยิ้มเหี้ยมออกมาเห็นฟันขาวชัดเจน ส่งสายตาเย็นชามองไปทางคนผู้นั้น “ด้วยเหตุอันใดน่ะหรือ? ก็ด้วยเหตุที่ข้าจะฆ่าเจ้าอย่างไรเล่า!”

ทันทีที่พูดจบ อีกฝ่ายก็เอื้อมแขนออก ส่งแสงสีดำคมกริบกรีดผ่านห้วงอากาศราวกับเคียวยมทูตจากยมโลก พริบตาต่อมาแสงนั้นก็ล้อมรอบกายคนผู้นั้น!

ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]